เชฟโรเลต โวลต์ ปฏิวัติโลกยานยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้า รถไฟฟ้าขยายระยะทางที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย สามารถขับเคลื่อนได้สูงสุด 570 กิโลเมตร
เชฟโรเลต โวลต์ รถพลังงานไฟฟ้าขยายระยะทางขับเคลื่อน (Extended-Range Electric Vehicle) คันแรกของโลก ได้รับการพัฒนาเพื่อปฏิวัติการใช้พลังงานสำหรับยานยนต์ในอนาคตอย่างแท้จริง ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนที่ฉีกกรอบรถพลังงานไฟฟ้าแบบเดิมๆ ผู้ขับขี่จะปราศจากความวิตกกังวลว่าจะไปไม่ถึงจุดหมายหากพลังงานไฟฟ้าหมดลง
ระบบขับเคลื่อนโวลเทค เทคโนโลยีเอกลักษณ์เฉพาะของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งติดตั้งอยู่ในเชฟโรเลต โวลต์ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 16 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง โวลต์ สามารถขับขี่ได้ระยะทาง 60-80 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม ทั้งทักษะการขับขี่ อุณหภูมิ และสภาพพื้นผิวถนน) และเมื่อพลังไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดลง เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.4 ลิตร จะทำงานด้วยการสร้างกำลังไฟกลับคืนสู่แบตเตอรี่ ทำให้โวลต์ ขับเคลื่อนต่อไปได้อีกเป็นระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร จนสามารถหาที่ชาร์จไฟได้อีกครั้ง หรือเติมเชื้อเพลิงกลับคืนสู่เครื่องยนต์
นั่นทำให้เชฟโรเลต โวลต์ มีระยะทางขับขี่สูงสุดราว 570 กิโลเมตร มีความโดดเด่นแตกต่างจากรถพลังงานไฟฟ้าทั่วไป ที่มักมีข้อจำกัดในเรื่องระยะทางการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางระยะไกล เพราะหากแบตเตอรี่หมด รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะต้องจอดชาร์จไฟเป็นระยะเวลานาน
สมรรถนะของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของโวลต์ ซึ่งได้รับการคิดค้นโดยทีมวิศวกรของจีเอ็ม ถูกทดสอบอย่างเข้มข้นเพื่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัย มีคุณภาพสูงสุด ความทนทานเป็นเลิศ และให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม โดยนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ทีมวิศวกรของจีเอ็ม ทำการทดสอบความทนทานของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนซึ่งประกอบด้วย 9 โมดูล 288 เซลส์ พร้อมชิ้นส่วนราว 161 ชิ้นของโวลต์ ด้วยการทดสอบขับบนระยะทางมากกว่า 1.5 ล้านกิโลเมตรและกว่า 4 ล้านชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เป็นระยะเวลานาน
การชาร์จไฟของเชฟโรเลต โวลต์ ทำได้สะดวกง่ายดาย ด้วยการเสียบชาร์จจากปลั๊กไฟตามบ้านเรือนทั่วไปเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์หรือชาร์จไฟที่ 240 โวลต์ก็ได้ ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดในการชาร์จไฟทำให้โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับกระแสไฟ 240 โวลต์ หากใช้กระแสไฟ 120 โวลต์จะใช้เวลาน้อยกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟนั้นยังอาจจะน้อยกว่านั้นถ้าในแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน