คล้อยหลังเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีภาพหลุดออกมาสู่โลกออนไลน์ Land Rover ก็เผยโฉม All-New Range Rover เจนเนอเรชั่นที่ 4 อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้าการเปิดตัวที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนกันยายนนี้
ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองที่สุดจากรุ่นเจนเนอเรชั่นที่ 3 มาสู่เจนเนอเรชั่นที่ 4 นี้คือการใช้แชสซีส์และตัวถังโมโนค็อกอลูมิเนียมที่รีดน้ำหนักตัวรถลงได้ถึง 420 กก. คาดว่าจะช่วยเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษไอเสียลงได้มาก Land Rover ระบุด้วยว่าช่วงล่างถุงลมที่ล้อทั้งสี่ได้ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าเดิมด้วย
Range Rover รุ่นใหม่มีฐานล้อยาวมากกว่ารุ่นเดิม 100 มม. ขณะที่ระยะฐานล้อทั้งคู่หน้าและหลังก็กว้างขึ้นด้วย ถึงแม้ Land Rover จะยืนยันว่ารูปลักษณ์ของ Range Rover ได้ถูกพลิกโฉมไปอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อมองในภาพรวมก็ยังคงสังเกตเห็นบุคลิกของรุ่นเดิมอยู่ อาทิฝาประตูท้ายแบบสองชิ้น เสาหลังคาสีดำ ชื่อรุ่น “Range Rover” บนฝากระโปรง และเส้นสายด้านข้างประตู
อย่างไรก็ตาม Range Rover รุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดึงดูดสายตาได้หลายจุด โดยเฉพาะกระจังหน้าและกรอบไฟหน้าที่เพิ่มความโฉบเฉี่ยวดุดันยิ่งขึ้น
ลูกค้าสามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ได้ 3 รุ่น ทั้งบล็อก V8 เบนซินซูเปอร์ชาร์จ ความจุ 5.0 ลิตร บล็อก V6 ดีเซล ความจุ 3.0 ลิตร (เหมือนในรุ่น Discovery) และบล็อก V8 ดีเซล ความจุ 4.4 ลิตรที่เป็นรุ่นเดียวกับ Range Rover ในรุ่นปัจจุบัน แต่ถูกปรับจูนใหม่
ทั้งสามเครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีดเท่านั้นโดยไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือกแต่อย่างใด ฟีเจอร์ของระบบขับเคลื่อนที่น่าสนใจคือระบบ Terrain Response 2 ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ พร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบป้องกันการลื่นไถล
ในห้องโดยสารยังคงมีโครงสร้างคล้ายกับรุ่นปัจจุบัน แผงมาตรวัดมีหน้าจอ TFT ที่แสดงผลความเร็วและมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ ขณะที่บนคอนโซลมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้วสำหรับการควบคุมระบบเครื่องเสียงและส่วนอื่นๆของตัวรถ พื้นที่ช่วงขาบริเวณเบาะที่นั่งแถวหลังมีความกว้างขวางเพิ่มอีก 120 มม. ผลจากการออกแบบฐานล้อให้ยาวขึ้น
Range Rover รุ่นปี 2013 สามารถเลือกใช้เบาะแถวหลังให้เป็นได้ทั้งแบบ 3 ที่นั่งหรือแบบ 2 ที่นั่งสำหรับผู้บริหารได้ซึ่งจะมีคอนโซลกลางพาดจากด้านหน้ามาสู่เบาะตอนหลังด้วย สำหรับประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนเครื่องเสียงใช้ระดับพรีเมียมของแบรนด์ Meridian
อังกฤษจะเป็นประเทศแรกที่เปิดรับจองรถเอสยูวีรุ่นใหม่นี้ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ราว 70,000 ปอนด์ ขณะที่รุ่นท็อปคาดว่าจะขยับขึ้นไปถึง 120,000 ปอนด์ โดยคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงต้นปีหน้า Land Rover จะส่งรถรุ่นนี้ออกทำตลาดในมากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
ความคิดเห็น