Volkswagen Amarok รถกระบะปิกอัพ Made in Argentina เตรียมสู้ศึกในยุโรปและอเมริกาใต้ปีหน้า Share this

Volkswagen Amarok รถกระบะปิกอัพ Made in Argentina เตรียมสู้ศึกในยุโรปและอเมริกาใต้ปีหน้า

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 09 December 2552

Volkswagen ได้ปล่อยภาพและรายละเอียดเวอร์ชั่นผลิตของรถกระบะปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุด Volkswagen Amarok ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันในตลาดรถบรรทุกปิกอัพขนาด 1 ตัน โดยในช่วงแรก Amarok จะทำตลาดในเวอร์ชั่น Double Cab 4 ประตู โดยเวอร์ชั่น Single Cab จะมีการเปิดตัวตามมาหลังจากนั้นในปี 2011 โดย Amarok จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานของ Volkswagen ในเมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า โดยจะเริ่มมีจำหน่ายในทวีปอเมริกาใต้ช่วงต้นปี 2010 และในยุโรปในช่วงครึ่งหลังของปีเดียวกัน Volkswagen ยังมีแผนจำหน่าย Amarok ในออสเตรเลียและแอฟริกาใต้ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีแผนในการจำหน่ายในอเมริกาเหนือ

[singlepic id=14596 w=490 h=360 float=center]

Volkswagen Amarok ได้รับการออกแบบภายนอกให้ดูสมบุกสมบันสไตล์รถกระบะปิกอัพโดยแท้ ส่วนภายในมีการออกแบบคล้ายกับรถที่เน้นบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า และเมื่อเปรียบเทียบกับรถแนวคิดที่เผยโฉมเมื่อปีที่แล้วในงานมอเตอร์โชว์ที่เมืองฮานโนเวอร์ ประเทศเยอรมันนี ก็ต้องบอกว่าแทบไม่มีอะไรที่แตกต่าง

[singlepic id=14591 w=490 h=360 float=center]

Amarok มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากถึง 1.15 ตัน มีน้ำหนักลากจูงสูงสุดที่ 2.8 ตัน และด้วยพื้นที่บรรจุสัมภาระถึง 2.52 ลูกบาศก์เมตร Amarok คือรถที่มีมิติของพื้นที่ความจุที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารถระดับเดียวกันคือ มีความยาว 1,555 มิลลิเมตร และกว้าง 1,620 มิลลิเมตร

[singlepic id=14597 w=490 h=360 float=center]

ขุมกำลังของ Volkswagen Amarok มี 2 ชนิด คือ เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล TDI 2.0 ลิตร ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และรุ่นกำลัง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์ดีเซลทั้งสองชนิดนี้มีสเปคตรงตามมาตรฐาน Euro 5 โดยชับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

[singlepic id=14598 w=490 h=360 float=center]

ในเรื่องของระบบขับเคลื่อนนั้นจะเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนทุกล้อ 4MOTION All-Wheel-Drive ที่เป็นแบบ Switchable หรือ Permanent โดยระบบขับเคลื่อน All-Wheel-Drive แบบ full time จะใช้ differential ของ Torsen ที่กระจายการขับในอัตรา 40:60 ไปยังเพลาหน้าและหลัง ในขณะที่ระบบล็อก differential หลังมีให้เลือกเป็น option

[singlepic id=14593 w=490 h=360 float=center]

Volkswagen เผยว่าสำหรับเวอร์ชั่น 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล TDI 122 แรงม้า จะซดน้ำมันเพียง 7.6 ลิตร/100 กิโลเมตร ในขณะที่รุ่นกำลัง 163 แรงม้า กินน้ำมัน 7.8 ลิตร/100 กิโลเมตร และด้วยความจุถังน้ำมันที่ 80 ลิตร Amarok มีระยะทางทำการเกิน 1,000 กิโลเมตร

[singlepic id=14600 w=490 h=360 float=center]

ในปีหน้าที่จะเริ่มจำหน่าย Amarok มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก โดยรุ่นแรกที่เป็นรุ่นพื้นฐานจะไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ใช้ระบบไฟฟ้า เรียกว่าควบคุมด้วยมือล้วนๆ ส่วนกันชนหน้า ที่จับประตู และกระจกมองข้างไม่มีการทำสีใดๆ ล้อก็ใช้ล้อเหล็กขอบ 16 นิ้ว

[singlepic id=14601 w=490 h=360 float=center]

ขยับขึ้นมาอีกรุ่นคือ รุ่น Trendline รุ่นนี้จะมีการทำสีกันชนหน้า ที่จับประตูและครอบกระจกมองข้าง ใช้ระบบไฟฟ้าควบคุมม่านกระจก ล็อคประตูและกระจกมองข้าง นอกจากนั้นยังมีเครื่องเล่น CD ระบบควบคุมอากาศภายใน ล้อทำด้วยวัสดุอัลลอยขอบ 16 นิ้ว มีจอแสดงผลแบบ Multi-Functional ระบบ cruise control และไฟตัดหมอก

[singlepic id=14595 w=490 h=360 float=center]

รุ่นท็อปสุดคือ รุ่น Highline ที่มีการอัพเกรดขึ้นไปอีกด้วยครอบกระจกมองข้างโครเมี่ยม แต่งลายภายนอกและภายในด้วยชุดโครเมี่ยม ขยายบังโคลนเพื่อรองรับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว นอกจากนั้นแผงหน้าปัดยังมีการใช้สีตัดกันเพิ่มความหรูหราภายใน ระบบควบคุมอากาศแบบอัตโนมัติ Climatronic ตกแต่งด้วยเครื่องหนัง ระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ ชุดหุ้มเบาะทำด้วยวัสดุผ้าชนิดพิเศษ

ราคาของ Volkswagen Amarok จะมีการยืนยันในช่วงก่อนการปล่อยออกสู่ตลาดครับ

[nggallery id=954]

ที่มา: Volkswagen


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