สารจากผู้จัดการโครงการ - ตลอดระยะเวลาสำหรับการทำงานในฐานะวิศวกรมาสด้ามากว่า 30 ปีจนถึงวันนี้ ผมได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการพัฒนารถกระบะ จึงทำให้ผมอาจจะได้รับข้อมูลและเสียงสะท้อนจากลูกค้ารถกระบะมากกว่าวิศวกรท่านอื่นๆ ในบริษัท การพัฒนารถกระบะของผมนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากความเชื่อว่ารถกระบะจะต้องสามารถตอบสนองการใช้งานได้เต็มร้อย ในทุกรูปแบบที่ลูกค้าทั่วโลกต้องการ และนั่นคือแนวทางที่ผมมุ่งมั่นในการพัฒนารถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่
รถมาสด้า บีที-50 ในปัจจุบันเป็นรถที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น ให้สมรรถนะการขับขี่และประโยชน์ใช้สอยมากมาย เป็นรถกระบะที่ยอดเยี่ยม ถึงกระนั้น ผมยังมุ่งมั่นที่จะสร้างรถมาสด้า บีที-50 รุ่นใหม่ ด้วยนิยามใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในรถกระบะ นั่นคือการสร้างรถกระบะที่มีบุคลิกภาพของรถยนต์นั่ง ทีมงานของผมได้นำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ รวมทั้งการออกแบบที่โดดเด่น และการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานของรถขึ้นไปจนเทียบเท่ากับรถยนต์นั่งระดับสูงอย่าง CD Car เราพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังใหม่ทั้งหมด รวมถึงระบบบังคับเลี้ยว และโครงสร้างของรถเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่ตามแบบฉบับ ซูม-ซูม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์มาสด้า ตลอดระยะเวลาของการทำงานเรายึดมั่นในแนวคิด ซูม-ซูม แบบยั่งยืนของมาสด้า (Mazda’s Sustainable Zoom-Zoom) เพื่อให้แน่ใจถึงสมรรถนะที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราได้นำระบบควบคุมการขับขี่แบบใหม่เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของตัวถัง เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง รวมถึงการแบ่งระดับของรุ่นต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ คือกลุ่มคนที่มีความกระฉับกระเฉงในการใช้ชีวิต ใช้รถกระบะทั้งในธุรกิจการทำงานและทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกครอบครัว เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เป็นกลุ่มคนที่เลือกใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในแบบฉบับของตัวเอง พวกเขามองว่ารถที่ใช้บ่งบอกและสะท้อนภาพลักษณ์ของตัวเอง ให้ความสำคัญต่อการดีไซน์ รูปลักษณ์ที่โดดเด่น และคุณภาพของรถที่ให้ความไว้วางใจได้ หลงใหลในสมรรถนะการขับขี่แบบ ซูม-ซูม ที่แท้จริง โดยไม่ยอมประณีประนอมถึงแม้จะเป็นรถกระบะ หรือพูดได้สั้นว่า พวกเขาต้องการรถกระบะที่แตกต่าง และเหนือกว่ารถกระบะที่มีอยู่ในตลาด
การออกแบบ
ด้วยแนวความคิดที่ต้องการสร้างความแตกต่างไม่ต้องการอยู่ในกรอบและข้อจำกัดเดิมๆ ของรถกระบะ เราออก แบบมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่ให้ทั้งความเอนกประสงค์แบบรถกระบะ รูปลักษณ์การออกแบบ และความสะดวกสบาย วัสดุคุณภาพชั้นสูงเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบสนองการใช้งานทั้งในการทำงานและการพักผ่อนใช้เวลาส่วนตัวกับสมาชิกในครอบครัว นั่นคือแก่นแท้ของการพัฒนารถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่
รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ฉีกทุกการออกแบบรถกระบะด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทีมนักออกแบบของมาสด้าใช้แนวคิดการออกแบบ Sophisticated Beast ที่แสดงออกถึงความสง่างามภูมิฐานของราชสีห์ สรีระที่สวยงามแต่ดูแข็งแรงมีพละกำลังและยังมีความปราดเปรียวคล่องแคล่ว ประหนึ่งว่าจะกระโจนเข้าตะครุบเหยื่ออย่างรวดเร็วโดยที่เหยื่อไม่ทันได้ตั้งตัว
