Update (18 พย.52) วันนี้ Honda ได้เปิดตัวและเคาะราคา Freed แล้วครับ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ click
ในที่สุด Honda ประเทศไทย ก็ตัดสินใจจะนำเข้า รถ Mini MPV อย่าง Honda Freed จากประเทศอินโดนีเซีย มาทำตลาดในประเทศไทย หลังจากได้นำมาโชว์ตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงเทพเมื่อต้นปีนี้ และได้รับความสนใจจากลูกค้ามากมาย กำหนดการวางลูกนิมิตรก็คือ ปลายปีนี้เลย จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างมากสำหรับตลาดรถเล็กที่ขณะนี้คึกคักน่าดู
[singlepic id=9513 w=490 h=360 float=center]
หลังจากฮอนด้า นำ”ฟรีด” มาเผยโฉมในบ้านเราในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ เมื่อต้นปี 2009 ถึงตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า จะนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราในช่วงปลายปีนี้จากไลน์ผลิตที่อินโดนีเซีย เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพ และมาตรฐานการผลิต ฮอนด้า ได้จัดให้สื่อมวลชน รวมถึงผู้จำหน่ายบางส่วนไปเข้าชมโรงงานผลิต และทดลองขับฮอนด้า ฟรีด ถึงแดนอิเหนา
อินโดนิเซีย นับเป็นนัมเบอร์วันของรถยนต์ประเภทเอ็มพีวีในโซนเอเชียอาคเนย์ก็ว่าได้ โดยในตลาดกลุ่มนี้ นอกจากโตโยต้าแล้ว ฮอนด้าก็มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ในตลาดรถยนต์ของอินโดนีเซียด้วยรุ่นแจ๊ซ และซีอาร์-วี และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฮอนด้าเขย่าตลาดเอ็มพีวีในอินโดนีเซียด้วยทางเลือกใหม่อย่างรุ่นฟรีด
[singlepic id=9514 w=490 h=360 float=center]
ผลปรากฎว่า ได้รับความสำเร็จอย่างมาก เพียงเดือนเดียวมีจอดจองมากถึง 4,321 คัน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ได้รับความสนใจในเมืองไทยอย่างมาก เพราะข่าวเริ่มแพร่ออกไปว่า จะมีขายในช่วงปลายปี ด้วยการนำเข้าของอินโดนีเซีย
ฮอนด้า ฟรีด ใช้พื้นฐานเดียวกับแจ๊ซ แต่ออกแบบให้มีมิติใหญ่ขึ้น ตัวถังมีความกว้าง 1,700 มิลิเมตร ยาว 4,215 มิลิเมตร สูง 1,735 มิลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ซึ่งก็ใกล้เคียงกับแจ๊ซ ยกเว้นความสูงที่ดูจะโดดเด่นอยู่สักหน่อย เนื่องจากต้องมีที่นั่งถึง 3 แถวด้วยกัน
อธิบายง่ายๆ คือ ฟรีด เป็นมินิเอ็มพีวี บนพื้นฐานตัวถังด้านล่างเดียวกับแจ๊ซ ขนาดโดยรวม คือ จับแจ๊ซมาบวมนิดและยืดให้ยาว (ฐานล้อยาวกว่าซีวิคเล็กน้อย) พร้อมใส่เบาะ 3 แถว
[singlepic id=9510 w=490 h=360 float=center]
การออกแบบก็คล้ายๆ กับแจ๊ซ แต่ใหญ่ขึ้น กระจังหน้าดูหรู มุมองศาของคานเสาเอรับต่อเนื่องจากแนวของฝากระโปรงหน้า ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดูกว้างขึ้น ประตูคู่หน้าบานใหญ่ เปิดได้กว้าง ประตูคู่หลังขนาดใหญ่เช่นกัน เป็นประตูแบบสไลด์ ซึ่งในอินโดนิเซีย มีให้เลือกทั้งแบบเปิดไฟฟ้า และแบบแมนนวล ใช้แรงคนเปิดเอง ฝาท้ายค่อนข้างโดดเด่น มีขนาดใหญ่ สามารถเปิดแบบยกขึ้นได้แนวระนาบเดียวกับหลังคา ช่วยในการขนสัมภาระเข้า-ออก