วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า ปี2554 ที่ผ่านมา เลกซัส ทำยอดขายได้ถึง 622 คัน เติบโต 185% เมื่อเทียบกับปี 2553 ส่วนหนึ่งเพราะได้การตอบรับที่ดีจากรุ่น CT200h ประกอบกับคุณภาพอันยอดเยี่ยมของรถยนต์ตระกูลเลกซัส ด้วยมาตรฐานการบริการ ทั้งทางด้านการขาย และการบริการหลังการขาย รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ทั้งหมดช่วยส่งเสริมให้เลกซัสได้รับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
“ ปีนี้ เราตั้งเป้าหมายการขายไว้ 750 คัน เติบโตขึ้น 20% และเพื่อให้ไปตามเป้าหมายปีนี้ เราจึงมีแผนที่จะแนะนำรถใหม่ พร้อมกับกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการแนะนำ GS250 และ GS350 ในวันนี้ (8 มี.ค.)และ GS450h ไฮบริด จะตามมาช่วงเดือนเมษายน”
เลกซัส พัฒนา GS เจนเนอเรชั่นที่ 4 ให้เป็น “The Grand Touring Sedan of Lexus” สปอร์ตซีดานคันหรูที่ได้รับการพัฒนาให้มีความพิเศษในทุกๆด้าน พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะอันเหนือชั้น ดีไซน์ล้ำสมัยสะท้อนปรัชญาการออกแบบ “L-finesse” ใหม่ ของเลกซัส ที่มาพร้อมกับ Lexus Emotional Value มอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรื่นรมย์ และความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
เลกซัส GS ใหม่ ได้ถูกออกแบบสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ “Progressive Luxury” ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ “L-finesse” ใหม่ มีความเป็นมิติมากขึ้น ผ่านเส้นสายของตัวถังที่ลื่น ไหลไปตามหลักอากาสพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทานต่ำ (0.26) ด้วยแนวหลังคาที่ยาวขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้น ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง การออกแบบแนวขอบประตูแบบ Sling shot ช่วยให้การเข้าออกห้องโดยสาร สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายใต้เส้นสายของตัวถัง แนวหลังคา รวมถึงชายล่างขอบประตู และ กันชน ทำให้ดูปราดเปรียว ทะมัดทะแมง และหนักแน่นขึ้น ให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า
กระจังหน้าใหม่ แบบ Spindle Grille ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์แห่งดีไซน์ครั้งใหม่สำหรับเลกซัสซีดาน มาพร้อมกับไฟ Daytime Running Lights ทรง L-Shape สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะ บ่งบอกถึงตัวตนของยนตร์กรรมระดับหรูจากตระกูลเลกซัส พร้อมสร้างความแตกต่าง ด้วยชุดแต่งพิเศษในรุ่น F- Sport เติมเต็มความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว เพิ่มความดุดันแห่งรูปลักษณ์ภายนอก สะดุดตาในยามขับขี่
ภายในกว้างขวาง สะดวกสบายต่อทุกการใช้สอย ด้วยการปรับปรุงที่นั่ง ให้การควบคุมรถที่ดีขึ้น เพิ่มความกว้างของห้องโดยสาร โดยมีพื้นที่เหนือศีรษะที่สูงขึ้นจากเดิม สำหรับที่นั่งด้านหน้าสูงขึ้น +30มม. และสำหรับที่นั่งด้านหลังสูงขึ้น +20มม. ทำให้การเข้า-ออกของผู้โดยสารด้านหลังง่ายและสะดวกสบายขึ้น เปี่ยมอรรถประโยชน์ด้วยการออกแบบห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายใหม่ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเป็น 530 ลิตร (จากเดิม 430 ลิตร) สามารถใส่ถุงกอล์ฟขนาดมาตรฐานได้ 4 ใบ