ด้านหน้ารถออกแบบด้วยรูปทรงที่มีขนาดและมิติที่ใหญ่ดูมั่นคงแข็งแกร่งและบึกบึน โดยยึดแนวการออกแบบตามแบบฉบับรถในตระกูลมาสด้า โดยเฉพาะกระจังหน้าทรง 5 เหลี่ยม พิถีพิถันกับการออกแบบไฟหน้าแบบบูม เมอแรง (Boomerang Design) ในลักษณะเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งมาสด้า
สำหรับการออกแบบด้านข้าง รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่แสดงถึงการปฏิวัติสถาปัตยกรรมในการออกแบบรถกระบะอย่างแท้จริง ความยาวของตัวรถยาวมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน จึงมีพื้นที่ให้สามารถใส่รายละเอียดในการออกแบบทั้งด้วยรูปทรงและพื้นผิวที่สวยงามกลมกลืนลงตัว ซุ้มล้อหน้าขนาดใหญ่ถือเป็นวิวัฒนาการของการออกแบบที่ใช้ในการออกแบบรถยนต์นั่งของมาสด้า ที่ทำให้ตัวถังดูใหญ่มีมิติที่สวยงาม การออกแบบด้วยรูปทรง พื้นผิวและเส้นสาย ที่สัมพันธ์กันและต่อเนื่องจากซุ้มล้อหน้าไล่ไปจนถึงด้านท้ายรถ ทำให้ดูแข็งแกร่ง คล่องแคล่วปราดเปรียว
การออกแบบด้านหลังรถ ถูกกำหนดโดยเส้นคอนทัวร์ไลน์แนวนอนขนาดใหญ่ทำให้เห็นแสงเงาของเส้นอย่างชัดเจน สอดรับกันอย่างกลมกลืนกับไฟท้ายดีไซน์ในแนวนอนที่บ่งบอกถึงความสปอร์ตแบบรถยนต์นั่งมาสด้า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่ไม่เหมือนรถกระบะคันอื่นๆ ในตลาด สามารถบอกได้ว่าเป็นรถกระบะมาสด้าทันทีเมื่อได้เห็น ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 และ 17 นิ้ว ออกแบบให้รับกับเส้นสายของตัวถังได้อย่างลงตัว สีภายนอกมีให้เลือกถึง 7 สี รวมถึง 2 สีใหม่ ได้แก่ สีฟ้า กันเมททัล บลู ไมก้า (Gunmetal Blue Mica), สีทอง สปาร์คกลิ้ง โกลด์ ไมก้า (Sparkling Gold Mica) ที่ช่วยแสดงออกถึงความสปอร์ตและความปราณีตในการออกแบบให้ปรากฏชัดเจนต่อสายตาและเข้ากับการใช้ชีวิตที่มีสีสันของลูกค้า
ภายในเน้นความรู้สึกสปอร์ตและการออกแบบเหมือนกับรถยนต์นั่ง พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสร้างความพอใจกับคุณภาพระดับสูง การออกแบบเลย์เอาต์คอนโซลหน้าด้วยรูปทรงที่ไม่สมมาตรโดยเป็นมุมเปิดกว้างสำหรับส่วนของผู้โดยสารด้านหน้า และเป็นมุมแคบแบบโอบกระชับล้อมรอบในส่วนของผู้ขับขี่ จึงทำให้ห้องโดยสารด้านหน้ากว้างขวางและมีพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง ในขณะที่ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับการขับขี่บนเบาะนั่งที่โอบกระชับแบบสปอร์ต การวางเลย์เอาท์ในส่วนผู้ขับขี่ที่โอบล้อมให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง (Wraparound driving environment) ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ได้สูงสุด ภายในเลือกใช้โทนสีดำเป็นสีหลัก ตัดกันด้วยชิ้นงานตกแต่งสีเงิน ประกอบไปด้วย ชิ้นงานตรงแผงประตู คอนโซลกลาง หัวเกียร์ ปุ่มกดที่เบรกมือ มือจับประตูด้านใน มาตรวัดความเร็ว เข็มบอกความเร็ว โดยทำจากหลากหลายชนิดของวัสดุ และเลือกใช้โทนสีเงินที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของชิ้นงานนั้นๆ ชิ้นงานที่ผู้ใช้จะต้องสัมผัสจะเลือกใช้วัสดุที่ทำจากโครเมี่ยมที่ให้ผิวสัมผัสที่ปราณีต และดูหรูหราไม่แยงสายตา เบาะนั่งเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงมีให้เลือกถึง 3 แบบ ประกอบด้วยเบาะผ้า 2 แบบขึ้นอยู่กับระดับของรุ่นรถ และเบาะหนังสำหรับรุ่นระดับบน
สีภายนอก
สีฟ้า กันเมททัล บลู ไมก้า Gunmetal Blue Mica (38L)
สีขาว คูล ไวท์ Cool White (A2W)
สีแดง คอปเปอร์ เรด ไมก้า Copper Red Mica (37M)
สีดำ แบลค ไมก้า Black Mica (16W)
สีเทา ไททาเนี่ยม เกรย์ Titanium Grey Metallic (30B)
สีทอง สปาร์คกลิ้ง โกลด์ ไมก้า Sparkling Gold Mica (34E)
สีเงิน ไฮไลต์ ซิลเวอร์ เมทัลลิค Highlight Silver Metallic (18G)
สมรรถนะการขับขี่
รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ คือรถที่ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยกำลังและการขับขี่แบบเดียวกับรถตรวจการหรือรถ SUV ที่สามารถให้การขับขี่และการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในการทำงาน และไปกับสมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อไปทำงานอดิเรกได้ตามความต้องการ และเหนือสิ่งอื่นใดคือความสะดวกสบายที่มีแบบรถยนต์นั่ง คุณค่าของรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มีอยู่ 3 ประการ คือ ความสามารถในการขับขี่ การออกแบบ และความสะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง
สมรรถนะแบบ ซูม-ซูม คือสิ่งที่ทำให้มาสด้าแตกต่างจากผู้ผลิตรถอื่นๆ รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่สามารถตอบสนองการขับขี่แบบ ซูม-ซูม ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามไม่เพียงเท่านั้น เราสร้างรถมาสด้า บีที-50 โปร ด้วยคุณภาพและความมั่นใจ ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
เริ่มต้นจากเครื่องยนต์ใหม่ประกอบด้วย เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร และ Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อทุกรุ่นมีฟังค์ชั่นสวิทช์ Shift on-the-fly ที่ใช้เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนระหว่างการขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ อีกทั้งระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (Limited Slip Differential) ในรุ่น Hi-Racer 4x2 ยกสูง ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด
เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ Di-THUNDER PRO
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร คอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น 4 สูบ 16 วาล์ว มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ระดับกำลังกำลังสูง และระดับปานกลาง ซึ่งเครื่องยนต์ระดับกำลังสูง ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า (110kw) ที่ 3,700 รอบ แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ที่มีอยู่ในตลาด
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ครั้งแรกของมาสด้ากับเครื่องยนต์ 5 สูบ ที่ให้ความจุกระบอกสูบขนาดใหญ่แต่มีขนาดกระทัดรัด ให้ประสิทธิภาพสูง และให้สมรรถนะที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะในท้องตลาด ด้วยกำลังถึง 200 แรงม้า (147kw) ที่ 3,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ อีกทั้งยังให้การประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมและสมรรถนะด้าน NVH ที่ช่วยให้การขับขี่ในห้องโดยสารที่เงียบอย่างมีคุณภาพสูงสุด
ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 และ 3.2 ลิตร เสื้อสูบทำจากเหล็กหล่อที่ออกแบบด้วยโครงสร้างเฟรมแบบขั้นบันไดเพื่อให้ความแข็งแรงมากขึ้น ฝาสูบทำจากอลูมิเนียม ลูกเบี้ยวขับเคลื่อนด้วยโซ่มีอายุการใช้งานยาวนาน ตัวปรับแลชแบบไฮโดรลิค เทคโนโลยีล่าสุดของระบบปั๊มคอมมอนเรลแรงดันสูงมากถึง 1,800 บาร์พร้อมกับหัวฉีดหลายจังหวะควบคุมด้วยความแม่นยำ เทอร์โบแปรผัน Variable-nozzle turbocharger สำหรับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตรระดับกำลังสูง โดยสำหรับเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรระดับกำลังปานกลางจะมาพร้อมกับเทอร์โบแบบ Fixed-geometry turbocharger อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ถูกนำมาใช้กับเทอร์โบในทุกๆ รุ่น รวมทั้งระบบการหมุนเวียนไอเสียไหลกลับที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยลดอุณหภูมิการเผาไหม้และปริมาณการปล่อย NOX
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตรระดับกำลังสูง และ Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบส่งกำลัง
