แม้ได้ชื่อว่าเป็นรถซีดานขนาดกลางที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ Nissan ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ยังคงเดินหน้าพัฒนา All-New Nissan Altima โมเดลปี 2013 ที่มาพร้อมกับคุณภาพใหม่หมดจดทั้งรูปลักษณ์และขุมพลัง ตลอดจนการอัพเดตอุปกรณ์ความปลอดภัยและฟีเจอร์อินโฟเทนเมนท์ใหม่ ด้วยเป้าหมายสูงสุดคือการเป็นผู้นำในตลาดรถระดับนี้
Altima เจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้ยังได้รับการปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนจากรุ่นเดิม หนึ่งในนั้นคือวัสดุในห้องโดยสารที่ดูดีมีราคาขึ้น และการใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมเข้ามา พร้อมกับการปรับเปลี่ยนบุคลิกการขับขี่ใหม่ โดยเน้นความหรูหราและความเงียบในห้องโดยสาร มากกว่าความคล่องตัวและแข็งแน่นหนึบของรุ่นเดิม
มีกำหนดการเปิดตัวในเมืองไทยภายใต้รุ่น All-New Teana ต้นปีหน้า(หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) หลายคนตั้งตารอคอยแต่ยังมีเวลาพิจารณาอีกหลายเดือน ช่วงนี้ลองอ่านบททดสอบจากทางฝั่งอเมริกากันไปพลางๆก่อน
การออกแบบ
รูปลักษณ์ของ Nissan Altima/Teana 2013 ดึงดูดสายตาอย่างมากด้วยเส้นสายอันคมคายรอบคัน และห้องโดยสารที่เปี่ยมด้วยรสนิยม แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาที่มักมีดีไซน์ดูดีในภาพรวม แต่กลับไม่ลงตัวเมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดหน้าตาของ Altima/Teana รุ่นล่าสุดเหมือนเป็นภาพสะท้อนของแบรนด์สุดหรูอย่าง Infiniti
สัดส่วนภายนอกของ Altima/Teana เจนเนอเรชั่นใหม่ เหมือนเป็นการแปรเปลี่ยนหน้าตาที่ก้าวล้ำของ Infiniti ให้กลายเป็นรถซีดานที่อยู่ในกระแสหลักมากยิ่งขึ้นโดย Nissan เปิดเผยว่าการขึ้นรูปตัวถังของ Altima/Teana นั้นมีความซับซ้อนชนิดที่เรียกได้ว่ายากที่สุดเท่าที่เคยทำมา นั่นทำให้ช่วงตัวถังและซุ้มล้อมีความโดดเด่นสะดุดตาอย่างมาก ดีไซน์แบบลูกศรเอกลักษณ์ของ Nissan ถูกถ่ายทอดออกมาทางกรอบไฟหน้าและไฟท้ายพร้อมกับแทรกด้วยไฟเลี้ยวสีส้มทรงตั้งขณะที่กระจังหน้า Nissan เดินมาถูกทางด้วยการไม่ใช้แบบเดียวกับ Murano หรือ Juke แต่ใช้ดีไซน์กรอบเมทัลลิกเรียบง่ายที่ชวนให้นึกถึงรถ Lexus
การออกแบบในห้องโดยสารก้าวไปในทิศทางตรงข้ามกับความซับซ้อนของตัวถังภายนอก เพราะเน้นความเรียบหรูด้วยแผงคอนโซลที่ตั้งตรงแบ่งพื้นที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า บนคอนโซลดูเหมือนว่ายังมีพื้นที่เหลือสำหรับหน้าจอ LCD ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เพื่อรองรับระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ก้าวล้ำยิ่งขึ้นซึ่งเป็นจุดขายสำคัญที่ยังขาดหายไปและทำให้ Altima/Teana เดินตามหลังคู่แข่งจากเกาหลีและอเมริกัน