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบภายใต้ปรัชญา HMI (Human Machine Interface) ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายสูงสุด โดยการแบ่งโซนควบคุม (Operation Zone) และ โซนแสดงผล (Display Zone) อย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยที่ปุ่มควบคุมต่างๆ จะอยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมสั่งการได้ง่าย ในขณะที่ไม่จำเป็นต้องปรับเลื่อนสายตามากเกินจำเป็น ในการดูข้อมูลต่างๆ บน จอแสดงผลและสั่งการ แบบ EMV ขนาด 12.3 นิ้ว (World’s First Technology) ที่กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกัน
ใหม่ล่าสุดกับ ไฟเรืองแสง White LED Ambient Light ภายในห้องโดยสาร (Lexus’s First Technology) ที่ให้ความหรูหรา สะดวกสบายในยามค่ำคืน เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวรถ ช่วยเพิ่มความชัดเจนในการใช้งานปุ่มสวิทช์ต่างๆ ที่บริเวณแผงประตู คันเกียร์ และปุ่มปรับโหมดการขับขี่ ใหม่ด้วยระบบปรับอากาศแบบ S-Flow ที่ควบคุมระดับลมแอร์ให้เหมาะสม กับจำนวนผู้โดยสาร เพื่อลดการใช้พลังงาน พร้อมด้วยระบบปรับสภาพอากาศแบบ nano-e ที่ช่วยปรับความสมดุลของอากาศ ด้วยการปล่อยประจุลบของน้ำ ในระดับนาโนเมตร ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง และยังดักจับอนุภาคของ แบคทีเรีย และไวรัส อันป็นต้นเหตุของ กลิ่นอับชื้นภายในห้องโดยสาร
ด้านเครื่องยนต์ของรุ่น GS350 เป็น 2GR-FSE 3.5L V6 DOHC 24 วาล์ว Dual VVT-iความจุกระบอกสูบ 3,460 ซีซ๊ กำลังสูงสุด 312 แรงม้าที่ 6400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด377 นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5
รุ่น GS250เป็นเครื่องยนต์ 4GR-FSE 2.5L V6 DOHC 24 วาล์ว Dual VVT-i ความจุกระบอกสูบ2,500 ซีซี กำลังสูงสุด 207 แรงม้าที่ 6400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที มาตรฐานไอเสีย ยูโร 5
ระบบช่วงล่าง หน้า - หลัง ใหม่ รวมถึงโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้น 14% เพื่อรอบรับการขับขี่ในทุกรูปแบบ เลือกใช้วัสดุเช่น อลูมิเนียมอัลลอย เพื่อช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มความนุ่มนวล และลดความแข็งกระด้าง พร้อมทั้งออกแบบจุดยึดต่อใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุม และการทรงตัวที่ดีขึ้น ตอบสนองความรู้สึกในการขับขี่ ควบคุมบังคับที่ดีขึ้น โดยการเพิ่มระยะของมุมแคสเตอร์ของระบบช่วงล่างใหม่ เพื่อเพิ่มสรรถนะการทรงตัว
อีกทั้งระบบช่วงล่างหลัง เลือกใช้วัสดุที่แข็งแรงมีน้ำหนักเบา เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการทรงตัว รวมถึงการออกแบบให้สปริงและโช๊คอัพ แยกออกจากกัน ทำให้มีขนาดกะทัดรัด เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายให้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังปลุกอารมณ์สปอร์ตด้วยด้วยตัวกำเนิดเสียงเครื่องยนต์ (Engine / Muffler Sound Generator) ให้เสียงทุ้มคำรามหนักแน่น ทั้งในรอบเครื่องต่ำ กับเสียงแผดคำราม ในรอบเครื่องสูง พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift พร้อม D-control รวมถึง LDH Lexus Dynamic Handling system ระบบการบังคับเลี้ยว 4 ล้อ ผ่านชุดพวงมาลัยแปรผันอัตราทด (VGRS) สำหรับควบคุมล้อหน้า และ ชุดบังคับเลี้ยวล้อหลัง DRS (Dynamic Rear Steering) สำหรับควบคุมล้อหลัง ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำที่ความเร็วสูง อีกทั้งความคล่องตัวในความเร็วต่ำ
สำหรับราคาจำหน่ายของ Lexus GS มีดังต่อไปนี้
Lexus GS250 Luxury ราคา 4,590,000 บาท
Lexus GS250 F-sport (มูนรูฟ) ราคา 4,990,000 บาท
Lexus GS250 Premium ราคา 5,090,000 บาท
Lexus GS350 F-sport (มูนรูฟ) ราคา 6,690,000 บาท
Lexus GS450h premium (มูนรูฟ) ราคา 7,790,000 บาท (เริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน 2555)
ความคิดเห็น