เปิดตัว Mercedes-Benz CLS Shooting Brake, CLS 250 CDI พร้อม E300 BlueTEC HYBRID Share this
รถเปิดตัวใหม่
โหมดการอ่าน

เปิดตัว Mercedes-Benz CLS Shooting Brake, CLS 250 CDI พร้อม E300 BlueTEC HYBRID

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 07 November 2555

เมอร์เซเดส-เบนซ์จัดทัพอวดโฉมยนตรกรรมใหม่ 3 รุ่น ตอบโจทย์ ทุกความต้องการระดับไฮเอนด์

• The new CLS Shooting Brake: ยนตรกรรมรูปลักษณ์ใหม่ ด้วยดีไซน์อันน่าหลงใหล

• CLS 250 CDI: ความเหนือระดับในสไตล์สปอร์ตคูเป้สี่ประตู

• E 300 BlueTEC HYBRID: ครั้งแรกในไทยสำหรับรถยนต์พรีเมี่ยมเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลที่สะอาดและประหยัดมากที่สุด

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดรถหรูส่งท้ายปี เปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ The new CLS Shooting Brake ต้นแบบของยานยนต์รูปลักษณ์ใหม่แบบไร้ขีดจำกัดที่เปี่ยมไปด้วยดีไซน์อันน่าหลงใหล และยังคงความหรูหรา ปราดเปรียวเข้าไว้ด้วยกัน CLS 250 CDI ความเหนือระดับในสไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตูที่ผสานรวมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว E 300 BlueTEC HYBRID ครั้งแรกในไทยสำหรับรถยนต์พรีเมี่ยมเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลที่สะอาดและประหยัดมากที่สุด

ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันการคัดสรรยนตรกรรมนอกจากจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เราจึงได้นำเสนอยนตรกรรมหลากหลายรุ่นที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น The new CLS Shooting Brake ยนตรกรรมที่สะท้อนความโดดเด่นของรูปลักษณ์ที่มีดีไซน์อันน่าหลงใหล ซึ่งสามารถผสานคุณสมบัติการใช้งานได้อย่างลงตัว CLS 250 CDI รถยนต์คูเป้ 4 ประตูโฉมใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้ดูปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวมากขึ้น และ E 300 BlueTEC HYBRID ครั้งแรกในประเทศไทยกับยานยนต์หรูที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

The new CLS Shooting Brake - ยนตรกรรมรูปลักษณ์ใหม่ ด้วยดีไซน์อันน่าหลงใหล

เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new CLS Shooting Brake ยนตรกรรมโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี ขุมพลัง 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) ที่ 3,800 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 1,800 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. ถ่ายทอดผ่านกำลังเกียร์อัตโนมัติเดินหน้าแบบ 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) แบบ DIRECT SELECT พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles) โดยพวงมาลัยเป็นแบบระบบไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยระบบ Electromechanical ที่ช่วยประหยัดน้ำมันและช่วยให้การบังคับพวงมาลัยคล่องตัวมากขึ้นเหมาะกับทุกการขับขี่บนท้องถนน นอกจากนั้นยังทำงานร่วมกับระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Park Assist) พร้อมด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop

The new CLS Shooting Brake เป็นยนตรกรรมที่สร้างปฐมบทใหม่ให้แก่วงการยานยนต์ ด้วยนวัตกรรมการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ล้ำสมัย ไม่เหมือนใคร ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการออกแบบ โดยโครงสร้าง (ความยาว 4,956 มม. ความกว้าง 1,881 มม. และความสูง 1,416 มม.) ที่สร้างความแตกต่างอันโดดเด่น ด้วยลายเส้นที่โค้งมนตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า โครงกระจกด้านข้างแบบไร้ขอบ ไปจนถึงหลังคาที่ลาดลงต่อเนื่องจรดด้านท้ายของตัวรถ และที่สร้างจุดเด่นสำคัญให้แก่รถคันนี้ คือ ดีไซน์ในแบบสปอร์ต 5 ประตู ซึ่งมีด้านท้ายที่กว้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยห้องเก็บสัมภาระที่มีความจุตั้งแต่ 590 จนถึง 1,550 ลิตร เหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งความสปอร์ต แต่ยังคงมีพื้นที่วางสัมภาระเมื่อต้องการเดินทางอย่างมีสไตล์ นับเป็นต้นแบบของยนตรกรรมเซ็กเม้นต์ใหม่ นอกจากนี้ตัวถังรถถูกพัฒนาให้เน้นน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนทาน โดยใช้ประตูแบบไร้กรอบทั้งบานที่ทำจากแผ่นอะลูมิเนียมอัดรีด ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าประตูเหล็กแบบเดิมถึง 32 กิโลกรัม นอกจากนี้ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง และส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ ของเครื่องยนต์ก็ทำจากอะลูมิเนียมด้วยเช่นกัน ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Cd) มีค่าเท่ากับ 0.29

ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED High Performance ประสิทธิภาพสูง ซึ่งผสมผสานกับเทคโนโลยี LED พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้ารถอัจฉริยะ และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตอกย้ำรูปลักษณ์อันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ดูเด่นสะดุดตาในยามค่ำคืน และเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น

ส่วนภายในยังคงความหรูหราสง่างาม สมบูรณ์แบบดุจงานฝีมือด้วยนวัตกรรมสุดล้ำสมัยในแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในโดดเด่นด้วยพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระที่ได้รับการออกแบบไว้อย่างมีสไตล์ ประณีตและหรูหรา และยังสามารถเพิ่มสไตล์การตกแต่งอีกระดับเป็นออพชั่น ด้วยพื้นไม้ซึ่งหรูหรา สวยงาม ด้วยลายไม้แบบ American Cherry และลายไม้โอ๊คพร้อมรางอะลูมิเนียม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น EASY-PACK-Quickfold ที่ช่วยในการพับพนักพิงเบาะด้านหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้มากยิ่งขึ้น และฟังก์ชั่นเปิด-ปิดบานประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

สำหรับภายในห้องโดยสารมีเบาะนั่งแบบ 5 ที่นั่งพร้อมพนักพิงศีรษะปรับระดับได้ คู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints และสามารถเลือกวัสดุตกแต่งลายไม้ได้ถึง 3 แบบ ได้แก่ ลายไม้ black ash wood หรือ brown burr walnut หรือ light brown poplar นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online เพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจขณะขับขี่

เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new CLS Shooting Brake โฉมใหม่นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์แบบครบครันที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุดไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง เข็มขัดนิรภัยแบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น PRE-SAFE ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า และม่านถุงลมนิรภัย สำหรับผู้โดยสารทั้ง 4ตำแหน่ง ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® ซึ่งมีเพียงแบรนด์เดียวในโลกโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาทิศทางและการทรงตัวของรถได้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์คับขัน ระบบช่วยเบรก BAS (Brake Assist) ที่จะทำงานร่วมกับระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock braking system) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวและการยึดเกาะถนนให้อยู่ในระดับสูงสุด ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)

สำหรับต้นกำเนิดของชื่อ Shooting Brake นั้นเป็นชื่อในสมัยก่อนที่ใช้เรียกรถลากที่ใช้ม้าช่วยลากจูง มีโครงสร้างน้ำหนักเบาและสามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อใช้บรรทุกอุปกรณ์ล่าสัตว์ ซึ่งรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์และมี Shooting Brake นี้ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศอังกฤษช่วงปีทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยเป็นรถยนต์สไตล์สปอร์ตแบบ 2 ประตูที่ผสมผสานความหรูหราในสไตล์คูเป้และมีพื้นที่วางสัมภาระและกระโปรงท้ายที่กว้างขวาง

The new CLS Shooting Brake มีชุดแต่งให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

• The new CLS 250 CDI Shooting Brake Exclusive ราคา 4,990,000 บาท

• The new CLS 250 CDI Shooting Brake AMG Premium ราคา 5,390,000 บาท พร้อมชุดแต่งแบบสปอร์ต AMG (กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง), พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa, กระจังหน้าเสริมโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, เบาะนั่ง หมอนรองศีรษะ ที่วางแขนข้างประตู และคอนโซลกลางตกแต่งด้วยการเดินด้ายสีอ่อนตัดกับสีเบาะ, แป้นเบรกและคันเร่งแบบสปอร์ต, ช่วงล่างแบบสปอร์ต, ปลายท่อไอเสียโครเมียมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 2 ท่อ ซ้าย-ขวา และ พรมสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ AMG ซึ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับรุ่น Premium ได้แก่

o กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง

o ถุงลมนิรภัยเพิ่มเติมซ้าย-ขวาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

o ซันรูฟหลังคาแบบกระจก เปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

o ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารที่เลือกปรับได้ 3 สี

o ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO

o ล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว

CLS 250 CDI – ความเหนือระดับในสไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู

เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLS 250 CDI ยนตรกรรมคูเป้สไตล์สปอร์ต 4 ประตูที่ได้รับการออกแบบทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในใหม่หมดจด ด้านหน้าได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้ ปราดเปรียวยิ่งขึ้น พร้อมกระจังหน้ารูปตัว V-shaped ลายเส้นนูนโค้งเว้า ดูมีมิติและสวย สะดุดตา ไฟหน้าเป็นแบบ LED High Performance พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าแบบอัจฉริยะ ด้านท้ายโค้งมนให้ความสปอร์ต พร้อมไฟท้ายแบบ LED ประสิทธิภาพสูง พร้อมด้วยระบบมัลติมิเดีย COMAND Online ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยสะดวก มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 1,800 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม. พละกำลังทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) อันทรงประสิทธิภาพ