หลังพวงมาลัยมีแผงมาตรวัดขนาดใหญ่สองช่องถูกแบ่งด้วยหน้าจอแสดงผลสามมิติ คอนโซลกลางมีขนาดกว้างติดตั้งคันเกียร์ดูเรียบหรู สำหรับช่องวางแก้วน้ำรองรับแก้วได้หลากหลายขนาด บางรุ่นตกแต่งด้วยไม้ ขณะที่บางรุ่นใช้วัสดุเมทัลลิกดูตกยุค การตกแต่งในห้องโดยสารในภาพรวมดูดีมีราคายิ่งขึ้น มีการใช้พลาสติกที่ให้สัมผัสนุ่มนวลทั้งสายตามองและการใช้งานจริง ยกเว้นแต่ที่เปิดประตูที่ยังคงเป็นพลาสติกแข็งที่ดูไม่ทนทานเท่าใดนัก
สมรรถนะ
ในยุคสมัยที่รถซีดานสำหรับครอบครัวหลายยี่ห้อต่างทยอยยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์ 6 สูบ แต่ Nissan Altima/Teana รุ่นปี 2013 ยังคงมีเครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบให้เลือกใช้ มาพร้อมระบบเกียร์แปรผันต่อเนื่อง CVT
สำหรับคนที่เน้นความประหยัดเป็นพิเศษ ก็จะต้องตกหลุมรัก Altima/Teana รุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 182 แรงม้า ประกบด้วยเกียร์ CVT ทำอัตราเร่งได้ค่อนข้างทันใจ 0-96 กม./ชม. ภายในเวลาต่ำกว่า 8 วินาที
Nissan ทุ่มเทพัฒนาระบบเกียร์ CVT ลูกใหม่อย่างมากซึ่งก็ได้ผลลัทธ์คือการตอบสนองที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ตที่เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วในทุกรอบเครื่องยนต์ อัตราเร่งให้ความต่อเนื่องดีที่สุดในกลุ่มบล็อกเครื่อง 4 สูบ (ด้วยน้ำหนักตัวถังของ Altima/Teana ทีมีเพียง 1,400– 1,550 กก.เบาที่สุดในรถระดับเดียวกัน) อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ 4 สูบที่มีความจุสูงบล็อกนี้มีเสียงค่อนข้างดังกว่ารุ่นเดิม จนทำให้ไม่กล้าเหยียบลากรอบเครื่องเท่าใดนัก ถึงแม้อัตราเร่งจะราบรื่นต่อเนื่องก็ตาม
ส่วนคนที่ชอบพละกำลังวังชา ต้องพิจารณา Altima/Teana ที่ใช้หัวใจขับเคลื่อนบล็อก V6 ความจุ 3.5 ลิตร ให้พละกำลัง 270 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์CVT ที่มาพร้อมโหมดเกียร์ธรรมดา ให้ผู้ขับปรับเปลี่ยนได้เองที่แป้น paddle หลังพวงมาลัย ความโดดเด่นอยู่ที่อัตราทดที่ค่อนข้างชิดโดยจะปรับลดรอบเครื่องยนต์เพียงเล็กน้อยไม่กี่ร้อยรอบต่อนาทีเมื่อใกล้ถึงเรดไลน์ มีอัตราเร่งดีกว่าและนุ่มนวลมากกว่าเครื่องยนต์ 4 สูบ โดยทำเวลา 0-96 กม./ชม.เพียง 7.1 วินาทีเท่านั้น มีอัตราบริโภคน้ำมันพอรับได้ที่ 9.3 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในเมือง และ 12.7 กม./ลิตร ในการขับขี่ทางไกล