ได้อย่างสะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้ใช้งานแบบอเนกประสงค์ ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบไล่สเต็บ 2 ชั้น สามารถทำช่องเก็บของได้ขนาดใหญ่ และที่วางแก้วน้ำที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าใช้งานได้อย่างสะดวก รวมถึงชุดคอนโทรลระบบปรับอากาศที่อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ปุ่มเปิด-ปิด ประตูไฟฟ้า จัดวางในจุดที่ใช้งานสะดวกและมองเห็นอย่างชัดเจน โดยผู้โดยสารด้านหลังก็สามารถเปิด-ปิดประตูได้จากสวิตช์ที่ประตูได้เช่นกัน
[singlepic id=9511 w=490 h=360 float=center]
เบาะแถว 2 เป็นแบบแยกชิ้นซ้าย-ขวา เพื่อให้สามารถเดินทะลุเข้าไปที่นั่งแถวที่ 3 ได้ โดยเบาะแถวที่ 3 สามารถพับเก็บได้ในแบบแขวนไว้ด้านข้าง ก็มีเนื้อที่สามารถบรรทุกสัมภาระได้พอสมควร
ฟรีดที่จำหน่ายในอินโดนีเซียใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 14.7 กก.-ม.ที่ 4,800 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
จากการทดลองขับในสนามทดสอบของโรงงานฮอนด้า ในอินโดนิเซีย เมื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ ให้ความรู้สึกเหมือนกับขับแจ๊ซอยู่ ทัศนวิสัยใกล้เคียงกันมาก แต่อัตราเร่งเครื่องยนต์ดี แม้ขนาดตัวถังจะใหญ่กว่าแจ๊ซ และเมื่อลองนั่งแบบ 5 คนดูบ้าง คงต้องยอมรับว่า เบาะแถวที่ 3 ออกแบบไว้ให้นั่งได้จริงๆ ไม่รู้สึกอึดอัด ช่วงเฮดรูมมีเนื้อที่เหลือเฟือ เพราะหลังคาออกแบบไว้ค่อนข้างสูง
[singlepic id=9512 w=490 h=360 float=center]
เช่นเดียวกับเลกรูมในเบาะนั่งแถว 3 เพียงเบาะนั่งแถว2 ขยับไปข้างหน้านิดนึง คนสูงระดับ 170 ซม. นั่งแถว 3 ได้สบาย และอัตราเร่งเครื่องยนต์ฟังจากเสียงเครื่องก็ไม่อืดอย่างที่คิดไม่ต้องลากเกียร์ แต่ความเร็วที่จะขึ้นไปสู่ระดับ 100 กม./ชม. นั้นจะช้ากว่านั่ง 2 คนไปนิดนึง
สำหรับฮอนด้า ในการพาไปดูโรงงานประกอบ และทดลองขับเพื่อสร้างความเชื่อมั่นใน “ฮอนด้า ฟรีด” นั้น ประสบความสำเร็จมาก อย่างตัวรถที่ประกอบที่โรงงานอินโดนิเซียนั้น ถ้าไม่บอกว่าประกอบที่ไหนดูไม่ออกเลย ยอมรับว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด
ส่วนการทดลองขับนั้น สมรรถนะก็เหมาะสมกับตัวรถ รวมถึงความโดดเด่นในเรื่องของห้องโดยสารที่อเนกประสงค์ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องดูสเปคที่เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราอีกทีหนึ่ง รวมถึงราคาที่จะเป็นตัวแปรอย่างมากในการทำตลาดในเมืองไทย โดยเชื่อว่าฟรีดจะเป็นตัวเลือกที่ถูกส่งมาแทรกกลางระหว่างแจ๊ซรุ่นท็อป กับฮอนด้า ซีวิครุ่นล่างสุด
ฟรีดจะเปิดตัวในไทยปลายปี 2552 นี้ และเริ่มจดทะเบียนได้ 1 มกราคม 2553 เพราะเป็นวันเริ่มต้นอัตราภาษีใหม่ของการนำเข้าส่งออกสินค้าในแถบอาเซียน ที่เป็นอ้ตราต่ำลง
คาดว่า ราคาน่าจะอยู่ในช่วง 750,000-850,000 บาท แล้วแต่ความครบครันของอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นย่อย
ที่มา: นิตยสาร Thaidriver
[nggallery id=607]
ความคิดเห็น