ยังมีปริมาณไฟฟ้าสะสมอยู่บ้าง โวลต์ยังมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถตรวจสอบระดับของแบตเตอรี่และสถานีการชาร์จไฟผ่านทางสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ที่ประมาณ 45 บาท (หรือราว 1.50 เหรียญสหรัฐฯ) * ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งเชฟโรเลต คาดว่าการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้แก่โวลต์จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการซื้อกาแฟดื่มต่อถ้วยด้วยซ้ำ และการชาร์จไฟฟ้าให้กับเชฟโรเลต โวลต์ 1 ครั้งต่อวันในทุกวันตลอดปีนั้น จะใช้ปริมาณไฟฟ้าที่น้อยกว่าการใช้ไฟของตู้เย็นหรือตู้แช่หนึ่งตู้เสียอีก
ความทนทาน และให้พลังไฟได้ยาวนานในแบตเตอรี่ 16 กิโลวัตต์ชั่วโมงของโวลต์ สามารถป้อนกำลังไฟให้แท็บเล็ตอย่างไอแพด ใช้งานได้ต่อเนื่อง 266 วันติดต่อกัน ขณะที่ไอพอด นาโน ใช้งานได้สูงสุดถึง 112 ปี หรือมากกว่าหนึ่งศตวรรษหากใช้พลังไฟจากแบตเตอรี่ของโวลต์
นอกเหนือจากความทนทานแล้ว สมรรถนะการขับขี่ของเชฟโรเลต โวลต์ ยังแรงเหนือชั้นด้วยพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตรที่รอบต่ำ ส่งให้โวลต์มีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากจะให้กำลังและความเร้าใจในการขับขี่แล้ว ความเงียบของเครื่องยนต์ในการขับขี่เป็นจุดเด่นที่สุดของโวลต์ ทำให้ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนเล็ดลอดเข้ามาน้อยที่สุด
ความโดดเด่นด้านการออกแบบ
การออกแบบภายนอกของโวลต์ เน้นความสปอร์ตทุกมุมมอง ตัวถังแบบ 5 ประตู 4 ที่นั่ง ฐานล้อที่กว้างทั้งหน้าและหลังซึ่งอยู่ที่ 1556 มม. และ 1578 มม. เสริมให้ตัวรถดูเตี้ยแบน ขณะที่ฐานล้อยาว 2,685 มม. ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อีกด้วย
ทีมออกแบบระบบอากาศพลศาสตร์ของเชฟโรเลต ทำงานอย่างพิถีพิถันในการกำหนดรูปทรงของโวลต์ มีการทุ่มเททดสอบอย่างหนักภายในอุโมงค์ลมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งตัวรถทั้งคันหรือชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งการปะทะลมที่ด้านหน้าตัวรถ ด้านท้ายรถ สปอยเลอร์หลัง ส่วนโค้งของหลังคา และกระจกมองข้าง ผลลัพธ์ที่ได้ คือ โวลต์ ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่มีระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชฟโรเลต
ภายในห้องโดยสารของโวลต์ล้ำสมัยอย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง กุญแจไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะผู้ขับขี่เพียงแค่กดสวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์ ขณะที่มาตรวัด ก็กลายเป็นสิ่งล้าสมัย เพราะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอแอลซีดีขนาด 7 นิ้ว รวมถึงหน้าจอระบบสัมผัสที่กลางคอนโซลที่จะแสดงผลการทำงานของรถอย่างละเอียด ส่วนเบาะเป็นแบบบั๊กเก็ตซีทโอบกระชับลำตัวทั้ง 4 ที่นั่ง พับได้ 40/40 พร้อมช่องเก็บของเอนกประสงค์รอบคัน อุปกรณ์ความสะดวกในห้องโดยสารยังประกอบด้วย
• ระบบเครื่องเสียงโบส ความจุฮาร์ดไดรฟ์ 60 กิกะไบต์ รองรับ AM/FM/DVD-ROM/MP3 พร้อมลำโพง 6 ตัว และสามารถเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลงด้วยบลูทูธ
