ขับทดสอบ Honda Brio Amaze ณ เส้นทางบนถนนมิตรภาพ เขาใหญ่ Share this

ขับทดสอบ Honda Brio Amaze ณ เส้นทางบนถนนมิตรภาพ เขาใหญ่

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 08 December 2555

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งมาพร้อมกับงาน Motor Expo ที่ได้จัดขึ้นทุกสิ้นปี สำหรับงานในปีนี้ ค่ายรถทั้งหลายเตรียมตัวมากวาดเก็บสแปร์ยอดจองรถยนต์คันแรก ก่อนหมดมาตรการคืนภาษีภายในสิ้นปีนี้ โดยล่าสุด (วันที่เขียนบทความนี้) ยอดจองรวมกันทะลุกว่า 30,000 คันไปแล้ว โดยในครั้งนี้ Honda มียอดจองรวมตั้งแต่เริ่มเปิดงานจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. 2555 นำโด่งเป็นอันดับ 1 เหนือ Toyota ได้ โดยมียอดจองถึง 6,491คัน จากการที่ Honda ได้พารถยนต์เข้าร่วมโครงการรถคันแรกมากที่สุดซึ่งมีถึง 6 รุ่น ประกอบด้วย Jazz, Jazz Hybrid, City, City CNG, Brio และ Brio Amaze ซึ่งในครั้งนี้ ทาง Honda ได้ขน Brio Amaze มาเป็นแม่ทัพคันสุดท้าย ร่วมลงสนาม เพื่อแย่งชิงยอดจองจากค่ายอื่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพราะภายในบูท Honda นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มามุงดูเจ้า Brio Amaze นี้อย่างไม่ขาดสาย คงต้องมาดูกันว่าจะกวาดยอดจองไปได้ทั้งหมดกี่คัน และจะเยี่ยมสักแค่ไหนกับ Brio ในรูปโฉม Sedan 4 ประตูคันนี้

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_25

ภายนอก การออกแบบนั้นมาในแนวคิด (Smart Micro Limousine) เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัว ด้วยตัวถังที่มีขนาดเหมาะสม เมื่อมองจากด้านหน้าตัวรถ ดูเผินๆ ก็ไม่ได้ต่างไปจาก เจ้า Brio สักเท่าใดนัก ที่เห็นแตกต่าง ก็มีกระจังหน้า เป็นโครเมียมดูเป็นเส้นสายลากยาวขึ้น เพื่อแสดงถึงความกว้างขวาง ล้อที่มีการดีไซน์ใหม่เป็นลาย 5 ก้านคู่ และจุดสำคัญคือส่วนท้ายซึ่งทำให้เป็นซีดาน ซึ่งอาจดูท้ายกุดๆไปนิด แต่การดีไซน์ของไฟท้ายนั้น คล้ายๆ Civic คือจะให้ดูกว้างออกมาด้านข้าง รวมถึงเป็นลายกราฟฟิคที่ดูดีสวยงาม เมื่อเปิดหลอดไฟมองผ่านๆ ดูคล้าย LED ต่อมาในส่วนของมิติตัวรถเทียบกับ Brio จะพบว่า ได้เพิ่มขนาดฐานล้อขึ้นอีก 60มม. และความยาวของตัวรถเพิ่มขึ้นอีก 380มม. ซึ่งทำให้ความยาวรวมอยู่ที่ 3,990มม. ซึ่งยังไม่เกิน 4 เมตร ถือว่ายังคงให้ความสะดวกคล่องตัวได้ดีอยู่ สำหรับความสูงยังคงเดิมที่ 1,485 มม.