โดย CLS 250 CDI AMG ตกแต่งด้วยชุดแต่งแบบสปอร์ต AMG ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบบ AMG Dynamic และ AMG Premium โดยชุดตกแต่งแบบสปอร์ต AMG ประกอบไปด้วย ชุดแต่ง AMG กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง, พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa, กระจังหน้าเสริมโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, เบาะนั่ง หมอนรองศีรษะ ที่วางแขนข้างประตู และคอนโซลกลางตกแต่งด้วยการเดินด้ายสีอ่อนตัดกับ สีเบาะ, แป้นเบรกและคันเร่งแบบสปอร์ต, ช่วงล่างแบบสปอร์ต, ปลายท่อไอเสียโครเมียมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 2 ท่อ ซ้าย-ขวา และพรมสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ AMG ได้แก่

• CLS 250 CDI AMG Dynamic ราคา 4,990,000 บาท

• CLS 250 CDI AMG Premium ราคา 5,290,000 บาท ซึ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับรุ่น Premium ได้แก่

o กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง

o ถุงลมนิรภัยเพิ่มเติมซ้าย-ขวาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

o ซันรูฟหลังคาแบบกระจก เปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

o ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารที่เลือกปรับได้ 3 สี

o ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO

o ล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว

E 300 BlueTEC HYBRID - ครั้งแรกในไทยสำหรับรถยนต์พรีเมี่ยมเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลที่สะอาดและประหยัดมากที่สุด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ E 300 BlueTEC HYBRID เป็นยนตรกรรมหรูประหยัดพลังงานมากที่สุดในโลก และเป็นครั้งแรกของรถยนต์หรูที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด ซึ่งเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง การออกสตาร์ทที่เงียบ และช่วยลดการสันดาปของเครื่องยนต์ พร้อมด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงให้พละกำลังเช่นเดิม โดยองค์ประกอบต่างๆ ของระบบไฮบริด เช่น ระบบไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์สามารถผสานรวมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยตรง ซึ่งนับเป็นจุดเด่นที่ทำให้รถยนต์ไฮบริดสามารถผลิตบนสายการผลิตเดิมได้ โดย E 300 BlueTEC HYBRID มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีกำลังบิดที่ 20 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 4.2-4.3 ลิตร/100 กม. (23.2-23.8 กม./ ลิตร) และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 109 กรัม/กม.โดยพละกำลังถูกถ่ายทอดผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนขนาด 120 โวลต์ โดยที่รูปลักษณ์ภายในและภายนอกยังคงสร้างความประทับใจด้วยการมอบความสะดวกสบาย ความหรูหรา ความปลอดภัย และพื้นที่ใช้สอยเช่นเดิม

เทคโนโลยี BlueTEC HYBRID – สุดยอดเทคโนโลยีลดปริมาณการปล่อยไอเสียจากเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซล

เทคโนโลยี BlueTEC HYBRID เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า

BlueTEC - เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่สะอาดที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลระบบหัวฉีดอันล้ำสมัย ช่วยลดอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ควบคุมการปล่อยไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ให้น้อยลง

ดร. เพาฟเลอร์ กล่าวสรุปว่า “การนำรถโมเดลใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย บริษัทฯ จะคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับโครงสร้างของประเทศ รวมทั้งมีการเตรียมพร้อมทีมช่างเทคนิคให้มีทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญในรายละเอียดผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์เฉพาะทางจากกลุ่มบริษัทเดมเลอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ที่มาจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องข้อได้เปรียบสำคัญที่จะได้รับจากการซื้อจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยตรง นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” ตลอดอายุการใช้งานในระยะยาว และความได้เปรียบในเรื่องราคาขายต่อเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนั้นลูกค้ายังให้ความไว้วางใจในการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทางและสิทธิพิเศษ Star Assist โปรแกรมพิเศษที่พร้อมให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งลูกค้าจะได้รับประสบการณ์เหล่านี้โดยตรงจากโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ 30 แห่งทั่วประเทศ”

2013 Mercedes-Benz CLS Shooting Brake

2013 Mercedes-Benz CLS 250 CDI

2013 Mercedes-Benz E300 BlueTEC HYBRID

ภาพบรรยากาศการเปิดตัวรถทั้ง 3 รุ่น


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