• ระบบวิทยุและระบบนำทางผ่านดาวเทียมเนวิเกเตอร์ XM NavTraffic/Weather ซึ่งล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์เวลานี้
• ระบบเครื่องเสียงประหยัดพลังงานของ Bose พร้อมลำโพง 6 ตัวและซับวูฟเฟอร์
การควบคุมและความปลอดภัย
ระบบช่วงล่างด้านหน้าของเชฟโรเลต โวลต์ เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบคาน คอมพาวนด์ แครงค์ ล้อขนาด 17 นิ้วของโวลต์ผลิตด้วยอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเพียง 8.1 กิโลกรัมเท่านั้น เบากว่าล้อทั่วไปที่มีขนาดเท่ากัน ช่วงล่างของเชฟโรเลต โวลต์ได้รับการปรับแต่งให้ตอบสนองอย่างนุ่มนวลและมีการขับขี่ที่เหนือชั้น
ระบบความปลอดภัยครบครันมาตรฐานเชฟโรเลต โครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงมาก (Ultra high-strength steel) พร้อมอุปกรณ์มากมาย อย่างระบบควบคุมเสถียรภาพอิเลกทรอนิคส์ และระบบป้องกันการลื่นไถล ถุงลมนิรภัยรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง บริเวณหัวเข่า รวมถึงม่านนิรภัย รวมทั้งหมด 8 ลูกที่ช่วยปกป้องผู้โดยสารทุกที่นั่ง ไฟแอลอีดีเดย์ไลท์ส่องสว่างเห็นชัดเจนในเวลากลางวัน ตลอดจนระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านดาวเทียมออนสตาร์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และสามารถป้องกันขโมยได้อีกด้วย
เชฟโรเลต โวลต์ เป็นรถพลังงานไฟฟ้าคันแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากองค์กรความปลอดภัยทางการจราจรแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NHTSA – National Highway Traffic Safety Administration) ขณะเดียวกัน ยังได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวเต็มเช่นกันจากยูโรเอ็นแค็บ เป็นไปตามแนวคิดการพัฒนายานยนต์ของเชฟโรเลต ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยน้ำมันหรือไฟฟ้า จะต้องมีความปลอดภัยสูงสุด
รางวัลที่เชฟโรเลต โวลต์ ได้รับ
- รางวัลกรีนคาร์วิชั่น 2009 โดยนิตยสารกรีนคาร์เจอร์นัล
- รางวัลรถยนต์แห่งปีประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ 2011
- รางวัลรถยนต์แห่งปีประจำภูมิภาคยุโรป 2012
- รางวัลรถยนต์แห่งปี 2012 โดยนิตยสารมอเตอร์เทรนด์
- รางวัลรถยนต์แห่งปี 2011 โดยนิตยสารออโตโมบิล
- รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ไดรเวอร์ ชอยส์ 2011 โดยมอเตอร์วีค
- 1 ใน 10 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม 2011 โดยคาร์แอนด์ไดรเวอร์
- ได้รับคะแนนสูงสุดสาขา APEAL Study ประจำปี 2011 โดยเจ.ดี พาวเวอร์
- รางวัลรถยนต์เพิ่อสิ่งแวดล้อมดีเด่น นิวยอร์ก ออโต้โชว์ 2011
- รางวัลรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมดีเด่น ชิคาโก้ ออโต้โชว์ 2011
- รางวัลรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมดีเด่น 2011 โดยนิตยสารกรีนคาร์เจอร์นัล
- รางวัลรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมล้ำอนาคต 2011 โดยเอดมุนด์
- รางวัลรถยนต์แห่งปี 2012 ประจำเดนมาร์ก
* คำนวณจากค่าไฟของสหรัฐฯเฉลี่ยที่ 12.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครัง
เชฟโรเลต โวลต์ คืออะไร?