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_42

ภายใน ในส่วนของภายในนั้น มันแทบจะไม่มีอะไรต่างจาก Brio เลยทั้งเครื่องเสียง วัสดุภายใน เบาะ ฯลฯ ที่มีเปลี่ยน เห็นจะเป็นมาตรวัดซึ่งเปลี่ยนไปใช้โทนสีเทาดำ ทำให้การมองเห็นดีขึ้นและดูมีมิติมากขึ้น นอกนั้นจะเป็นในส่วนของพื้นที่โดยสารตอนหลังที่ออกแบบมานั่งได้สบายยิ่งขึ้นกว่าตัว Hatchback เนื่องจาก พื้นที่ Leg Room มีมากกว่าเล็กน้อย และที่สำคัญเบาะนิ่มมากๆ และมีความสูงเท่ารถ Sedan อื่นๆ ซึ่งทำให้การนั่งโดยสารในตอนท้ายสบายกว่ารถ Sub-Compact รวมถึง Compact Car บางรุ่นเสียอีก และจุดที่สำคัญอีกอย่าง นั่นคือ สัมภาระตอนท้ายที่จุได้ถึง 400ลิตร และยังแถมด้วยช่องเก็บของระหว่างแผ่นปิดสัมภาระด้านบนกับยางอะไหล่ ที่เก็บได้อีก 20 ลิตร เพียงพอและยังเหลือๆ สำหรับเดินทางไกล แต่น่าเสียดายที่เบาะตอนหลังไม่สามารถพับได้แบบ 60:40 ซึ่งได้ถามในห้อง Q&A ได้คำตอบว่ารถคันนี้เน้นความสะดวกสบายในการโดยสารมากกว่า ซึ่งการทำให้พับได้ จะสูญเสียความสบายลงไปจากการดีไซน์ของตัวเบาะ จะทำให้นั่ง 3 คนได้ไม่สบายเท่านี้ และการบุความหนาของเบาะก็จะทำได้ลดลง เบาะก็จะแข็งกว่านี้ แต่โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีอีกประเด็นเพิ่มเติมนั่นคือ เรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากตัวถังด้านท้ายนั้นมีการเสริม Cross Bar เพื่อใช้เป็นตัวค้ำเฟรมด้านหลังด้วย ซึ่งถ้าจะทำให้พับได้ ในส่วนตรงนี้จะต้องไม่มีและ อาจทำให้ความแข็งแกร่งของตัวถังนั้นลดลงด้วย

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_08

ระบบความปลอดภัย ใน Brio Amaze ทั้งหมด 4 รุ่น มีมาให้เหมือนกันหมดทุกอย่าง ทั้งถุงลมคู่หน้า ซึ่งในฝั่งคนขับเป็น i-SRS และผู้โดยสารเป็น SRS, ระบบเบรก ABS และ EBD, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ, กุญแจ Immobilizer ต่างกันเพียงสัญญาณกันขโมยไม่มีมาให้ในรุ่น S ทั้ง MT และ AT ตัวถังนั้นเป็นโครงสร้างนิรภัย G-CON ร่วมกับการใช้ High Tensile Steel ในโครงสร้างของตัวถัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกอีกด้วย

Test Drive Honda Brio Amaze ณ เส้นทางบนถนนมิตรภาพ เขาใหญ่

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_37

ขอขอบคุณพี่ๆทีมงาน Honda ทั้งหลายอีกครั้ง กับการได้เข้าร่วมทดสอบแบบ Group Test Honda Brio Amaze ครั้งนี้ สำหรับเส้นทางในวันนี้ เป็นการวิ่งบนถนนมิตรภาพ โดยออกจากที่พัก แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ มุ่งหน้าไปยัง มหาวิหารหลวงพ่อโต และวนกลับทิศเดิม โดยรถคันที่ได้มาเป็นรุ่น V AT สีแดงมุก Carnelian Red Pearl จัดเป็นรุ่น Top และจากที่ได้เคยเกริ่นถึงสเป็กทางวิศวกรรมของตัว Brio Sedan กันไปแล้วเมื่อเดือนก่อน จึงขออนุญาตยุบเนื้อหาในส่วนของสเป็ก เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ระบบบังคับเลี้ยว, เบรก และช่วงล่างรวมเข้าในส่วนของ Test Drive ไว้ด้วยกัน เนื่องจากเป็นการนำสเป็กของตัว Brio มาจับใส่ใน Amaze เหมือนกัน ต่างกันเพียงส่วนของการเซ็ตอัพ

