• แทรกซ์ มาพร้อมรูปลักษณ์สไตล์เอสยูวีขนานแท้
• ห้องโดยสารล้ำสมัย ยืดหยุ่น รองรับทุกการใช้งาน
• ขุมพลังสามขนาด เบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตร 1.6 ลิตร และดีเซล 1.7 ลิตร
• ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อออนดีมานด์ สำหรับลุยเส้นทางออฟโรด
• เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและมายลิงค์ (MyLink) รองรับระบบนำทางเนวิเกเตอร์
ปารีส – เชฟโรเลต ซึ่งเป็นบริษัทผู้บุกเบิกรถอเนกประสงค์เอสยูวีคันแรกของโลกเมื่อ 75 ปีก่อนด้วยการเปิดตัวรถซับเออร์แบน แคร์รี่ออล เมื่อปีพ.ศ.2478 เผยโฉม เชฟโรเลต แทรกซ์ รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ครั้งแรกในโลกที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ ถือเป็นการรุกตลาดรถเอสยูวีขนาดเล็กที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องครั้งแรกของเชฟโรเลต โดยจะออกทำตลาดเคียงข้างกับรถเอสยูวีที่เปี่ยมด้วยสไตล์เฉพาะตัวอย่างแคปติวา
“หลายทศวรรษที่ผ่านมา เชฟโรเลต เป็นที่ยอมรับจากการผลิตรถเอสยูวีที่มีศักยภาพสูงและเชื่อถือได้ ซึ่งแทรกซ์ จะมอบคุณสมบัติดังกล่าวพร้อมกับความพิเศษอีกมากมาย ในแบบของรถเชฟโรเลต ให้แก่ลูกค้า แทรกซ์ เป็นรถเอสยูวีขนาดเล็กที่มาพร้อมความล้ำสมัย รองรับทุกการใช้งาน ประหยัดน้ำมัน ให้สมรรถนะการควบคุมเหมือนกับรถยนต์นั่งผสานกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ” ซูซาน โดเชอร์ตี้ ประธานกรรมการ และผู้อำนวยการบริหารของเชฟโรเลต ยุโรป กล่าว “แทรกซ์ เป็นหนึ่งในผลลัทธ์ที่เกิดจากความสามารถที่อยู่ในแก่นแท้ของเชฟโรเลต นั่นคือการสร้างสรรค์และจำหน่ายรถเอสยูวีคุณภาพเยี่ยม”
เส้นสายตัวถังอันทรงพลัง ปราดเปรียวในทุกมุมมอง
มิติตัวถังของแทรกซ์ มีขนาดยาว 4,248 มม. กว้าง 1,776 มม. และสูง 1,674 มม. รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ของเชฟโรเลตจะยกระดับมาตรฐานรถในเซกเมนท์นี้ด้วยรูปลักษณ์อันมีสไตล์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามรุ่น พร้อมบุคลิกการขับขี่แบบสปอร์ต ตอบสนองต่อการควบคุมอย่างรวดเร็วทันใจ
แทรกซ์ มาพร้อมความกระฉับกระเฉงและความโฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง โลโก้โบว์ไทสีทองถูกประทับโดดเด่นอยู่บนกระจังหน้าแบบสองชั้น ทำให้แทรกซ์ สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟโรเลต ได้อย่างชัดเจนเพียงแค่ปราดตาเห็น เส้นสายตรงกลางฝากระโปรงและกรอบไฟหน้าฮาโลเจนเพิ่มภาพลักษณ์ความปราดเปรียวให้ตัวรถ
รูปลักษณ์ภายนอกของแทรกซ์ไม่เพียงจะมีเส้นสายอันทรงพลังเท่านั้น ทีมวิศวกรและนักออกแบบยังเน้นให้เอสยูวีคันนี้เปี่ยมด้วยความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นช่องดักลมที่ด้านหน้า ด้ายท้ายรถอันลาดเอียง และสปอยเลอร์บนหลังคาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก ขณะที่ล้ออัลลอยมีขนาด 16 นิ้ว และ 18 นิ้วให้เลือกใช้
ขุมพลังประหยัดเชื้อเพลิงสามขนาด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อออนดีมานด์
แทรกซ์ มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง ให้ความสะดวกสบายด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่ค่อนข้างสูงพร้อมสมรรถนะการควบคุมเหมือนกับรถยนต์นั่งผสานศักยภาพการลุยเส้นทางออฟโรดเมื่อต้องการ
เครื่องยนต์มีทั้งบล็อกเบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตร เบนซิน 1.6 ลิตร และดีเซลเทอร์โบ 1.7 ลิตร โดยรุ่นเบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตร มีพละกำลังสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ขณะที่ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 1.7 ลิตร ให้พละกำลัง 130 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร
ทุกขุมพลังมาพร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/Stop) เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ในรุ่นเบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตร * และดีเซลเทอร์โบ 1.7 ลิตร มีระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดให้เลือกใช้
เครื่องยนต์ดีเซล 1.7 ลิตรในเวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดา มีอัตราบริโภคน้ำมัน 22.2 กม./ลิตร ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตรเกียร์ธรรมดา มีอัตราบริโภคน้ำมันที่ 15.3 กม./ลิตร สำหรับอัตราการปล่อยมลพิษไอเสียอยู่ที่ 120 กรัม/กม. และ 149 กรัม/กม.ตามลำดับ