ทุกเวอร์ชั่นของ Altima/Teana ใช้ระบบกันสะเทือนอิสระสี่ล้อ ติดตั้งช็อกอัพชั้นดีของ Sachs เพื่อการควบคุมตัวรถที่มั่นใจยิ่งขึ้น ระบบกันสะเทือนด้านหลังได้รับการปรับปรุงจุดเชื่อมต่อหรือ link ใหม่ เพิ่มความกว้างของโครงสร้างช่วงล่าง ให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังติดตั้งระบบควบคุมขณะเข้าโค้ง Active Understeer Control ที่ระบบเบรกจะควบคุมล้อหน้าด้านในโค้งเพื่อเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกับมีขนาด 17 นิ้ว และ 18 นิ้วให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษ
นอกจากการปรับระบบบังคับเลี้ยวจากเดิมแบบไฮโดรลิกมาเป็นระบบไฟฟ้ากึ่งไฮโดรลิกแล้ว Altima/Teana ยังถูกปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ทำให้บุคลิกการขับขี่เปลี่ยนจากความคล่องแคล่วสไตล์สปอร์ตมาเน้นความนุ่มนวลควบคุมได้ดังใจคิดมากขึ้น Nissan ระบุเป้าหมายว่าต้องการผสมผสานสมรรถนะแบบรถระดับพรีเมียมเข้ากับการขับขี่อันหรูหราสะดวกสบาย ซึ่งก็ทำตามเป้าได้เป็นอย่างดี
แต่ที่ผ่านมาบุคลิกการขับขี่แบบสปอร์ตซีดาน ทั้งพวงมาลัยและช่วงล่างของ Altima/Teana ในสองเจนเนอเรชั่นหลังสุดนั้นได้สร้างชื่อให้แก่ Nissan เป็นอย่างมาก และสร้างความแตกต่างให้ Altima/Teana (รวมถึง Ford Fusion ที่มีลักษณะการขับขี่คล้ายกัน)โดดเด่นขึ้นมาในเซกเมนท์นี้ที่มีแต่รถซีดานช่วงล่างนุ่มนวล ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงบุคลิกการขับขี่ที่เน้นความสบายยิ่งขึ้นซึ่งดูจะเอนเอียงไปคล้ายกับ Honda Accord ในครั้งนี้ จึงอาจจะไม่ถูกใจนักเลงรถที่ชื่นชอบความแน่นหนึบของช่วงล่าง แต่หากมองในภาพรวมก็ถือเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดีและนับว่าเป็นช่วงล่างที่เหนือกว่ารถอีกหลายรุ่นในระดับนี้
คุณภาพ
ในห้องโดยสารยังคงรองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม 5 ที่นั่ง พื้นที่ภายในไม่ได้มีขนาดกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระยะฐานล้อของ Altima/Teana 2013 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2,776 มม. ยังคงสั้นกว่า Honda Accord และ Volkswagen Passat แต่ก็ยาวกว่ารถซีดานที่กำลังจะตกรุ่นเร็วๆนี้อย่าง Ford Fusion
สัดส่วนตัวถังภายนอกกว้างกว่าเดิม 35 มม. โดยมีความยาวทั้งหมด 4,864 มม. นั่นทำให้พื้นที่ช่วงขาด้านหน้ามีอยู่ที่ 1,143 มม.พื้นที่ขาด้านหลัง 917 มม. เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของรถซีดานในเซกเมนท์นี้ ขณะที่พื้นที่เหนือศีรษะด้านหน้ามี 1,016 มม. ซึ่งจะน้อยลงราว 25 มม.เมื่อมีซันรูฟ ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะด้านหลังอยู่ที่ 942 มม.
