เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อวานนี้สำหรับ Mitsubishi Lancer EX ที่หลายคนรอคอย กับเครื่องยนต์ทางเลือก 1.8 และ 2.0 ลิตร ที่สามารถใช้กับพลังงานทางเลือกอย่าง แก๊สโซฮอล์ E85 ได้สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร โดยมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ในราคาเริ่มต้นที่ 8.31 แสนบาท ในขณะที่รุ่นท็อปสุดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เคาะราคาเกินล้านที่ 1.034 ล้านบาท ใครรที่เตรียมแต่งรถคันนี้ หาไอเดียการแต่งได้จากภาพ EVO X ที่ AutoSpinn.com เคยลงไว้มากกว่า 100 รูปครับ แต่งกันสนุกเลยทีนี้
[singlepic id=10724 w=490 h=360 float=center]
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เปิดตัว “แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่” ชูจุดเด่นใช้พลังงานทางเลือกอย่าง แก๊สโซฮอล์ อี85 ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV 139 แรงม้า ขณะที่ตัวท็อป 2.0 ลิตร เน้นความสปอร์ตอัดออปชันมาให้เพียบ กับราคาเริ่มต้น 8.31 แสนบาท - 1.034 ล้านบาท ตั้งเป้า 6 เดือนขาย 4,000 คัน
สำหรับขุมพลังใหม่ 2 ทางเลือก ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่ บล็อก 4B10 ขนาด 1.8 ลิตร FFV ถือเป็นรถยนต์เฟลกฟิวรุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากเพื่อการขายในประเทศไทย รองรับได้ทั้งน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดจนถึง E85 ให้กำลังสูงสุดที่ 139 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที
[singlepic id=10723 w=490 h=360 float=center]
ขณะที่บล็อก 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC MIVEC รองรับทั้งเบนซิน 91 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นยังผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า อย่างเสื้อสูบอะลูมิเนียม ฝาครอบวาล์วแบบพลาสติกพิเศษ พร้อมโครงสร้างการวางท่อร่วมไอเสียไว้ด้านหลัง และการติดตั้งแผ่นสแตนเลสครอบท่อร่วมไอเสียโดยรอบเพื่อป้องกันความร้อน มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วทั้งไอดีและไอเสียให้แปรผันสัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆ รอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ จึงให้ทั้งสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน
ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเร้าใจด้วยฟังก์ชั่น Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์
[singlepic id=10726 w=490 h=360 float=center]
ด้านช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบมัลติลิงก์พร้อมคอยส์สปริง และเหล็กกันโคลง ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่น GT ยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูง
รูปลักษณ์โดดเด่นมากับเส้นสายที่สะท้อนความปราดเปรียว ล้ำสมัย ด้วยส่วนหน้าที่ลาดเอียงลงตามแบบฉบับรถเก๋งของมิตซูบิชิ พร้อมกระจังหน้าใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูรับกับกรอบไฟทรงเรียวยาว ซึ่งภายในเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยไฟแบบมัลติรี-เฟล็กเตอร์ แบบฮาโลเจน สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ รุ่น GLX ส่วนไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ แบบไบซีนอน (Bi-Xenon) พร้อมระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าและระบบเพิ่มความส่องสว่างด้านข้างขณะเข้าโค้ง (AFS) จะมาในรุ่น GT
ด้านหลังออกแบบให้โดดเด่นด้วยชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมจัดวางแนวเฉียงขึ้นช่วยให้เห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม และด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตนี่เองทำให้ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มีให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เพียง 0.29
[singlepic id=10725 w=490 h=360 float=center]
ล้ออัลลอยในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร FFV รุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และรุ่น GLX ใช้ขนาด 16 นิ้ว ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่น GT มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ รุ่น GLS ยังมาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟตัดหมอกหน้า และปลายท่อสเตนเลส พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับรุ่น GT ยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลังอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมี 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ โมโนโทนสีดำสไตล์สปอร์ตในรุ่น GT และ GLS-Ltd. และแบบทูโทน สีดำ-เบจในรุ่น GLS และ GLX ทั้งนี้ ในรุ่น GT และ GLS-Ltd. จะใช้เบาะหนัง พร้อมความอเนกประสงค์ของเบาะหลังที่สามารถพับแบบ 60:40 ได้
[singlepic id=10721 w=490 h=360 float=center]
สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร GT ติดตั้งระบบพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถเลือกปรับการใช้งานหลากหลาย โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อการควบคุมที่ดีกว่า ทั้งระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ง่ายต่อการปรับ เลือกเพลงและระบบเสียง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
เครื่องเสียงวิทยุซีดี MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่น GT รุ่น GLS-Ltd. และ GLS ในขณะที่รุ่น GLX มาพร้อม วิทยุซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง ด้านจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ เรืองแสงสีแดงแบบ LED ง่ายต่อการอ่านและการใช้งานขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกตัวรถ รวมไปถึงการเตือนต่างๆ เมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ
นอกจากนี้ รถทุกรุ่นยังติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกและปลอดภัยอัจฉริยะ Mitsubishi Motors ETACS (Electric Total Automobile Control System) ซึ่งควบคุมระบบไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดไฟหน้าและไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (immobilizer) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในรถ พร้อมด้วยเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ระบบเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบผ่อนแรง ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับล้อขนาด 15 นิ้วขึ้นไป สำหรับรุ่น GLS-Ltd. รุ่น GLS และ GLX และรองรับล้อขนาด 16 นิ้วขึ้นไปสำหรับรุ่น GT
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ มี 4 รุ่นย่อย 5 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีแดง สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเทาดำ และสีดำ พร้อมราคาขาย 831,000 บาท ถึง 1,034,000 บาท...เริ่มจองแล้วตั้งแต่วันนี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยลงโชว์รูมพร้อมขายอย่างเป็นทางการ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป
ราคา มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
รุ่น ราคา(บาท)
1.8 MIVEC GLX 831,000
1.8 MIVEC GLS 886,000
1.8 MIVEC GLS-Ltd. 899,000
2.0 MIVEC GT 1,034,000
ที่มา: ผู้จัดการมอเตอริ่ง
[nggallery id=700]
ความคิดเห็น