Update: ล่าสุด Honda ประเทศไทย เปิดตัว Jazz Hybrid ออกมาแล้วในราคา 768,000 บาท สีขาวเพิ่มอีก 10,000 บาท อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ click
ปีที่ผ่านมาถือว่าสาหัสสากันมากสำหรับ Honda เรียกว่า หายไปจากเวทีรถยนต์ในเมืองไทยไปพักใหญ่ถึงกับต้องออกแคมเปญโฆษณาเรียกความมั่นจากทั้งลูกค้าและตัวเอง?! ฉะนั้นการกลับมาจะต้องสร้างความฮือฮาได้มากพอสมควรเพราะจะว่าไปแล้ว Honda ในปีนี้ มีของดีให้อวดมากมายไม่ว่าจะเป็น All-New Civic, All-New CR-V และที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ Jazz Hybrid ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Paris Motor Show ในปี 2010 และพร้อมจำหน่ายในยุโรปต้นปีนี้
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือต้องทำให้เลื่อนออกไป Honda จะเดินสายการผลิต Jazz Hybrid ที่โรงงานในเมืองไทยกลางปีนี้ เพื่อรุกตลาดรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูขนาดเล็กที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ เพราะแม้ว่าหน้าตาอาจจะทำให้ใหม่มากไม่ได้ แต่หัวใจมาใหม่หมดทั้งกล่อง นั่นทำให้ Honda มั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดของ Jazz ได้มีประสิทธิภาพ ไม่ต่างไปจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หมดแบบ All-New เลยทีเดียว
พอพูดถึงรถไฮบริด หลายคนอาจจะเป็นห่วงเรื่องพื้นที่จุสัมภาระที่ต้องมีส่วนหนึ่งสูญเสียให้กับการจัดเก็บชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่สำหรับ Jazz Hybrid แล้ว ต้องบอกว่า หายห่วงในเรื่องนี้เพราะรถรุ่นนี้มาพร้อมระบบที่นั่งที่เรียกว่า Magic Seat ซึ่งเบาะทุกชิ้นสามารถถูกพับเก็บได้ทั้งหมด(ถ้าใช้สเปคเดียวกับยุโรป) ส่วนฐานเบาะก็ถูกพับเก็บได้อีกต่อหนึ่งเพื่อเพิ่มระดับความสูงของพื้นที่จุสัมภาระได้อย่างเต็มที่้ ทำให้ปริมาตรจุสัมภาระเพิ่มจาก 300 ไปเป็น 831 และ 1,320 ลิตร ตามลำดับ
Jazz Hybrid มีรูปโฉมที่แตกต่างออกไปจาก Jazz รุ่นมาตรฐานตรงแผงกระจังหน้าที่เป็นชิ้นงานโครเมี่ยม ไฟหน้ามีสีแกมฟ้าในแบบรถไฮบริด กันชนหน้าและหลังได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีสีเขียว Lime Green เป็นสีรถต้นแบบในการทำตลาด ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ Integrated Motor Assst (IMA) ซึ่งมีใช้ในรุ่น Insight และ CR-Z ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ ควบคุมผ่านเกียร์ CVT สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 12.6 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.5 ลิตร/100 กิโลเมตร โดย Honda อ้างว่า Jazz Hybrid คือรถเกียร์อัตโนมัติในตลาด B-Segment ที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุดคือเพียง 104 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น
ข้ามมาฝั่งของ Toyota ที่เป็นเจ้าตลาดโดยรวมในเมืองไทย แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ถูกรุกพื้นที่จากคู่แข่งสำคัญๆอย่าง Chevrolet และ Ford จากเมืองลุงแซมที่นับวันยิ่งน่ากลัวมากขึ้นด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดรถขนาดเล็กแต่กินพื้นที่กว้างอย่างอีโคคาร์มี Nissan ครองตลาดแบบไร้คู่แข่งมาตลอดด้วยยอดขายรวมล่าสุดมากกว่า 55,000 คัน เพราะคู่แข่งที่คิดว่าน่าจะน่ากลัวอย่าง Honda Brio ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในขณะที่ Mitsubishi