MINI เติมไลน์ผลิตภัณฑ์ลำดับที่ 7 ด้วยการเผยโฉม Clubvan เวอร์ชั่นออกจำหน่ายจริง พร้อมคำโปรโมตว่าเป็น ‘รถคอมแพกต์แวนระดับพรีเมียมรุ่นแรกของโลก’ พัฒนาจากรถต้นแบบ Clubvan Concept ที่เคยเผยโฉมที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2012 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
Clubvan ใช้พื้นฐานเดียวกับ Clubman แต่มีขนาดสั้นกว่าไม่มีเบาะที่นั่งด้านหลังและได้รับการปรับปรุงพื้นห้องโดยสารใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่มีทั้งหมด 860 ลิตรจากมิติในห้องโดยสารที่มีความยาว 1,150 มมและความกว้าง 1,020 มมโดยสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุด 500 กิโลกรัม
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Clubvan คือ การติดตั้งที่กั้นแบ่งห้องโดยสารและพื้นที่บรรทุกสัมภาระออกจากกัน เพื่อที่จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่รถเชิงพาณิชย์ซึ่งมีพิกัดภาษีที่ต่ำกว่าในบางประเทศ ส่วนพื้นที่กระจกข้างด้านหลังของ Clubvan เป็นแบบทึบ
รถเชิงพาณิชย์โมเดลแรกของ MINI รุ่นนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 ขนาด เริ่มจากรุ่น One Clubvan ขุมพลัง 1.6 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 97 ตัว ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 11.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยราว 18.8 กม./ลิตร
รุ่นต่อมา Cooper Clubvan ใช้ขุมพลัง 1.6 ลิตรเหมือนกันแต่สปอร์ตกว่าด้วยพละกำลังสูงสุด 121 แรงม้า มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 9.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม. อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 18.8 กม./ลิตร (เท่ากับรุ่น One)
รุ่นสุดท้าย Cooper D Minivan วางขุมพลังขับเคลื่อนดีเซล 110 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลา 10.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 197 กม./ชม. โดย MINI เคลมว่ามีอัตราความประหยัดขั้นสุดยอด 25.6 กม./ลิตร และปล่อยมลพิษไอเสียเพียง 1.3 กรัม/กม.เท่านั้น
ทั้งสามเครื่องยนต์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยรุ่น Cooper D Minivan สามารถเลือกติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเป็นอ็อปชั่นพิเศษได้ กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงสุดสัปดาห์หน้าที่งาน Goodwood Festival of Speed ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนออกจำหน่ายจริงช่วงสิ้นปีนี้
ความคิดเห็น