เชฟโรเลต โวลต์ รุ่นปี 2012 คือรถพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมระบบขยายระยะทาง โวลต์ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อนหลัก และเชื้อเพลิงเบนซินเป็นพลังขับเคลื่อนรอง
เชฟโรเลต โวลต์ เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากรถไฮบริดทั่วไป โวลต์ใช้ชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าในการทำให้ล้อรถหมุนแล่นไปข้างหน้า ขณะที่รถไฮบริดทั่วไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้าผสมผสานเครื่องยนต์เบนซินในการขับเคลื่อน
ถ้าเป็นการขับขี่ในระยะสั้น โวลต์จะใช้พลังจากแบตเตอรี่ล้วนๆ และหากขับขี่ทางไกล เครื่องยนต์สันดาปภายในจะสร้างพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติม
แบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนของโวลต์จะทำงานร่วมกัน ดังนั้นเมื่อมีพลังไฟในแบตเตอรี่เพียงพอ เครื่องยนต์ก็จะไม่ทำหน้าที่สร้างพลังไฟ ซึ่งการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆนั้น ทุกชิ้นส่วนทั้งแบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบไฟฟ้าอื่นๆ จะทำงานเต็มกำลังเพื่อให้มีสมรรถนะการขับขี่สูงสุด สามารถเรียกอัตราเร่ง ทำความเร็วสูงสุด และไต่ขึ้นเขาได้อย่างเต็มที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
โวลต์ทำงานอย่างไร:
พลังงานไฟฟ้าถูกบรรจุอยู่ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรูปตัว T ขนาด 16 กิโลวัตต์ชั่วโมงซึ่งจะป้อนกำลังสู่ชุดขับเคลื่อน หากมีพลังไฟเต็มแบตเตอรี่และมีเชื้อเพลิงเบนซินเต็มถัง โวลต์จะขับเคลื่อนได้ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เพราะว่าโวลต์สามารถใช้เชื้อเพลิงเบนซินในการสร้างพลังงานไฟฟ้าในการขับขี่โหมดขยายระยะทาง ดังนั้นการขับขี่ทางไกลจึงทำได้สบาย
หากขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ล้วนๆ โวลต์จะขับเคลื่อนได้ระยะทาง 40 – 80 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ อุณหภูมิ และอายุของแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่มีพลังไฟต่ำ เครื่องยนต์จะเริ่มทำงานป้อนพลังไฟสู่แบตเตอรี่อย่างไหลลื่นและต่อเนื่อง จากการทดสอบของหน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ผู้ขับขี่โวลต์สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆได้ระยะทางราว 56 กิโลเมตร และในโหมดขยายระยะทางได้ 553 กิโลเมตร ถ้าหากมีพลังไฟเต็มแบตเตอรี่และมีเชื้อเพลิงเต็มถัง โวลต์จะขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงถึง 610 กิโลเมตร
ความโดดเด่น:
โวลต์มาพร้อมกับความโดดเด่นมากมาย ประการสำคัญคือความหลากหลายในการใช้พลังงาน การลดการพึ่งพาน้ำมัน และลดมลพิษ
ผลการศึกษาของกลุ่มนักวิศวกรยานยนต์ (Society of Automotive Engineers) ที่ตีพิมพ์โดยจีเอ็ม ในปี 2551 ระบุว่า โวลต์มีอัตราบริโภคน้ำมันไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรถปลั๊กอินไฮบริด และสามารถลดการปล่อยมลพิษได้อย่างต่อเนื่อง