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ออกแบบให้คันเกียร์สั้นกระชับเพื่อให้การเปลี่ยนที่รวดเร็ว ซิงโครไนเซอร์เชื่อมแบบ Rigid ช่วยให้สามารถส่งถ่ายแรงบิดที่สูงได้ในขณะที่ยังให้การเปลี่ยนเกียร์ที่เบาง่ายและแม่นยำในการใช้งานนอกเหนือจากนั้นกลไกการเข้าเกียร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างชุดหลักและชุดเกียร์ที่เลือกออกแบบให้ได้การเปลี่ยนเกียร์แบบสปอร์ตด้วยช่วงชักที่สั้นกระชับให้ความรู้สึกแบบรถยนต์นั่ง สัญญาณเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ Upshift Indicator แสดงที่มาตรวัดรอบความเร็วเครื่องยนต์ ช่วยให้หลีกเลี่ยงการลากรอบเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็นจึงช่วยให้ประหยัดน้ำมัน
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ออกแบบให้อัตราทดเกียร์ในแต่ละเกียร์สัมพันธ์กันและสามารถครอบคลุมการส่งกำลังที่ดีตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ และช่วยลดมลพิษไอเสีย รวมทั้งให้การประหยัดน้ำมันที่ดี เกียร์อัตโนมัติมีกล่องควบคุมการทำงานโดยเฉพาะซึ่งช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วสูง โดยจะทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของการส่งถ่ายกำลัง ความแม่นยำและการตอบสนองต่อการสั่งการของผู้ขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีล่าสุดในการควบคุมเกียร์ที่ใช้ในรถยนต์นั่งมาสด้า อาทิเช่น มาสด้า3 ได้ถูกนำมาใช้กับรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ประกอบด้วย Active Adaptive Shift Control (AAS) และ Sequential Shift Control (SSC) โดย AAS จะช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับการขับขี่ของผู้ขับขี่ โดยระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์การขับขี่ ในส่วนของ SSC ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ทั้งโหมดธรรมดา โหมดเพอร์ฟอร์มานซ์ และโหมดแมนนวลซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา
การบังคับควบคุม
รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ถูกออกแบบและพัฒนาให้ได้การขับขี่ที่นุ่มสบายเช่นรถยนต์นั่งและควบคุมได้ดังเช่นรถตรวจการหรือรถ SUV ระบบช่วงล่างด้านหน้าอิสระแบบปีกนกคู่ (Double-wishbone) และคอยด์สปริง ด้านหลังแบบคานแข็งและชุดแหนบ (Leaf-Spring) ที่ให้ความนุ่มสบายในการขับขี่ทั้งเมื่อบรรทุกและไม่บรรทุก อีกทั้งมีคุณสมบัติความแข็งแกร่งที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ ระบบบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียน (Rack-and-pinion Steering) ถูกนำใช้ใหม่เช่นเดียวกับในรถยนต์นั่ง ใช้การยึดด้วยโครงสร้างแบบ Rigid Mounting ที่ให้ความรู้สึกตอบสนองได้ดี อัตราทดพวงมาลัยที่รวดเร็วมากขึ้นและองศาการเลี้ยวที่เพิ่มมากขึ้นช่วยให้ความสามารถในการบังคับเลี้ยวเรียกได้ว่าดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ทั้งหมดนี้ทำให้ได้มาซึ่งการควบคุมที่ตอบสนอง แม่นยำ ตามแบบฉบับ ซูม-ซูม โครงสร้างแชสซีแบบขั้นบันไดถูกพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีความแข็งแกร่งสูง การยึดตัวถังถูกออกแบบใหม่เพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนสู่ห้องโดยสาร
อื่นๆ
มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ทุกรุ่นใช้ดิสค์เบรกหน้า คาร์ลิบเปอร์แบบลูกสูบคู่ เส้นผ่าศูนย์กลางของดิสค์เบรกใหญ่ขึ้นมีขนาด 16 นิ้ว ให้สมรรถนะที่ดีขึ้น การเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างแชสซีและตัวถัง ออกแบบการยึดเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน สามารถช่วยลดเสียงรบกวน NVH ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้คุณภาพของห้องโดยสารที่เงียบเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง และสุดท้าย รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ไม่ใช่เฉพาะการออกแบบด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังให้คุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพด้วยที่ผ่านทั้งการทดสอบในคอมพิวเตอร์จำลองและการทดสอบตัวรถจริง จึงช่วยให้เกิดเสถียรภาพในการขับขี่เมื่อใช้ความร็วสูง ช่วยประหยัดน้ำมันและช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
