มินิ ประเทศไทย เปิดตัว MINI Coupe รุ่น MINI Cooper S Coupe และ MINI Cooper Coupe รถยนต์สปอร์ต 2 ที่นั่ง กำหนดสเปครองรับก๊าซโซฮอล์ E20 พร้อมคอนเซ็ปต์หลังคาแบบ Helmet roof ให้ความรู้สึกแบบ Go-kart feeling
จตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย เปิดเผยว่า "MINI Coupe เป็นรุ่นแรกของมินิที่ได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์สปอร์ตคอมแพ็ค 2 ที่นั่งอย่างแท้จริง ที่นอกจากจะมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว เครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC ผลิตกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้าที่ 5,500 รอบ นำมารวมเข้าไว้กับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงค์
นอกจากนี้ ระบบ MINI Connected ใน MINI Cooper S Coupe สามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรม Facebook, Twitter, Dynamic Music, Web news และ Web radio ซึ่งทำให้การฟังวิทยุจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ระบบ MINI Connected จะทำงานร่วมกับ iPhone 4 ผ่านระบบเชื่อมต่อสัญญาณ Data GPRS หรือ 3G เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโลก Social Network ได้ทุกที่ ทุกเวลา"
MINI Coupe เป็นสมาชิกลำดับที่ 5 ในครอบครัวของมินิ (ถัดจากรุ่น Hatchback, Convertible, Clubman และ Countryman) โดยเน้นการสร้างประสบการณ์สไตล์มินิในรูปแบบที่แตกต่าง โดย MINI Coupe มาในรูปแบบตัวถังสปอร์ต คอมแพ็ค 2 ที่นั่ง ที่มีความสูงโดยรวมต่ำกว่ามินิรุ่น Hatchback 52 มม. ด้วยรูปทรงหลังคาแบบ Helmet roof มีมิติความยาวของตัวถัง 3,734 มม. ความกว้าง 1,683 มม. และความสูง 1,384 มม.
MINI Coupe ได้พัฒนาระบบสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ซึ่งจะปรับระดับขึ้นเองอัตโนมัติที่ความเร็ว 80 กม./ชม. และปรับลงเก็บเข้าที่เดิมเมื่อความเร็วลดต่ำลงกว่า 60 กม./ชม. ช่วยเพิ่มสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ MINI Coupe ที่แตกต่างจากรถยนต์ในรุ่นอื่นๆ
ด้านข้างดีไซน์ให้เห็นการออกแบบกระจกหน้าและเสาเอที่ค่อนข้างเป็นแนวราบกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิไว้ เช่น ฐานล้อยาว โอเวอร์แฮงค์สั้น และแทร็คที่กว้าง นอกจากนี้ก็นำเอาระบบสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟมาเพิ่มความเร้าใจในทุกจังหวะของการขับขี่ โดยที่สปอยเลอร์หลังนี้จะทำงานอัตโนมัติที่ความเร็ว 80 กม./ชม. และปรับลงเก็บเข้าที่เดิมเมื่อความเร็วลดต่ำลงกว่า 60 กม./ชม. ทำให้ MINI Coupe มีคาแร็คเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความน่าสัมผัสในทุกมุมมอง
MINI Coupe มีพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสัมภาระได้ถึง 280 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับ MINI Clubman! นอกจากนี้ ผนังที่เปิดออกได้จากห้องโดยสารสู่ช่องเก็บสัมภาระยังช่วยทำให้การบรรทุกของที่มีลักษณะยาว (เช่นถุงกอล์ฟ) เป็นไปได้อย่างง่ายดาย เพื่อการใช้สอยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในส่วนของที่เก็บของด้านข้างคนขับ ยังเชื่อมต่อกับระบบปรับอากาศซึ่งจะช่วยปรับความเย็นให้กับช่องเก็บของด้านข้างคนขับนี้ได้ถึง 10 องศาเซลเซียสตลอดระยะเวลาที่ขับเคลื่อน เหมาะแก่การเก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ เช่นยาหรือเครื่องหนัง
MINI Cooper S Coupe มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ที่ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC เครื่องยนต์นี้สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้าที่ 5,500 รอบและแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-5,000 รอบ และสามารถเพิ่มเป็น 260 นิวตัน-เมตรในขณะเร่งแซงด้วยฟังก์ชั่น Overboost ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น Steptronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที และมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมทั้งอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร
นอกจาก MINI Cooper S Coupe แล้ว มินิ ประเทศไทย ยังนำเสนอรุ่น MINI Cooper Coupe ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 122 แรงม้าที่ 6,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตรที่ 4,250 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น Steptronic มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 10.3 วินาที และมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมทั้งอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 150 กรัมต่อกิโลเมตร
มินิ ประเทศไทยจึงได้ทำการปรับมาตรฐานการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์มินิทุกรุ่น ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจำหน่ายและใช้งานในประเทศไทย รวมทั้ง MINI Coupe ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้สามารถรองรับการใช้น้ำมัน E20 ได้ นอกจากนี้ การปรับมาตรฐานการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์มินิ ที่นำเข้าโดยมินิ ประเทศไทย เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทยได้ในระยะยาว ถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบและผลิตมาตามสภาพการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งมีสภาพอากาศและการใช้งานแตกต่างจากรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานในประเทศโซนยุโรป
วิศวกรของมินิออกแบบให้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าของ MINI Coupe นี้ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของสมองกลอิเล็กทรอนิกส์ของระบบรักษาเสถียรภาพ DSC Dynamic Stability Control ทำให้มันมีความปราดเปรียวว่องไวอย่างเหนือชั้น ในขณะเดียวกัน ระบบแชสซีของ MINI Coupe ยังถูกออกแบบและเซ็ตเป็นพิเศษ ผสมผสานความสปอร์ตและความสบายได้อย่างมหัศจรรย์ มันใช้ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson และช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงค์ที่ให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีการติดตั้ง Anti-roll Bars ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนสำหรับการเข้าโค้งโดยเฉพาะ
MINI Coupe มาพร้อมระบบพวงมาลัยแบบ EPS Electric Power Steering ที่นอกจากจะสามารถให้การควบคุมเฉียบคมและแม่นยำแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอีกด้วย นอกจากระบบแชสซีที่เหนือชั้นและระบบพวงมาลัยที่เฉียบคมแล้ว MINI Coupe ยังมีระบบอิเลคทรอนิคเสริมด้านความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC Dynamic Stability Control, ระบบเบรก ABS Anti Brake-locking System, ระบบ EBD Electronic Brake force Distribution, ระบบ CBC Cornering Brake Control, และระบบ Hill Start Assistant
ราคาจำหน่าย รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม MSI MINI Service Inclusive 3 ปี / 50,000 กม.
MINI Cooper S Coupe ราคา 2,890,000 บาท
MINI Cooper Coupe ราคา 2,320,000 บาท
LINE
ความคิดเห็น