Mirage และ Suzuki Swift เพิ่งเริ่มเข้ามาขอแบ่งเค้กไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉะนั้น Toyota จึงให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของคู่แข่งมากพิเศษ เพราะหากพลาด อาจจะไม่ใช่แค่การสูญเสียโอกาสและตลาดในเมืองไทยเท่านั้น แต่การที่ในปี 2015 จะเป็นปีของการเริ่มต้นของ AEC หรือ ASEAN Economic Community ที่ทำให้อาเซียนเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและอินเดีย ฉะนั้นกลยุทธ์หลังๆจะไม่ใช่แค่มองว่า ผลิตออกมาแล้วจะขายให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ยังต้องมองถึงการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศอาเซ๊ยนอื่นๆด้วย หรือมองข้ามช็อตไปอีกนิดด้วยการผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในจีนหรืออินเดียเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย นั่นทำให้ Toyota จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างกับการเคลื่อนไหวของ Honda
นั่นคือที่มาของความเป็นไปได้ในการเริ่มจำหน่าย Prius C เร็วกว่ากำหนดที่่ควรจะเป็น ก่อนที่จะมีการผลิตในประเทศในปี 2013 อย่างเต็มตัว ล่าสุด Toyota มีแผนในการนำเข้า Prius C มาทำตลาดในจำนวนจำกัดระดับหนึ่งที่ยังไม่มีการสรุปตัวเลขออกมาแน่อนว่ากี่คัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับฟีดแบ็คจากลูกค้าและความเคลื่อนไหวของคู่แข่งด้วย เนื่องจากเป็นไฟต์บังคับ ไม่ได้ตั้งใจออกมาชกจริงๆ! อีกอย่างแผนในการผลิต All-New Yaris ก็ยังไม่มี เพราะในปี 2013 บริษัทฯเตรียมส่งอีโคคาร์เข้ามาเล่นในตลาดที่ใหญ่กว่าแม้ว่าราคาต่อคันละน้อยกว่าก็ตาม การส่ง Prius C เข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ดูเหมือนว่าจะ Make Business Sense มากกว่ามีทั้ง Yaris และอีโคคาร์ที่กินตลาดกันเองอยู่!
Toyota Prius C มีขุมพลังไฮบริดแบบ Dedicated Hybrid ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด 99 แรงม้า เกียร์ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 35-40 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐานการทดสอบของญี่ปุ่น(ใช้ชื่อรุ่นว่า Aqua ได้เริ่มจำหน่ายไปแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา) มีมิติตัวถังใหญ่กว่า Yaris เจนเนอเรชั่นใหม่เล็กน้อย คือ ยาว 3,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร และสูง 1,445 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อที่ 2,550 มิลลิเมตร
สำหรับราคาจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 8 แสนบาท ในขณะที่ราคาที่เพิ่งประกาศออกมาในระหว่างการเปิดตัวที่มาเลเซียเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ 9.48 แสนริงกิต หรือประมาณ 9.48 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าประกันภัยแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับราคาที่จำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าจะต่ำกว่านี้เนื่องจากมีการประกอบในประเทศและมีการผลิตจำนวนมาก
สำหรับราคาจำหน่าย Honda Jazz 2012 รุ่นมาตรฐานในเมืองไทย มีดังนี้(หากมีการเปิดตัว Jazz Hybrid เราจะทำการอัพเดทราคาต่อไป)
Update 11 มิถุนายน 2555
Honda Jazz รุ่น 1.5S AT ราคา 630,000 บาท
Honda Jazz รุ่น 1.5S MT ราคา 590,000 บาท
Honda Jazz รุ่น 1.5SV AT AIR ราคา 715,000 บาท
Honda Jazz รุ่น 1.5V AT ราคา 660,000 บาท
ความคิดเห็น