ความสะดวกสบายและความเอนกประสงค์
มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ เป็นได้มากกว่ารถกระบะ ด้วยการสร้างรถรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการใช้งานที่สามารถตอบสนองทั้งในการทำงานและในช่วงเวลาพักผ่อน จึงเป็นความลงตัวระหว่างความสะดวกสบายของรถยนต์นั่งและการใช้งานอย่างเอนกประสงค์สมบุกสมบัน หรือเรียกได้ว่า มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการใช้ชีวิตแบบครอบครัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ด้วยแนวความคิดรถที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ Active Lifestyle Vehicle รถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความเอนกประสงค์ ด้วยความหลากหลายของฟังค์ชั่นสำหรับทุกรูปแบบของการใช้งาน ตัวถังมี 2 แบบ คือแบบ 4 ประตู (Double Cab) 5 ที่นั่ง และแบบแค็ปเปิดได้ฟรีสไตล์แค็ป Freestyle Cab ที่ตอบสนองความต้องการทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตัวถังทั้ง 2 แบบรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มีความยาว ความกว้างและความสูงมากกว่ารุ่นปัจจุบัน จึงให้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สำหรับเพื่อนฝูงและสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งพื้นที่ในการบรรทุกที่มากมาย การเข้า-ออกห้องโดยสารทำได้ง่ายและสะดวกกว่าในรุ่นปัจจุบันด้วยประตูขนาดใหญ่และมุมองศาที่เปิดได้กว้างมากยิ่งขึ้น
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป หรือ รุ่นแค็ปเปิดได้ เอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้าที่สามารถเข้า-ออกได้สะดวกง่ายดายรวมถึงการจัดเก็บหรือเคลื่อนย้ายสัมภาระ รุ่นดับเบิ้ลแค็ปขับเคลื่อน 4 ล้อ (Double Cab, 4WD), รุ่นฟรีสไตล์แค็ปขับเคลื่อน 4 ล้อ (Freestyle Cab, 4WD) และรุ่นขับเคลื่อน 2ล้อแบบยกสูง (2WD Hi-Racer) ติดตั้งบันไดข้างเพื่อความสะดวกและง่ายในการก้าวขึ้นและลงจากรถ
พื้นที่เหนือศรีษะในห้องโดยสารด้านหน้ามีมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน พื้นที่ช่วงเหนือไหล่ขึ้นไปถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับรถกระบะที่ดีที่สุดในตลาด และห้องโดยสารด้านหลังของรุ่นดับเบิ้ลแค็ปมีพื้นที่เหนือศรีษะและพื้นที่ช่วงขาที่ดีที่สุดดีกว่ารถกระบะอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด เบาะนั่งออกแบบใหม่เพื่อช่วยลดอาการเมื่อยล้าในการขับขี่และให้ความสบายในการเดินทาง อีกทั้งเบาะหน้าสามารถปรับระดับเพื่อความสะดวกสบายได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับระบบเครื่องเสียง มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ สามารถเล่นวิทยุ CD MP3 พร้อมช่องต่อ AUX และ USB จอแสดงฟังค์ชั่นเอนกประสงค์ Multi-Function Display ขนาด 3.5 นิ้ว แบบ Monochrome Super-Twisted Nematic (STN) หรือ แบบ Dot-Matrix สำหรับรุ่นระดับกลางเป็นต้นไป และแบบ 2-line Display สำหรับรุ่นเริ่มต้น จอแสดงผลวางอยู่ที่ตำแหน่งด้านบนสุดของคอนโซลกลางด้านหน้าเพื่อแสดงการสั่งการการทำงานของระบบเครื่องเสียง การควบคุมทำได้ง่ายด้วยแผงควบคุมที่มีปุ่มควบคุมแบบ Jog Pad อยู่ตรงกลางและล้อมรอบด้วยปุ่มฟังค์ชั่นการทำงานอื่นๆ ลำโพงขนาด 6 นิ้ว ประสิทธิภาพสูงติดตั้งไว้ที่แผงประตูถูกปรับแต่งให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด
