หลังจากที่ได้เผยโฉม CL-Class รุ่นมาตรฐานไมเนอร์เชนจ์ไปไม่ถึงเดือน Mercedes-Benz ก็รีบปล่อยเวอร์ชั่นพิเศษ CL63 AMG และ CL65 AMG ออกมาทันที ก่อนที่จะเปิดตัวรถทั้งสองรุ่นเป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Paris Motor Show ต้นเดือนตุลาคมนี้ ภายนอกของเวอร์ชั่น AMG มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของกันชนหน้าที่มาพร้อมไฟวิ่ง LED Daytime โดยกระจังหน้าดูเป็นรูปตัว V มากขึ้น ฝากระโปรงหน้ามีเส้นสายและมิติสูงต่ำมากขึ้น ไฟหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน ส่วนกันชนหลังและไฟท้ายก็ได้รับการดีไซน์ใหม่ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย
[singlepic id=26907 w=490 h=360 float=center]
ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภายในตัวรถ ถือว่าค่อนข้างน้อย คือ มีการใช้พวงมาลัยออกแบบใหม่ วัสดุต่างๆที่มีคุณภาพสูงขึ้น และมีสีใหม่ๆให้เลือก เรื่องสำคัญคงจะเป็นเรื่องของขุมพลังที่ใช้ โดยเครื่องยนต์เดิม V8 6.2 ลิตร NA ถูกทดแทนด้วยเครื่องยนต์ V8 5.5 ลิตร ที่มีขนาดเล็กกว่าแต่กลับแรงกว่าและประหยัดน้ำมันมากกว่า โดยเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้มาพร้อมระบบทวินเทอร์โบและเทคโนโลยี Direct Injection โดยขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift 7 จังหวะ
[singlepic id=26893 w=490 h=360 float=center]
เครื่องยนต์ใหม่ที่ว่าให้กำลัง 536 แรงม้าที่ความเร็วรอบ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 590 ปอนด์ฟุต ที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที โดยทำให้ CL63 AMG มีอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
[singlepic id=26895 w=490 h=360 float=center]
Mercedes-Benz ยังมีชุดแต่งสมรรถนะ AMG ให้เลือก เพื่อยกระดับกำลังรถจากเดิมไปเป็น 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 664 ปอนด์ฟุต ทำให้อัตราเร่งจาก 0-96 ลดเวลาไปอีกนิดเหลือ 4.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดขยับขึ้นเป็น 299 กิโลเมตร/ชั่วโมง
[singlepic id=26900 w=490 h=360 float=center]
นอกจากจะมีเครื่องยนต์ใหม่แล้ว รุ่น CL63 AMG ยังมีเทคโนโลยีใหม่เพิ่มเข้ามาถึง 3 ระบบด้วยกันคือ ระบบ Direct Steer ระบบเบรค Torque Vectoring และระบบ Crosswind Stabilization ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมและความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนรุ่นท็อปอย่าง CL65 AMG ยังใช้เครื่องยนต์เดิมคือ เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 6.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ โดยวิศวกรของบริษัทฯได้ทำการปรับแต่งให้ได้กำลังเพิ่มขึ้นอีก 17 แรงม้า รวมเป็น 621 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุดเท่าเดิมคือ 738 ปอนด์ฟุต ในส่วนของอัตราเร่งจาก 0-96 ทำได้ภายในเวลา 4.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 299 กิโลเมตร/ชั่วโมงครับ
[singlepic id=26909 w=490 h=360 float=center]
และแม้ว่ากำลังและแรงบิดจะมากขึ้น แต่อัตราสิ้นเปลืองรวมถึงอัตราการปล่อยไอพิษกลับน้อยกว่าเดิมถึง 27 และ 30% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เครื่องยนต์ V8 NA รุ่นเดิม
[singlepic id=26910 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=26904 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=26898 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=26896 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=26908 w=490 h=360 float=center]
[nggallery id=1762]
ที่มา: Mercedes-Benz
ความคิดเห็น