Mercedes-Benz ส่งท้ายปี 2011 ด้วยการเผยโฉม SL รุ่นปี 2013 รหัสตัวถัง R231 ที่มีรูปโฉมทั้งดุดันและคุ้นตาจากเส้นสายทรวดทรงที่ใกล้เคียงกับรุ่น SLK ความโดดเด่นของโรดสเตอร์สุดหรูรุ่นนี้อยู่ตรงที่ฝากระโปรงหน้าเจาะรูระบายอากาศ กระจังหน้าพร้อมแถบโครเมี่ยมคั่นกึ่งกลางตามขวาง ไฟหน้าขนาดใหญ่ฝัง LED ในขณะที่ช่องอากาศซ้ายขวาของกันชนหน้าดูโดดเด่นมากขึ้นด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นและเส้นแถบโครเมี่ยมก็มีความยาวมากขึ้น บั้นท้ายจะพบไฟท้ายแบบ LED และปลายท่อไอเสียคู่
เช่นเดียวกับ SL รุ่นก่อน หลังคาประทุนทำจากโลหะพับได้ แต่มีโครงสร้างแมกนีเซียมที่ลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 6 กิโลกรัม ที่สำคัญยังช่วยลดระดับความสูงของจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลงเพื่อการยึดเกาะถนนและการทรงตัวที่ดีขึ้น นอกจากนั้น หลังคารถยังสามารถติดตั้งอ็อปชั่นที่เป็นระบบ Magic Sky Control ซึ่งเป็นแผ่นกระจก electrochromic ที่จะช่วยลดแสงจ้าจากภายนอกโดยอัตโนมัติในขณะขับรถ
ภายในห้องโดยสารของ SL รุ่นปี 2013 ได้รับอิทธิพลมาจาก SLS ด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุหนัง ลายไม้ และโลหะ ช่องแอร์เป็นแบบวงกลม คันเกียร์ดีไซน์พิเศษไม่เหมือนใคร โดยมีระบบเครื่องเสียง Front Bass ชุดใหม่ที่มีลำโพงบริเวณเท้าเพื่อให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศของการแสดงคอนเสิร์ต
สำหรับเครื่องยนต์ทางเลือกมี 2 รุ่นด้วยกันคือ เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ขนาด 302 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ทำให้รถรุ่นนี้ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 5.9 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 6.8 ลิตร/100 กิโลเมตร อีกหนึ่งรุ่นเครื่องยนต์ก็คือ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.7 ลิตร 429 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 สามารถทำได้ที่ 4.6 วินาที
ในด้านความทันสมัยแล้ว SL รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมการหักเลี้ยวแบบ electro-mechanical และ speed-sensitive ระบบกันสะเทือน multi-link ที่มากับชุดสปริงเหล็กและแดมเปอร์แบบ semi-active ตัวถังรถทำจากอลูมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ที่ทำให้น้ำหนักโดยรวมลดลงไปถึง 140 กิโลกรัม แต่กลับช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวถังมากขึ้นถึง 20%
Mercedes-Benz เตรียมเปิดตัว SL รุ่นปี 2013 ในงาน Detroit Auto Show ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดยจะเริ่มจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2012
ความคิดเห็น