พื้นที่ช่องเก็บสัมภาระที่มีมากมายตลอดทั้งห้องโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถจัดเก็บของใช้ส่วนตัวได้มากมายและเป็นครั้งแรกกับการเพิ่มช่องเก็บสัมภาระด้านผู้ขับขี่ขึ้นมา (Driver’s Glove box) รวมทั้งช่องเก็บของเหนือศรีษะ ในส่วนช่องเก็บสัมภาระด้านผู้โดยสารด้านหน้าออกแบบให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งในคอนโซลกลาง และช่องเก็บสัมภาระแบบ 2 ชั้นที่คอนโซลกลาง ที่แผงประตูหน้าสามารถวางขวดน้ำขนาด 1 ลิตรได้ สำหรับรุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4 ประตู และรุ่นฟรีสไตล์แค็ปมีช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะนั่งด้านหลัง
กระบะบรรทุกในรถมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ทุกรุ่นมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นปัจจุบันมากให้พื้นที่บรรทุกสัมภาระมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะยี่ห้ออื่นๆ ในตลาด โครงสร้างเหล็กแบบสองชั้นให้ความทนทานสูง ภายในกระบะบรรทุก ผนังด้านข้างออกแบบให้เป็นร่องหลายชั้นเพื่อให้สะดวกสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมที่จะกั้นหรือแยกพื้นที่เก็บของในกระบะบรรทุกเป็นส่วนๆ นอกเหนือจากความจุในการบรรทุก ความสามารถในการลากจูงหรือ Towing Capacity ดีที่สุดสำหรับรถในระดับเดียวกัน ช่วยให้ภาระการลากเรือหรืออุปกรณ์และสัมภาระอื่นในการเดินทางทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว
ระบบความความปลอดภัย
มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ คือการปฏิวัติในวงการรถกระบะขึ้นมาใหม่ โดยยังคงไว้ด้วยสมรรถนะที่ต้องการตามแบบของรถกระบะแต่ให้การขับขี่และการโดยสารแบบรถยนต์นั่ง ดังนั้นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยจึงได้นำมาใช้อย่างครบครันเพื่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารร่วมเดินทางและเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
นอกเหนือจากมาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนาให้เป็นรถกระบะที่มีความปลอดภัยสูง มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเฉกเช่นเดียวกับในรถยนต์นั่งมาอย่างมากมาย สมรรถนะด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน เราให้ความสำคัญโดยเริ่มจากทัศนวิสัยที่ดีในทุกมุมมองของการขับขี่ ประสิทธิภาพในการควบคุมการขับขี่ สมรรถนะด้านการเบรก รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ช่วยควบคุมการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบที่สำคัญๆ ได้แก่ ระบบเบรก ABS 4 ล้อ (Antilock Braking System, 4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และ ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) และเสริมเพิ่มเติมด้วยระบบการทำงานดังต่อไปนี้
- ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน Emergency Brake Assist (EBA): เมื่อมีการเบรคฉุกเฉินระบบจะช่วยเพิ่มแรงเบรกให้มากพอในการหยุดรถ
- Brake Override System (BOS): ระบบอัตโนมัติที่จะตัดการทำงานของคันเร่งในกรณีที่แป้นเบรกและคันเร่งถูกเหยียบในเวาลาเดียวกัน
- สัญญาณเตือนการเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal (ESS): เมื่อมีการเบรกในสถานะการณ์ฉุกเฉินเมื่อใช้ความเร็วสูงสัญญาณไฟฉุกเฉินจะปรากฏขึ้น
- ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อบรรทุก Load Adaptive Control (LAC): เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระระบบจะทำการจับตำแหน่งและน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุกแล้วควบคุมการทำงานของระบบเบรก ABS 4 ล้อ (4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก การป้องกันการลื่นไถล เสถียรภาพและการทรงตัวของรถ รวมถึงการป้องกันรถผลิกคว่ำ
- ระบบช่วยการทรงตัวของรถลากขณะลากจูง Trailer Sway Assist (TSA): ขณะลากจูงรถ เมื่อรถลากเริ่มที่จะส่ายออกด้านข้าง ระบบจะทำการปรับความเร็วของล้อทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเพื่อรักษาตำแหน่งของรถลากให้เหมาะสม
