เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Audi ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับ All-New Audi A7 Sportback ในงานที่จัดขึ้นพิเศษเพื่อการณ์นี้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Pinakothek der Moderne ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี หลังจากที่ AutoSpinn ได้เคยนำภาพและข้อมูลบางส่วนมาให้ชมแล้ว วันนี้เลยขอขยายความเพิ่มเติมพร้อมนำภาพสวยๆของ A7 Sportback 84 ภาพ และคลิปวิดีโอมาให้ชม
[singlepic id=27394 w=490 h=360 float=center]
Audi A7 Sportback คูเป้ 5 ประตูรุ่นนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อชนกับคู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง Mercedes-Benz CLS และ BMW Series 5 Gran Turismo (GT) โดยเฉพาะ ซึ่ง Audi เปิดเผยว่า A7 เวอร์ชั่นผลิตนี้ได้นำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของรถ 3 แบบ 3 สไตล์มารวมเข้าไว้ด้วยกันคือ ความเป็นสปอร์ตในแบบคูเป้ ความสะดวกสบายในแบบซีดาน และการใช้งานในแบบสเตชั่นวากอน โดย A7 Sportback รุ่นนี้ดูคล้ายกับ A6 เจนเนอเรชั่นต่อไป ที่มีเส้นหลังคาต่ำลง มีประตูหลังที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยขน์ได้อย่างเต็มที่มากกว่า และมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 4 คน
[singlepic id=27458 w=490 h=360 float=center]
การออกแบบภายนอกและภายในของ A7 Sportback แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากรถที่แสดงในงาน Detroit Motor Show ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังมีความแตกต่างในส่วนของรายละเอียดเช่น ไฟหน้าและไฟท้ายมีขนาดใหญ่ขึ้น รูปทรงและขนาดของครอบกระจกข้างเปลี่ยนไป การตกแต่งภายในไม่หวือหวาเหมือนรถต้นแบบ นอกจากนั้นยังมีสปอยเลอร์หลังที่้สามารถพับได้เหมือนกับที่ใช้ใน Porsche Panamera
[singlepic id=27432 w=490 h=360 float=center]
A7 Sportback ซึ่งถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้อยู่ระหว่าง A6 และ A8 มีมิติความยาวที่ 4.97 เมตร กว้าง 1.91 เมตร แต่สูงเพียง 1.42 เมตร ประตูเปิดด้านหลังเผยให้เห็นพื้นที่จุสัมภาระขนาดความจุ 535 ลิตร แต่สามารถขยายเพิ่มเป็น 1,390 ลิตร ได้ด้วยการพับเบาะหลังลง A7 ใช้สถาปัตยกรรมโครงสร้างที่ได้รับการดัดแปลงใหม่ของ A6 เจนเนอเรชั่นต่อไป(ที่จะมีการเปิดตัวในปีหน้าทั้งเวอร์ชั่นซีดานและ Avant หรือสเตชั่นวากอนในแบบของ Audi)
[singlepic id=27434 w=490 h=360 float=center]
ในช่วงแรกของการทำตลาด Audi A7 Sportback จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินและเทอร์โบดีเซลอย่างละ 2 รุ่น ที่มีระบบ Direct Injecvtion ระบบการนำพลังงานมาใช้ใหม่ และเทคโนโลยี Stop & Start ซึ่งเครื่องยนต์เบนซินประกอบด้วยเครื่องยนต์รุ่น 2.8 FSI และ 3.0 TFSI ซึ่งทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ Dual Clutch S-Tronic และใช้ระบบ Quattro AWD
[singlepic id=27404 w=490 h=800 float=center]
เครื่องยนต์เบนซิน 2.8 ลิตร NA ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 5,250 รอบ/นาที ทำให้ A7 รุ่นนี้มีอัตราเร่งจาก 0-100 ภายในเวลา 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ลิตร/100 กิโลเมตร ในขณะที่อัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศอยู่ที่ 187 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=27403 w=490 h=360 float=center]
ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร ซุปเปอร์ชาร์จ ให้กำลัง 300 แรงม้า ที่ 5,250-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,900-4,500 รอบ/นาที ทำความเร็วจาก 0-100 ได้ภายใน 5.6 วินาที มีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองฯที่ 8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เท่ากับ 190 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=27393 w=490 h=360 float=center]
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล มี 2 เวอร์ชั่นของเครื่องยนต์ V6 TDI 3.0 ลิตร โดยรุ่นที่แรงกว่าให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 4,000-4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,250 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ S Tronic และใช้ระบบ Quattro AWD ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อัตราเร่งจาก 0-100 ทำได้ภายใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองฯคือ 6.0 ลิตร/100 กิโลเมตร ส่วนอัตราการปล่อยไอพิษเท่ากับ 158 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=27401 w=490 h=360 float=center]
ส่วนเวอร์ชั่นพื้นฐานของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,750-4,500 รอบ/นาที โดยจะใช้ระบบ FWD และเกียร์อัตโนมัติ Multitronic เท่านั้น และด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ จะทำให้ A7 ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 8.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 234 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองฯคือ 5.3 ลิตร/100 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศเท่ากับ 139 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=27425 w=490 h=360 float=center]
แม้ว่า Audi จะไม่เปิดเผยในเรื่องการออกรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง S7 และ RS7 รวมถึงเวอร์ชั่นไฮบริด แต่คาดว่าน่าจะมีการเพิ่มเวอร์ชั่นพิเศษเหล่านี้เข้ามาในตระกูล A7 ภายในปีหน้า ที่ยุโรป Audi จะเริ่มจำหน่าย A7 Sportback ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นในเยอรมันที่ 51,600 ยูโรครับ
[singlepic id=27385 w=490 h=360 float=center]
[nggallery id=1782]
ที่มา: Audi
ความคิดเห็น