ตัวเลขดังกล่าวนั้น บ่งบอกถึงความกว้างขวางที่รองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ได้สบาย 4 ที่นั่ง หรืออาจเพิ่มเป็น 5 ที่นั่งถ้าเบียดกันเล็กน้อย โดยผู้โดยสารที่มีส่วนสูง 180 ซม.ยังนั่งขับได้สบายตลอดการเดินทางหลายชั่วโมงด้วยการออกแบบตัวเบาะที่ทาง Nissan ระบุว่าพัฒนาจากผลการวิจัยขององค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐหรือ NASA เลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะพัฒนาด้วยกระบวนการใด ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าทั้งเบาะผ้าและเบาะหนังรองรับการเดินทางไกลได้อย่างสบายแม้แผงคอนโซลขนาดใหญ่จะเบียดพื้นที่ช่วงขาไปบ้างก็ตาม เบาะคนขับมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถอัพเกรดเป็น 8 ทิศทางพร้อมปรับอุณหภูมิได้เป็นอ็อปชั่นเสริม อย่างไรก็ดี เบาะด้านคนนั่งยังคงปรับด้วยมือในทุกรุ่นย่อย
เบาะด้านหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะที่พอดีกับผู้โดยสารที่มีรูปร่างสูง ตัวพนักพิงมีความลาดชันพอเหมาะและมีพื้นที่สำหรับวางเท้าอยู่ใต้เบาะคู่หน้า หากต้องการหยิบของที่อยู่ใต้ฝากระโปรงท้ายก็สามารถพับเบาะแถวหลังลงมาได้แบบ 60/40
อีกหนึ่งไฮไลท์ในห้องโดยสารของ Altima/Teana คือการลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนเข้าสู่ห้องโดยสาร โดยเฉพาะการขับทางไกลที่ความเร็วสูง ซึ่งทำได้ดีกว่า VW Passat และ Hyundai Sonata อย่างไรก็ดี จุดเด่นข้อนี้อาจถูกลดทอนลงเพราะเสียงที่ค่อนข้างดังของเครื่องยนต์ 4 สูบ แต่ถ้าเป็นเครื่องบล็อก V6 นั้นถือว่าเบากว่าอย่างชัดเจน และสามารถฟังเพลงได้แม้ปรับวอลุ่มเบา ต่างจาก Passat ที่จะต้องปรับระดับเสียงเพลงให้ดังขึ้นเพื่อแข่งกับเสียงยางและลมที่ดังเล็ดลอดเข้ามา
การใช้วัสดุตกแต่งในห้องโดยสารนั้นทำได้ในระดับที่เรียกว่าเกือบจะประสบความสำเร็จ โดยจะต้องเลือกรุ่นให้ดีเพราะวัสดุที่ใช้ตกแต่งมีความแตกต่างกัน แผงแดชบอร์ดและที่พักแขนให้ผิวสัมผัสนุ่มและดูหนา ที่เปิดประตูทำจากพลาสติกเนื้อแข็ง การใช้สีดำคล้ายผิวเปียโนบนแดชบอร์ดดูสวยแต่อาจเกิดรอยขีดขูดได้ง่ายและเร็ว สวิทช์ทรงกลมควบคุมเครื่องเสียงและแอร์มีขนาดใกล้เคียงกันถูกจัดวางในตำแหน่งที่สมดุลและเรียบหรู Altima/Teana บางรุ่นมีจุดด้อยคือการตกแต่งด้วยเมทัลลิกซึ่งดูไม่ลงตัวเท่าใดนัก
ด้วยเนื้อที่ใต้ฝากระโปรงความจุ 436 ลิตร ถือว่าอยู่เหนือเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อยแต่การเก็บงานยังไม่ค่อยเรียบร้อย เนื่องจากเห็นฐานของลำโพงโผล่ออกมาคล้ายกับ Hyundai Sonata
ในขณะที่ Ford และ Hyundai รวมถึง VW ต่างเก็บห่วงสำหรับการถอดเบาะที่นั่งด้านหลังไว้ใต้ฝากระโปรงท้าย แต่ Nissan เก็บไว้ทั้งในห้องโดยสารและในฝากระโปรง โดยใช้วัสดุผ้าน้ำหนักเบาแทนพลาสติก เพื่อลดน้ำหนักและอาจจะลดต้นทุนด้วย
ความปลอดภัย
ในด้านความปลอดภัย Nissan มีช่องว่างอีกมากที่จะต้องพัฒนา Altima/Teana ให้ดียิ่งขึ้น หลังจากในรุ่น 2012 ได้รับคะแนนความปลอดภัยเพียง 4 ดาวจากหน่วยงาน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ของสหรัฐฯ พร้อมกับได้คะแนน “ดี” สำหรับการทดสอบการชนกระแทกด้านหน้ารถของ Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) ขณะที่ความแข็งแกร่งของหลังคาก็ยังคงเป็นคำถาม เพราะ Altima/Teana ในแต่ละรุ่นที่ผ่านมายังขาดไร้เทคโนโลยีและอ็อปชั่นใหม่ๆที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่ในเซกเมนท์รถซีดานสำหรับครอบครัวเวลานี้