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_57

เครื่องยนต์ ในคราวนี้ ได้มีการแบ่งรอบทดสอบออกเป็น 2 กลุ่ม ช่วงเช้าและบ่าย โดยที่ผมถูกจัดให้อยู่ในกรุ๊ปบ่าย โดยในช่วงเที่ยงจะมีรถเกียร์ MT ให้ลองทดสอบขับวนอยู่แถวระแวกรีสอร์ท ประมาณ 15 นาทีสั้นๆ ซึ่งได้มีโอกาสลองขับดู อันดับแรกการปล่อยคลัชออกตัวนั้น คลัชต้องถอนออกมาค่อนข้างเยอะพอสมควร น่าจะทำให้คลัชตื้นๆ หน่อย ถอนไม่ต้องมากน่าจะดูขับสบายแบบรถใช้งานมากกว่านี้ แต่น้ำหนักคลัชไม่มากจนเมื่อยเท้า เมื่อเหยียบคันเร่งออกตัวลองทดสอบอัตราเร่ง ค่อนข้างน่าแปลกใจ คือ ในจังหวะเกียร์ 2 ขับลากรอบดู ปรากฏว่า รอบเครื่องขึ้นไปชน Red Line ที่ 6500rpm รวดเร็วกว่าที่คิด และมีการล๊อครอบเอาไว้ ซึ่งสัมผัสได้ว่าในจังหวะอัตราเร่งช่วงออกตัวนั้น ไม่ได้น้อยหน้ารถในระดับ Compact car เลย ถือว่าสามารถนำมาขับได้อย่างสนุกสนานทีเดียวกับตัว MT นี้ และพอมาถึงช่วงบ่ายก็ได้มาขับในตัว CVT บ้าง รู้สึกว่าอัตราเร่งนั้นจะไม่ดีเท่าตัว MT แต่อยู่ในระดับที่รับได้ ในอัตราเร่งตอนต้นทำได้ดีพอสมควร แต่ช่วงย่านความเร็วกลางขึ้นไป ราวๆ 100กม./ชม. ความเร็วจะเริ่มไต่ขึ้นช้าลงเล็กน้อยตามกำลังความจุ แต่ก็ยังไหลมาแบบเรื่อยๆ และเมื่อเข็มไปชนที่ 145กม./ชม. นั้นให้เหยียบต่อแค่ไหนความเร็วก็ไม่ไปต่อแล้ว มีแต่รอบเครื่องที่พุ่งขึ้นต่อเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการล๊อคความเร็วเหมือนเช่น Brio ความเร็วปลายเชื่อว่าน่าจะต้องมี 180กม./ชม. ถ้าได้ทำการปลดล๊อคความเร็ว แต่ก็อาจจะไม่ถูกวัตถุประสงค์ของรถ Eco car นักที่จะไปนำไปซัดกันโหดขนาดนั้น เพราะ 145กม./ชม. กับการใช้งานแบบทั่วๆไป ก็คงเพียงพอ ยกเว้นอยากจะ Modified เอาแรงกัน ผ่าน After Market ทั้งหลาย มาลองวัดอัตราเร่งในช่วงความเร็ว 80-120กม./ชม. ทำได้ใน 10.54 วินาที โดยรวมแล้วกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร i-VTEC 90แรงม้า กำลังเครื่องยนต์นั้นก็มีมาเหมาะสมกับไซส์ของตัวรถดีแล้ว และอัตราเร่งทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งดูไม่เหมือนรถที่กำลังต่ำกว่า 100แรงม้า อาจได้ในส่วนของเครื่องยนต์ที่เป็น 4สูบด้วย ซึ่งต่างจาก Eco car อีกสองราย ที่เป็น 3สูบ และที่จะลืมไม่ได้กับเรื่องของความประหยัด เพราะจัดเป็น Eco car ทาง Honda เคลม ไว้ที่ 20.4กม./ลิตร ในเกียร์ CVT และ 20.0กม./ลิตร ในเกียร์ MT