เชฟโรเลต คาดการณ์ว่าโวลต์จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิง 1,892 ลิตรจากการขับขี่ระยะทางเฉลี่ย 64 กิโลเมตรต่อวันและ 24,140 กิโลเมตรต่อปี และถ้าหากขับขี่ระยะทางเฉลี่ย 96 กิโลเมตรต่อวันหรือ 33,796 กิโลเมตรต่อปีก็จะประหยัดน้ำมันได้ถึง 2,081 ลิตร
โวลต์ ไม่ใช่รถ “ไฮบริด”:
ในระบบการทำงานของรถไฮบริดจะต้องใช้พลังงานจากสองส่วนคือ เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เพื่อให้รถมีสมรรถนะสูงสุด โดยรถไฮบริดนั้นใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะในการขับขี่ที่ต้องใช้พละกำลังมากอย่างการออกตัวและการขับด้วยความเร็วสูงบนถนนทางไกล ขณะที่รถปลั๊กอินไฮบริดนั้นมีการทำงานคล้ายกัน แต่สามารถชาร์จไฟกลับคืนได้ ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะมีพลังไฟเหลือเฟือแต่เครื่องยนต์ก็จะต้องทำงานด้วยเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะสูงสุด
สำหรับเชฟโรเลต โวลต์นั้นแตกต่างจากไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด เพราะล้อทั้งสี่ของโวลต์นั้นขับเคลื่อนโดยชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา
เชฟโรเลต โวลต์ มีการทำงานอย่างไร
• เชฟโรเลต โวลต์ เป็นรถพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมระบบขยายระยะทางขับเคลื่อน
• โวลต์ ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนในทุกย่านความเร็ว
• ระบบขับเคลื่อนของโวลต์ทำงาน 2 โหมด คือโหมดไฟฟ้าและโหมดขยายระยะทาง
• ในการขับเคลื่อนโหมดไฟฟ้า โวลต์จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โดยสามารถชาร์จไฟได้จากปลั๊กไฟบ้านตามปกติ ใช้เวลาราว 10 ชั่วโมงสำหรับไฟ 120 โวลต์ และราว 4 ชั่วโมงสำหรับไฟ 240 โวลต์
• เมื่อแบตเตอรี่มีกำลังไฟเต็มและมีเชื้อเพลิงเบนซินเต็มถัง โวลต์สามารถโลดแล่นได้ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร นั่นเป็นเพราะว่าโวลต์ใช้เชื้อเพลิงเบนซินในการสร้างพลังไฟฟ้าในโหมดขยายระยะทาง จึงสามารถขับขี่ทางไกลได้อย่างสบาย
• หากใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆจากแบตเตอรี่ขนาด 16 กิโลวัตต์ชั่วโมง โวลต์สามารถโลดแล่นได้ระยะทางราว 60 – 80 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ อุณหภูมิ และอายุใช้งานของแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่มีกำลังไฟน้อยเครื่องยนต์เบนซินที่มีหน้าที่สร้างกำลังไฟจะเริ่มทำงานในโหมดขยายระยะทางอย่างไหลลื่น
• ระบบขยายระยะทางช่วยกำจัดความวิตกกังวลของผู้ขับขี่ว่ากำลังไฟในแบตเตอรี่จะหมดกลางทาง ตราบใดที่คุณสามารถเติมเชื้อเพลิงเบนซินได้ คุณก็สามารถขับขี่โวลต์เหมือนกับรถทั่วไปจนกว่าจะสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟกลับคืนสู่แบตเตอรี่
• โวลต์ สามารถขับขี่ได้ในสภาพอากาศร้อนและเย็นทุกรูปแบบ แบตเตอรี่ของโวลต์มาพร้อมกับระบบทำความเย็นด้วยน้ำที่ช่วยรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุดและใช้งานได้ยาวนาน
• โวลต์ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า ซึ่งกำลังไฟฟ้าดังกล่าวมาจากแบตเตอรี่ในโหมดไฟฟ้า หรือจากเครื่องยนต์เบนซินในโหมดขยายระยะทาง หากผู้ขับขี่ต้องการสมรรถนะสูงอย่างการไต่ขึ้นทางลาดชัน เครื่องยนต์และแบตเตอรี่จะทำงานร่วมกันในการสร้างพลังงานไฟฟ้าตามความต้องการ
• อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเชฟโรเลต โวลต์คือเมื่อคุณขับขี่ในโหมดไฟฟ้า คุณจะไม่ใช่น้ำมันหรือปล่อยมลพิษไอเสียใดๆ นั่นหมายความว่าหากคุณขับขี่ระยะทางเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อวัน คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแม้แต่น้อย
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าโวลเทค
การสร้างยานยนต์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า คือแนวคิดหลักของทีมวิศวกรของเชฟโรเลต โวลต์ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนโวลเทค เนื่องจากโวลต์ ถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบขยายระยะทางขับเคลื่อนรุ่นแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทีมวิศวกรจึงมุ่งเน้นให้โวลต์เพียบพร้อมทั้งประสิทธิภาพความประหยัดและสมรรถนะการขับขี่อันสนุกสนาน ทั้งในการขับขี่โหมดไฟฟ้าและโหมดขยายระยะทาง
รถพลังไฟฟ้าทั่วไปใช้มอเตอร์ตัวเดียวทำงานร่วมกับระบบเกียร์ปั่นกำลังลงสู่ล้อ แต่เชฟโรเลต โวลต์ใช้ชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงยิ่งขึ้น เหนือกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าทั่วไปที่มักจะสูญเสียประสิทธิภาพลงไปเมื่อต้องขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง
ชุดขับเคลื่อนของโวลต์ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว คลัตช์สามชุด และชุดเฟืองแพลนเนตตารี่ที่จะยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ในภาพรวม ด้วยการลดความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้า องค์ประกอบเช่นนี้ช่วยลดการสูญเสียพลังงานของแบตเตอรี่ในช่วงความเร็วสูง และเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าอีกราว 3.2 กิโลเมตร
มอเตอร์และชุดเกียร์ของโวลต์ติดตั้งอยู่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำหน้าที่สร้างพลังงานไฟฟ้า คลัตช์สองชุดทำหน้าที่ล็อกแหวนฟันเฟืองแพลนเนตตารี่หรือเชื่อมต่อกับเครื่องสร้างกำลังไฟ/มอเตอร์ ขึ้นอยู่กับโหมดขับเคลื่อน ขณะที่คลัตช์ชุดที่สามเชื่อมต่อเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้ากับเครื่องสร้างกำลังไฟ/มอเตอร์เพื่อขยายระยะทางขับเคลื่อน
ชุดขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ของเชฟโรเลต โวลต์ แบ่งการทำงานออกเป็น 4 โหมด
โหมดพลังงานไฟฟ้ามอเตอร์เดี่ยว
ในโหมดการขับขี่นี้ มอเตอร์ลากจูงจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนโวลต์ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าในช่วงความเร็วต่ำและขณะใช้อัตราเร่งสูง โดยเฟืองวงแหวนถูกล็อกและเครื่องสร้างกำลังไฟ/มอเตอร์จะแยกส่วนจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์ โดยตัวมอเตอร์ลากจูงจะสามารถใช้พละกำลังสูงสุด 111 กิโลวัตต์ แรงบิด 273 ฟุตปอนด์ที่จะให้อัตราเร่งอันยอดเยี่ยมตั้งแต่ออกตัว
โหมดพลังงานไฟฟ้าสองมอเตอร์