Nissan ตั้งความหวังว่าจะยกระดับมาตรฐานคะแนนด้วยโครงสร้างตัวถังใหม่ของ Altima/Teana 2013 แต่จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีผลทดสอบการชนออกมาจากหน่วยงานทั้งของรัฐบาลและบริษัทในอุตสาหกรรมประกันภัย หากมีความคืบหน้าเราจะนำมารายงานในภายหลัง
Altima/Teana มาพร้อมกับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เริ่มจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบป้องกันการลื่นไถลและควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว รวมถึงระบบตรวจสอบความดันลมยาง ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุดที่จะบอกว่าลมยางแข็งหรืออ่อนไปผ่านทางจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กบนแผงแดชบอร์ด และขณะกำลังเติมลมยางระบบนี้จะแจ้งเตือนผ่านเสียงแตรเมื่อแรงดันลมยางถึงระดับที่เหมาะสม จึงไม่ต้องพกพาเกจ์วัดให้เกะกะอีกต่อไป
แม้ Altima/Teana รุ่นเก่านั้นยังขาดเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ๆ แต่กับเจนเนอเรชั่นล่าสุดนี้ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองหลัง ระบบตรวจจับมุมอับสายตา และระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องการจราจร ซึ่งทั้งสามฟีเจอร์ถูกขมวดรวมเป็นเทคโนโลยีชุดเดียวกันที่จะทำงานร่วมกับระบบนำทางเนวิเกเตอร์
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
Altima 2013 มีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย (ในตลาดสหรัฐฯ) ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ ในแต่ละรุ่นมีความแตกต่างที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก อย่างไรก็ดี บางอ็อปชั่นสำคัญกลับหายไปจากลิสต์อย่างไร้ร่องรอย ด้วยเหตุผลใดต้องติดตามกันตอนท้าย
เริ่มต้นที่รุ่น Altima 2.5 ค่าตัว21,500 เหรียญสหรัฐฯ มาพร้อมเบาะผ้า กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ปุ่มสตาร์ท ระบบปรับอากาศ เบาะแถวหลังพับแยกส่วนได้ เบาะคู่หน้าปรับด้วยมือ เชื่อมต่อไร้สายด้วยบลูทูธ รองรับ AM/FM/CD ผ่านลำโพง 4 ตัว
ในรุ่น 2.5S Nissan เพิ่มเบาะปรับไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติครูสคอนโทรล ลำโพง 6 ตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียงได้ ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ ขณะที่ในรุ่น 3.5S จะได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมแป้น paddle เปลี่ยนเกียร์ในโหมดแมนวล
สำหรับ Altima SV ในรุ่น 4 สูบ2.5 SV เพิ่มอุปกรณ์ความสะดวกอย่างการสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกลด้วยรีโมท กล้องมองหลัง ระบบบลูทูธเวอร์ชั่นใหม่ที่สามารถอ่านข้อความและรองรับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน (แต่ยังไม่รองรับ iPhone) มีพอร์ท USB และวิทยุผ่านดาวเทียม ขณะที่ระบบอินโฟเทนเมนท์ของ Altima ยังรองรับแอพพลิเคชั่นการค้นหาเพลงออนไลน์ Pandora และสามารถใช้งานข้อมูลแผนที่ของ Google Maps ได้ด้วย ส่วนในรุ่น 3.5SV มีไฟตัดหมอก รีโมทอเนกประสงค์ และมูนรูฟเพิ่มเข้ามา