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะติดตั้งอยู่ในแทรกซ์ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตรและดีเซล 1.7 ลิตร โดยระบบขับเคลื่อนจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพถนนโดยอัตโนมัติและเพิ่มการยึดเกาะบนถนนเปียกลื่นหรือทางลูกรัง
ความปลอดภัยเต็มพิกัด
แทรกซ์ ติดตั้งระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบเตรียมพร้อมครบครันเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกที่นั่งหากเกิดอุบัติเหตุ โดยนอกจากโครงสร้างยูนิบอดี้ที่ใช้เหล็กกล้าความทนทานสูงแล้ว แทรกซ์ยังมีถุงลมนิรภัย 6 ลูก แป้นเหยียบยุบตัวได้และเข็มขัดนิรภัยสามจุดทุกที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สำหรับระบบช่วยขับขี่มีทั้งควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TC) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิก (EBD) ขณะที่ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะลากจูง (TSA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LT
ห้องโดยสารยืดหยุ่นรองรับทุกการใช้งาน โดดเด่นเชื่อมโยงการสื่อสาร
ห้องโดยสารของแทรกซ์ มีความโดดเด่นที่ความเรียบหรูสะอาดตา อันเกิดจากการออกแบบอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อย่างแผงมาตรวัดที่ผสมผสานการแสดงผลแบบดิจิตอลและอนาล็อกเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้แสงไฟสีฟ้าไอซ์บลูเอกลักษณ์ของเชฟโรเลตทั่วทั้งห้องโดยสาร
ช่องเก็บของในห้องโดยสารของแทรกซ์มีมากมายสไตล์รถอเนกประสงค์ ทั้งด้านบนและด้านข้างของแผงคอนโซลรวมถึงใต้เบาะที่นั่ง สำหรับเนื้อที่รองรับสัมภาระของแทรกซ์มีสูงถึง 1,370 ลิตร พร้อมสามารถเพิ่มพื้นที่ได้อีกบริเวณใต้พื้นห้องโดยสาร
นอกเหนือจากการพับเบาะแถวหลังแบบ 60/40 เบาะนั่งด้านหน้าข้างคนขับของแทรกซ์ยังสามารถพับให้แบนราบได้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ขณะเดียวกัน ยังสามารถเลือกใช้โครงสร้างเบาะแบบ 8 ที่นั่งได้อีกด้วย แทรกซ์รุ่นสูงขึ้นมาติดตั้งระบบเชฟโรเลต มายลิงค์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนแสดงผลผ่านหน้าจอสีความละเอียดสูงระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว โดยในช่วงต้นปีหน้าจะมีแอพลิเคชั่นระบบนำทางที่ชื่อว่า Engis BringGo เปิดให้สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ โดยจะคำนวณเส้นทางผ่านสมาร์ทโฟนก่อนแสดงผลผ่านหน้าจอสัมผัส
เชฟโรเลต มายลิงค์ เอื้อให้การใช้โทรศัพท์สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการสั่งงานผ่านทางหน้าจอแสดงผล ระบบนี้ยังทำให้การเข้าถึงเพลง รูปภาพ รายชื่อในสมุดโทรศัพท์และข้อมูลความบันเทิงอื่นๆทำได้อย่างง่ายดาย เมื่อใดก็ตามที่รถจอดหยุดนิ่งอยู่กับที่ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถชมวีดีโอและรูปภาพจากหน้าจอในรถได้ ขณะเดียวกัน กล้องมองหลังยังเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจอินโฟเทนเมนท์ที่ช่วยให้การถอยหลังเข้าจอดทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ใช้งานเนวิเกเตอร์ง่ายดายกว่า ผ่านแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน
แอพพลิเคชั่นระบบนำทางเนวิเกเตอร์ Engis BringGo จะเปิดให้ดาวน์โหลดในสมาร์ทโฟนทั้งระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ ใช้งานง่ายเหมือนระบบนำทางเนวิเกเตอร์ทั่วไป เมื่อผู้ขับขี่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับเชฟโรเลต มายลิงค์และเลือกกดเลือกไอคอนเปิดระบบนำทางแล้ว หน้าเมนูหลักจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอสีทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมกับเมนูต่างๆให้เลือกสั่งงานด้วยความง่ายดาย
ขณะเดียวกัน แอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังมีฟังก์ชั่น Lane guidance ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ ขับอยู่ในเลนที่ถูกต้อง และฟังก์ชั่น Live traffic บอกข้อมูลการจราจรตามสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการรายงานเหตุการณ์โดยละเอียดและสามารถคำนวณเส้นทางใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด ซึ่งการบริการด้านจราจรนี้จำเป็นจะต้องมีการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านทางสมาร์ทโฟนตลอดเวลา
ไอคอน eco ทางด้านล่างของหน้าเมนูหลักของ BringGo จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถคาดการณ์ถึงระยะทางที่เหลือที่สามารถขับต่อไปได้จนกว่าน้ำมันจะใกล้หมด โดยการหาค่าเฉลี่ยและความประหยัดน้ำมันต่ำสุดจะสามารถคำนวณเป็นวัน สัปดาห์ หรือเดือนได้
* จะเปิดตัวในปี 2556 ข้อมูลทางเทคนิคเบื้องต้น
ความคิดเห็น