- ระบบป้องกันรถผลิกคว่ำ Roll Stability Control (RSC): ระบบทำงานเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของรถและควบคุมแรงเบรกในแต่ละล้อเพื่อป้องกันรถผลิกคว่ำ
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน Hill Launch Assist (HLA): เมื่อรถต้องออกตัวจากการหยุดนิ่งบนถนนที่ลาดชัน เมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรคเพื่อไปเหยียบคันเร่งระบบจะทำการหยุดรถเป็นเวลา 2 วินาทีเพื่อให้ผู้ขับขี่มิต้องกังวลต่อรถที่จะไถลเนื่องจากถนนที่ลาดชัน
- ระบบควบคุมการขับขี่ทางลาดเอียง Hill Descent Control (4WD only): ระบบจะสั่งให้เพิ่มแรงเบรกเพื่อรักษาความเร็วที่ใช้อยู่ให้คงที่
ระบบความปลอดภัยเหล่านี้เป็นออพชั่นในแต่ละรุ่น
การขับขี่ในยามค่ำคืนให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมเช่นเดียวกับในตอนกลางวันหรือแม้กระทั้งกับการขับขี่ในสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยประสิทธิภาพที่ดีของไฟหน้าพร้อมกับฟังค์ชั่น เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติช่วยลดแสงไฟหน้าของรถที่ตามหลังไม่ให้เข้าตารบกวนผู้ขับขี่ เซ็นเซอร์กะระยะถอยติดตั้งอยู่ในบางรุ่นช่วยตรวจจับวัตถุกีดขวางโดยรอบด้านท้ายขณะถอยหลังพร้อมทั้งสัญญาณเตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวาง
สมรรถนะความปลอดภัยเชิงปกป้องที่มีประสิทธิภาพด้วยความแข็งแรงและแข็งแกร่งของโครงสร้างห้องโดยสารและโครงสร้างแชสซีใช้เหล็กที่รับแรงได้สูงพิเศษ (High-tensile Steel) แบบหลายชั้น โครงสร้างเหล็กถูกออกแบบให้ดูดซับและกระจายแรงปะทะจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งโครงสร้างห้องโดยสารและแชสซีช่วยผู้โดยสารปลอดภัยจากการชนปะทะในทุกทิศทาง สมรรถนะความปลอดภัยเชิงปกป้องภายในห้องโดยสารประกอบด้วยเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ELR สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า และเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ELR สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 3 ตำแหน่งของรุ่นดับเบิ้ลแค็ป ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ช่วยให้เกิดการปกป้องมากยิ่งขึ้น
ราคาจำหน่าย Mazda BT-50 PRO
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 S 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 589,000 บาท
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 639,000 บาท
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 683,000 บาท
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 659,000 บาท
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 715,000 บาท
- รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x4 R 3.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 814,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 S 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 629,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 724,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 764,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 746,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer ราคา 874,000 บาท
ABS + เบาะหนัง + Cruise Control เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สีเมทัลลิค
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x4 R 3.2L ABS+DSC เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 943,000 บาท
- รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x4 R 3.2L ราคา 988,000 บาท
ABS + DSC + เบาะหนัง + Cruise Control เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สีเมทัลลิค
ความคิดเห็น