มาถึงในรุ่นท็อปไลน์ Altima SL (ราคาจำหน่าย 30,080 เหรียญฯสำหรับรุ่น 3.5SL) Nissan จัดเต็มด้วยเบาะหุ้มหนังชั้นดี เครื่องเสียง Bose ลำโพง 9 ตัวเบาะคู่หน้าและพวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ไฟท้าย LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบปรับอุณหภูมิเพื่อไล่ฝ้าได้
Altima ใหม่ทุกรุ่นย่อย ได้รับการติดตั้ง Drive-Assist Display แทนที่หน้าจอทริปคอมพิวเตอร์แบบเดิม แสดงผลผ่านหน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้วตั้งอยู่ระหว่างมาตรวัด โดดเด่นด้วยสีสันและภาพที่เหมือนจริงแบบสามมิติ บอกให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึงอัตราความประหยัด ระยะทางการขับขี่ ความดันลมยาง การทำงานของเครื่องเสียง อีกทั้งยังทำงานร่วมกับระบบนำทางเนวิเกเตอร์อีกด้วย
อ็อปชั่นเสริมพิเศษ ยังรวมถึงระบบนำทางเนวิเกเตอร์ผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท และสปอยเลอร์หลัง
Altima รุ่นใหม่นี้ดูเหมือนมีรุ่นย่อยทีซับซ้อนซึ่งติดตั้งอุปกรณอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย แต่แท้จริงแล้ว Altima มาพร้อมกับอ็อปชั่นที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น และตรงต่อการใช้งานมากกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ยังถูกผลิตมาภายใต้กรอบข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักรถและราคาที่ถูกกำหนดไว้ไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งนั่นเป็นคำอธิบายว่าทำไมบางรุ่นถึงไม่มีช่องแอร์ด้านหลัง หรือระบบวิทยุผ่านดาวเทียม ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกรุ่นย่อยไม่มีระบบปรับไฟฟ้าที่เบาะคนนั่งด้านหน้า
อัตราความประหยัด
Nissan ทุ่มเทความพยายามอย่างหนักหน่วงในการเอาชนะมาตรฐานอัตราความประหยัดเชื้อเพลิงของรถระดับนี้ ในขณะที่ค่ายคู่แข่งจากเกาหลีสามารถทำอัตราความประหยัดเฉลี่ยได้ที่ 14.8 กม./ลิตรในการขับทางไกลบนไฮเวย์ แต่ Nissan เคลมว่าด้วยระบบเกียร์เทคโนโลยีล่าสุดและการปรับจูนอย่างเหมาะสม Altima/Teana 2013 นั้นสามารถทำได้เท่าเทียมหรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง หรือ 6 สูบวี ต่างก็ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แปรผันต่อเนื่อง “Xtronic” CVT ทั้งหมด ซึ่งทำงานด้วยการใช้สายพานและพูลเลย์ในการขับเคลื่อนอัตราทดเกียร์ โดยในรุ่น V6 มีการใช้ระบบอิเลกทรอนิกเข้ามาช่วยควบคุมเพื่อให้การขับขี่ไหลลื่นยิ่งขึ้น
Nissan ได้ทุ่มเทศึกษาพัฒนาเกียร์ CVT โดยเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ถึง 70% ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานในการทำงานลงเกือบครึ่งหนึ่ง ผลลัทธ์ที่ได้คืออัตราความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเกียร์ลูกเดิมอยู่ราว 15%
สำหรับอัตราบริโภคน้ำมันของเครื่องยนต์ 4 สูบ เฉลี่ยอยู่ที่ 11.4 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในเมือง และ 16.1 กม./ลิตรในการขับนอกเมือง ซึ่งเหนือกว่าเครื่อง 4 สูบของรถมิดไซส์ซีดานที่ประหยัดที่สุดในเวลานี้ราว 1.2 กม./ลิตร ขณะที่ขุมพลัง V6 มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3 กม./ลิตรและ 12.7 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองตามลำดับ
ความคิดเห็น