BMW ได้ปล่อยรายละเอียดพร้อมภาพชุดใหญ่ของ BMW X5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2011 ก่อนที่จะมีการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายนนี้ ความใหม่ของรถ Crossover หรือ SUV รุ่นนี้อยู่ตรงที่กันชนหน้าหลังออกแบบใหม่ มีสีตัวถังใหม่ให้เลือกมากขึ้น ล้ออัลลอยใช้ลายใหม่ ไฟหน้าก็ใหม่ ส่วนไฟตัดหมอกมีตำแหน่งที่ต่างไปจากรุ่นก่อนหน้านี้ ไฟท้ายก็มีการออกแบบใหม่ เรียกว่าเป็นไปตามสูตรของรถรุ่นปรับเล็กแบบแต่งหน้าปาปากใหม่นั่นเอง
[singlepic id=16413 w=490 h=360 float=center]
สำหรับภายในแล้ว BMW มีการเพิ่มระบบ iDrive แบบใหม่เข้าไปพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว (โดยมีจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้วเป็น option) นอกจากนั้นยังมีการเพิ่ม option ใหม่มาเป็นทางเลือกซึ่งได้แก่ เบาะนั่งด้านหน้ามีช่องระบายอากาศแบบ Active พวงมาลัยมีระบบทำความร้อน หลังคาแก้วแบบ Panorama ระบบควบคุมอากาศภายในอัตโนมัติแบบ 4 โซน เครื่องเล่น DVD ในเรื่องของอุปกรณ์างด้านเทคโนโลยี BMW X5 สามารถทำการติดตั้งจอแสดงผลในลักษณะ head up ได้ด้วย ไฟหน้าแบบ Adaptive Cornering ที่มีการปรับลำแสงตามมุมการเข้าโค้ง แถมยังมีระบบช่วยส่องไฟสูง ระบบช่วยจอด กล้องมองหลัง ระบบ Cruise Control พร้อมระบบ Stop & Go ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนช่องจราจร และจอแสดงข้อมูลความเร็วรถ
[singlepic id=16421 w=490 h=360 float=center]
ภายใต้ฝากระโปรง เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ได้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 6 สูบ แถวเรียง รหัส N55 แบบใหม่ล่าสุด ที่ให้กำลัง 302 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งผลให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายในเวลา 6.8 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์รหัส N55 รุ่นนี้ช่วยให้ X5 มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 10.1 ลิตร/100 กิโลเมตร ในขณะที่อัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศอยู่ที่ 236 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=16435 w=490 h=360 float=center]
สำหรับรุ่น X5 xDrive50i จะใช้เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo 4.4 ลิตร(แทนเครื่องยนต์ V8 NA 4.8 ลิตร แบบเดิม)ให้กำลัง 402 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งผลให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถทำได้ในเวลา 5.5 วินาที ก่อนที่จะทำความเร็วสูงสุดแตะ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลงิอยู่ที่ 12.5 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศอยู่ที่ 292 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=16434 w=490 h=360 float=center]
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล BMW มีให้เลือกเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร จำนวน 2 รุ่น สำหรับรุ่น X5 xDrive40d เครื่องยนต์จะให้กำลัง 302 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 236 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร ในขณะที่อัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศอยู่ที่ 198 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=16424 w=490 h=360 float=center]
สำหรับรุ่น X5 xDrive30d นั้นให้กำลัง 241 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 7.6 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 222 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่าเป็นรุ่นเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.4 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศอยู่ที่ 195 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=16430 w=490 h=360 float=center]
โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นจะขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อความนุ่มนวล ประสิทธิภาพสูงสุด และความสะดวกสบายในการขับขี่
[singlepic id=16428 w=490 h=360 float=center]
การเปลี่ยนแปลงในทางเทคนิครวมถึงระบบ xDrive (All-Wheel-Drive) ที่ได้รับการปรับแต่งชุดสปริงและแดมเปอร์สำหรับรุ่น xDrive50i และ xDrive40d และระบบพวงมาลัย Servotronic แบบใหม่
[singlepic id=16429 w=490 h=360 float=center]
BMW X5 ใหม่นี้จะเริ่มมีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาหลังจากการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ในเดือนเมษายน ในขณะที่การจำหน่ายในสหราชอาณาจักรและเยอรมันนีจะเริ่มขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายนศกนี้ โดยมีการตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 43,980 ปอนด์และ 54,200 ยูโรตามลำดับ
[singlepic id=16493 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=16478 w=490 h=360 float=center]
* สำหรับบทความนี้ขอใช้การแสดงภาพแบบเดิมนะครับ เพราะจำนวนภาพมีมากเกินไป
[nggallery id=1085]
ที่มา: BMW
ความคิดเห็น