อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน Detroit Auto Show มากเท่าที่ควร เพราะเคยเปิดตัวไปแล้วครั้งหนึ่งที่เกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา แต่ Hyundai Genesis Coupe ไมเนอร์เชนจ์รุ่นปี 2013 ก็ดีพอที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายด้วยการแนะนำระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ โดยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ twin-scroll และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้น ผลิตกำลังได้สูงสุด 274 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 275 ปอนด์ฟุต ในกรณีที่ใช้เชื้อเพลิงเกรดพรีเมี่ยม หรือ 260 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 ปอนด์ฟุตที่ 2,000 รอบ/นาที โดยใช้เชื้อเพลิงเกรดธรรมดา
สำหรับเครื่องยนต์ V6 Lamda 3.8 ลิตร รุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี Direct Injection ด้วยนั้น สามารถผลิตกำลังได้มากขึ้นกว่าเดิม 42 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุดเพิ่มชึ้น 29 ปอนด์ฟุต ทำให้ได้กำลังรวม 348 แรงม้าที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 295 ปอนด์ฟุตที่ 5,300 รอบ/นาที เมื่อใช้เชื้อเพลิงเกรดพรีเมี่ยม
Hyundai ยังไม่ยอมเผยไต๋ตัวเลขด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แต่ก็ได้เพิ่มเติมว่า เครื่องยนต์รุ่นนี้สามารถขับเคลื่อน Genesis Coupe ให้เคลื่อนที่จาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ ถูกควบคุมผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ Hyundai ก็มีทางเลือกใหม่ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่มาพร้อม paddle shifter
Hyundai เปิดเผยอีกว่า เครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับในเมืองและนอกเมืองที่ 20 และ 31 ไมล์/แกลลอน ตามลำดับ ในกรณีที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แต่ถ้าเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา อัตราสิ้นเปลืองฯจะเป็น 21 และ 30 ไมล์/แกลลอน ตามลำดับ ในขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ V6 ให้อัตราสิ้นเปลืองฯสำหรับการขับในเมือง/นอกเมืองที่ 18/28 ไมล์/แกลลอน สำหรับเกียร์อัตโนมัติ และที่ 18/27 ไมล์/แกลลอน สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา
การเปลี่ยนแปลงในด้านฮาร์ดแวร์รวมถึงระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับแต่งใหม่เพื่อการควบคุมการขับขี่ที่ดีขึ้น รวมถึงระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ในด้านรูปลักษณ์ Genesis Coupe รุ่นปี 2013 มาพร้อมด้านหน้าใหม่ที่ใช้กระจังและกันชนดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าก็เป็นแบบใหม่มาพร้อมไฟวิ่ง LED ฝากระโปรงหน้ามากับช่องดักอากาศ ไฟท้ายเป็น LED ชุดใหม่ รวมถึงปีกหลังก็เป็นของใหม่อีกเช่นกัน
การปรับปรุงภายในห้องโดยสาร ได้แก่ คอนโซลกลางที่ได้รับการออกแบบใหม่มาพร้อมปุ่มควบคุมแบบใหม่สำหรับชุดเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ หน้าปัดมาตรวัดเรือนไมล์เป็นแบบ multi-guage ที่แสดงอัตราสิ้นเปลืองในขณะนั้น ระดับแรงบิด(ในรุ่น 3.8 ลิตร) และแรงดับเทอร์โบชาร์จเจอร์(รุ่น 2.0T) รวมถึงแสดงอุณหภูมิน้ำมันต่างๆ ระดับการปรับแกนพวงมาลัย และอีกมากมาย สำหรับระบบ Blue Link Telemetrics จะมีมาในรุ่น 3.8 Grand Touring/Track และรุ่น 2.0T Premium
ความคิดเห็น