เมื่อความเร็วเพิ่มสูงขึ้น เฟืองวงแหวนถูกปลดล็อกและเชื่อมต่อกับเครื่องสร้างกำลังไฟ/มอเตอร์ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวทำงานร่วมกันเพื่อสร้างพละกำลังที่มากขึ้นพร้อมกับเพิ่มความประหยัดพลังไฟ การผสมผสานมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนช่วงความเร็วต่ำช่วยให้ระยะทางขับเคลื่อนของโวลต์ในการใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆเพิ่มขึ้นอีกราว 3.2 กิโลเมตรในการขับขี่บนไฮเวย์
โหมดขยายระยะทาง มอเตอร์เดียว
เมื่อพลังไฟในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ เครื่องยนต์ 1.4 ลิตรจะเชื่อมต่อกับเครื่องสร้างกำลังไฟ/มอเตอร์ไฟฟ้าด้วยคลัตช์ตัวที่สาม โวลต์จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ลากจูงและเฟืองวงแหวนในการขับขี่ช่วงความเร็วต่ำและขณะใช้อัตราเร่งสูง เครื่องสร้างกำลังไฟฟ้าและแบตเตอรี่จะป้อนกำลังไฟให้แก่มอเตอร์ลากจูงด้วยตัวอินเวอร์เตอร์ ทั้งนี้ในการขับขี่โหมดขยายระยะทาง เครื่องสร้างกำลังไฟฟ้าจะป้อนกำลังไฟให้แบตเตอรี่คงพลังไฟไว้ในระดับต่ำเท่านั้น
เนื่องจากการชาร์จไฟแบตเตอรี่ของโวลต์ที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ดังนั้น เครื่องสร้างกำลังไฟฟ้าจึงทำหน้าที่เพียงแค่ป้อนกำลังไฟเพื่อคงไว้ในแบตเตอรี่ในระดับต่ำเท่านั้น โดยจะเริ่มสร้างกำลังไฟเมื่อแบตเตอรี่มีพลังไฟเหลือน้อยกว่าระดับต่ำสุด หรือเมื่อมีพลังไฟเหลือน้อยกว่า 45 เปอร์เซนต์ในการขับขี่โหมดขึ้นเขา เครื่องสร้างกำลังไฟจะป้อนไฟไว้ในแบตเตอรี่ในระดับต่ำจนกว่าผู้ขับจะเสียบปลั๊กชาร์จไฟ
โหมดขยายระยะทาง สองมอเตอร์
การขับเคลื่อนความเร็วสูงในโหมดพลังงานไฟฟ้าสองมอเตอร์นั้น ถูกนำมาใช้กับโหมดขยายระยะทางเช่นกัน คลัตช์จะทำหน้าที่เชื่อมต่อเครื่องสร้างกำลังไฟฟ้า/มอเตอร์ เข้ากับเครื่องยนต์และแหวนฟันเฟือง ผสมผสานเครื่องยนต์และมอเตอร์สองตัวเพื่อขับเคลื่อนโวลต์ให้เคลื่อนที่ด้วยชุดเฟืองแพลนเนตตารี่ ระบบขับเคลื่อนต่างๆนั้นผสมผสานกันอย่างไหลลื่นด้วยชุดเฟืองแพลนเนตตารี่ก่อนส่งไปยังเฟืองท้ายต่อไป
แม้แต่ในโหมดขยายระยะทาง โวลต์ก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ส่งกำลังโดยมอเตอร์ลากจูง เครื่องยนต์จะไม่สามารถขับเคลื่อนตัวรถจนกว่ามอเตอร์ลากจูงจะได้รับพลังงาน นั่นเป็นเพราะว่าชุดเฟืองแพลนเนตตารี่ถูกปรับเซ็ทมาสำหรับการส่งต่อแรงบิด โดยชิ้นส่วนหลักสองในสาม (แหวนฟันเฟือง เฟืองกลาง และเฟืองแพลนเนตคาร์ริเออร์) จะต้องถูกขับเคลื่อน (หรือมีชิ้นส่วนหนึ่งถูกล็อก) โดยชิ้นส่วนที่สามจะทำหน้าที่ส่งถ่ายพละกำลัง ในกรณีของโวลต์ มอเตอร์ลากจูงจะทำงานในโหมดนี้เพื่อส่งแรงบิดไปยังเฟืองกลาง ช่วยขับเคลื่อนตัวรถ
ด้วยการผสมผสานพลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว เทคโนโลยีอันซับซ้อนนี้ช่วยให้โวลต์มีอัตราความประหยัดมากขึ้น 10-15 เปอร์เซ็นต์ในการขับขี่ความเร็วสูงบนไฮเวย์มากกว่าการใช้มอเตอร์ลากจูงเพียงตัวเดียว ในขณะเดียวกัน โวลต์ยังมอบประสบการณ์การขับขี่รถไฟฟ้าอันน่าประทับใจ แม้ในโหมดขยายระยะทางเนื่องจากการใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่จะมอบพลังไฟฟ้าเต็มกำลังเมื่อต้องการอัตราเร่งที่ปราดเปรียว
ความคิดเห็น