Update (23 เมษายน 2555) ตอนนี้ Toyota ได้เผยโฉมรถต้นแบบอีโคคาร์ออกมาแล้ว ชมภาพและอ่านข้อมูลได้ที่นี่ คลิก Toyota EcoCar
เป็นข่าวมานานแรมปีแต่ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไปสำหรับ Toyota Etios Liva แต่ในที่สุดก็เลื่อนเข้ามาเปิดตัวตามแผนเดิม Etios Liva ได้รับความสนใจไม่ใช่เพียงการเป็นเวอร์ชั่น Hatchback ต่อจาก Sedan ที่เปิดตัวไปในประเทศอินเดียวแล้วเท่านั้น แต่ถือว่าอาจจะเป็นไม้เด็ดของ Toyota หากบริษัทฯตัดสินใจทำตลาดอีโคคาร์ในประเทศไทยแม้ว่า Toyota ยังไม่มีอะไรชัดเจนในเรื่องนี้ หลังจากที่บริษัทฯเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะเน้นรถคุณภาพมากกว่ารถราคาถูก อย่างไรก็ตาม การจัดให้รถรุ่นนี้เป็นรถในระดับ Q-Class ตามคำนิยามในแง่คุณภาพ (Quality) ของบริษัทฯ นั่นอาจจะเป็นหาทางออกของการให้คำมั่นสัญญาที่เคยแถลงไปแล้วในเรื่องคุณภาพ ในขณะที่สเปคของ Etios Liva ก็เข้ากันกับเงื่อนไขของ BOI ของการเป็นรถอีโคคาร์พอดี ทำให้โอกาสที่ Toyota ทำตลาดรถรุ่นนี้ในเมืองไทยจึงสูงขึ้นไปอีก
Toyota Etios ถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อต่อกรกับคู่แข่งสำคัญในอินเดียอย่าง Maruti Swift และ Nissan Micra (หรือ March ในเมืองไทย) รวมถึง Honda Brio ที่ช่วงนี้อาจจะเงียบไปสักหน่อยจากผลกระทบของเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น ในประเทศอินเดีย Etios Liva จะมี 4 รุ่นย่อยให้เลือก คือ J, G, V, และ VX โดยจะมีขุมพลังเหมือนกันทุกรุ่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน 3NR-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาดความจุกระบอกสูบ 1.2 ลิตร (1,197 ซีซ๊) ผลิตกำลังสูงสุดได้ 80 แรงม้า(PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 3,100 รอบ/นาที ซึ่งทุกรุ่นจะใช้เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ โดยไม่มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติเลย ทาง Toyota อ้างว่ารถรุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 18.31 กิโลเมตร/ลิตร
Etios Liva มีมิติตัวถังคือ ยาว 3,775 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,510 มิลลิเมตร ซึ่งมีความยาวและความกว้างมากกว่า Swift และระยะฐานล้อก็ยาวกว่าถึง 70 มิลลิเมตรคือ 2,460 มิลลิเมตร ทำให้มีปริมาตรจุสัมภาระมากถึง 251 ลิตร โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 890 กิโลกรัม
ช่วงล่างของ Etios Liva ถือว่าเป็นเหมือนๆกับที่ใช้ในรถคู่แข่งรายอื่นๆคือ เป็น McPherson Struts สำหรับด้านหน้าและ Torsion Beam สำหรับด้านหลัง โดยเบรคหน้าเป็นแบบดิสก์เบรคเจาะรูระบายอากาศ ใช้ดรัมเบรคสำหรับล้อหลัง ส่วนล้ออัลลอยเป็นขอบ 14 นิ้ว หุ้มด้วยยางขนาด 175/65 R14
Etios Liva มีราคาเริ่มต้นที่ 3.99 แสนรูปี (2.75 แสนบาท) สำหรับรุ่น J ซึ่งเป็นรุ่น Base ไปจนถึง 5.99 แสนรูปปี (4 แสนบาท) สำหรับรุ่น VX ซึ่งเป็นรุ่นท็อป โดยรุ่น J จะมาพร้อมระบบปรับอากาศ กันชนสีเดียวกับตัวถัง มาตรวัดดิจิตอล ล้อกระทะ และ immobiliser ส่วนรุ่น G จะเพิ่มพวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกไฟฟ้าติดฟิล์ม เซ็นทรัลล็อค ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และช่องจ่ายไฟขนาดแรงดัน 12 โวลท์ ส่วนรุ่น V จะเพิ่มเครื่องเล่น CD/MP3 พร้อมช่อง USB ระบบแจ้งเตือนการรัดเข็มขัดนิรภัย และล้ออัลลอยแบบ 12 ก้าน ส่วนรุ่นท็อป VX จะได้รับการตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน พวงมาลัยหุ้มหลังพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง มือจับประตูโครเมี่ยม หัวเกียร์โครเมี่ยม โดยมีอ็อปชั่นเป็นถุงลมนิรภัยคู่ เบรค ABS และ EBD สำหรับรุ่น G แต่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่น V และ VX
ส่วนจะโดนใจคนไทยมากน้อยแค่ไหนหากนำมาขายในสเปคนี้ รูปลักษณ์แบบนี้ ต้องรอดูกันต่อไป!
ความคิดเห็น