Mercedes-Benz B-Class เจนเนอเรชั่นที่ 2 คือรถจากค่ายดาวสามแฉกที่จะถูกส่งไปเปิดตัวในงาน 2011 Frankfurt Motor Show เหมือนรถรุ่นใหม่อื่นๆ B-Class เป็นรถอเนกประสงค์ที่ Mercedes ให้นิยามว่าเป็น Compact Sports Tourer ซึ่งรูปร่างหน้าตาดูสปอร์ตมากขึ้นแถมยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.26 และ 0.24 หากมาพร้อมชุดแต่ง Eco นอกจากนั้น Mercedes ยังเสริมอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆเข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Adaptive Headlamp Assist ระบบ Blind Spot Assist หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบ Lane Keeping Assist ระบบ Attention Assist ระบบ Speed Limit Assist ระบบ Active Parking Assist ระบบ Linguatronic ระบบ Distronic PLUS ระบบ Pre-D=Safe & Collision Prevention Assist ที่มาพร้อมระบบ Adaptive Brake Assist เรียกว่าจัดเต็ม!
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบ Start/Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันให้กับเครื่องยนต์ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน M270 4 สูบ ที่มาพร้อมระบบ Direct Injection เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของบริษัทฯ ขนาดความจุ 1.6 ลิตร 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น B 180 และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร เช่นกัน แต่ให้กำลังสูงสุดที่ 154 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น B 200 ส่วนเครื่องยนต์เบนซินเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบ รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์ OM651 Common-Rail ที่มีใช้แพร่หลายในรุ่น C-Class ไปจนถึง S-Class โดยมีขนาดความจุ 1.8 ลิตร 107 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น B 180 CDI และขนาดกำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น B 200 CDI ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์ 7G-DCT Dual Clutch 7 สปีด ที่มีขนาดเล็กสุดๆ
B-Class โมเดลเชนจ์รุ่นนี้ มีตัวถังที่ยาวขึ้นกว่าเดิม 86 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 9 มิลลิเมตร แต่เตี้ยลง 43 มิลลิเมตร ทำให้มิติตัวถังอยู่ที่ ยาว 4,359 มิลลิเมตร กว้าง 1,786 มิลลิเมตร และสูง 1,557 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางและมีปริมาตรจุสัมภาระมากขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกจะพบความใหม่ในส่วนของไฟหน้าและไฟท้าย กระจังหน้าที่ดูสปอร์ตมากขึ้น และเส้นสายบนตัวถังที่ดูมีไดนามิคส์มากขึ้น สำหรับภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยหยิบยืมรูปแบบมาจากรุ่น SLS AMG ดังเห็นได้จากช่องแอร์แบบกลม โดยแผงหน้าปัดมีให้เลือกเป็นแบบทำด้วยมือหุ้มหนังพร้อมเย็บตะเข็บ ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบใหม่ชนิด 3 ก้าน จอสีแสดงผลแบบ TFT ซึ่งมีทั้งขนาด 5.8 และ 7.0 นิ้ว
อ็อปชั่นที่น่าสนใจก็คือ ระบบ Easy-Vario-Plus ที่ช่วยปรับระดับที่นั่งด้านหลังได้ 140 มิลลิเมตร และช่วยปรับขยายพื้นที่จุสัมภาระได้ระหว่าง 488-666 ลิตร รวมถึงการพับเบาะที่นั่งของผู้โดยสารเพื่อรองรับการใช้งานในหลายรูปแบบ
Mercedes เผยว่า รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กนี้มีความคล่องตัวมากกว่ารุ่นก่อนแต่ยังคงความสะดวกสบายไว้เช่นเดิม ด้วยการใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบ 4-Link โดยมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง รวมถึงระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถเลือกซื้อระบบกันสะเทือนสปอร์ตที่จะมีการโหลดเตี้ยลงไปอีก 20 มิลลิเมตร โดยการโช้คอัพรับแรงกระแทกที่สามารถปรับได้ตามต้องการ รวมถึงการมีระบบ Direct Steer ที่จะเข้าควบคุมมุมหักเลี้ยวได้โดยตรงมากขึ้น
Mercedes-Benz B-Class จะมี 4 รุ่นย่อยแบ่งตามอุปกรณ์ที่ติดตั้งคือ Chrome, Sports, Exclusive และ Night สำหรับราคาจำหน่ายยังไม่มีการเปิดเผยในขณะนี้
ความคิดเห็น