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_64

ระบบส่งกำลัง สำหรับเกียร์ CVT แบบ Torque Converter เป็นลูกเดียวกันกับเจ้า Brio ซึ่งให้ความ Smooth ได้ดีกว่า 5AT ทั้งหลายของ Honda แต่การตอบสนองก็จะช้ากว่าอยู่เล็กน้อย เพราะเน้น Smooth นุ่มนวล ในจังหวะกดคันเร่งเอาอัตราเร่ง เมื่อถึงจุดที่ต้องการจะเปลี่ยนเกียร์ เพียงผ่อนคันเร่งจากเท้าเพียงเล็กน้อย แล้วค่อยเติมคันเร่งเดินเครื่องต่อ ความเร็วก็จะเดินขึ้นให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไม่พบการกระโชกโฮกฮากแบบใน 5AT หลายรุ่นให้เห็น ถือว่าเหมาะกับการใช้งานทั่วๆไป ได้ดี เมื่อได้ลองดูความสัมพันธ์ของความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ ซึ่งได้วัดมา 2 ค่า คือ ที่ 100กม./ชม.=1900rpm และ 120กม./ชม.=2300rpm CVT ลูกนี้ไม่ได้ทดต่ำ หรือสูงมาก อยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วๆไปของเกียร์ในแบบ CVT ซึ่งอาจช่วยให้ปลายนั้นไม่ดูย้วยมาก (แต่อย่างไรก็ติดล๊อค 145กม./ชม.อยู่ดี)

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_14

สำหรับเจ้า Brio Amaze นี้ได้มีการจับระบบควบคุมการเคลื่อนที่ พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความลาดเอียงของตัวรถ ซึ่งได้ลองเล่นดูเล็กน้อย โดยการขับแบบส่ายไปมาเพื่อให้ระบบทำงาน ดูเหมือนเป็นการล๊อคความเร็วเหมือน Cruise Control ซึ่งช่วยให้จังหวะหักเลี้ยวออกหรือเร่งแซงยังคงทำได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นจุดดี แต่ก็อาจเป็นข้อเสียได้เมื่อนำไปวิ่งบนทางโค้ง หรือ เขาที่เมื่อถอนคันเร่งแล้ว ความเร็วไม่ลดลง อาจต้องมีการแตะเบรก เพื่อยกเลิกระบบ หลักการเช่นเดียวกับ การใช้ Cruise Control

ระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งเป็นพวงมาลัยแบบไฟฟ้า EPS มีรัศมีวงเลี้ยว 4.6 เมตร ยาวกว่า Brio เพียง 0.1 เมตรเท่านั้น ยังคงให้ความคล่องตัวเช่นเคยแทบไม่ต่างจากเดิม สำหรับ Handling ของเจ้าตัว Brio Amaze นี้รู้สึกได้ถึงความมั่นคงที่มีมากขึ้นกว่า Brio ชัดเจน ขับจนความเร็วตันที่ 145กม./ชม. ยังสามารถขับปล่อยมือได้อยู่ ซึ่งที่ความเร็วนี้สามารถขับขี่มือเดียวได้อย่างมั่นคง ขอเพียงอย่าไปเจอหลุมบ่อ ที่จะทำให้พวงมาลัยดิ้นเป็นพอ ในจังหวะค่อยเคลื่อนตัว พวงมาลัยเบาในแบบ EPS แต่ไม่หวิวไร้น้ำหนักเหมือนอย่าง Jazz เมื่อความเร็วสูงขึ้นน้ำหนักพวงมาลัยหนืดขึ้นมีน้ำหนักมากขึ้น และเมื่อเข้าโค้งพวงมาลัยน้ำหนักมากเอาเรื่อง ทำให้การประคองมือในโค้งลำบากเล็กน้อย ฟีลลิ่งหนักในโค้งดูเหมือน Jazz อีกเช่นกัน แต่เมื่อขับบนทางตรงเรียบทั่วไป พบว่าระยะฟรีพวงมาลัยมีมากไปนิดหนึ่ง และในช่วงนั้นน้ำหนักจะค่อนข้างเบาไม่มีความหนืด แต่พอพ้นหมดระยะฟรี น้ำหนัก Handling ดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับตัว Hatchback จุดนี้ยอมรับว่าเซ็ตพวงมาลัยมาได้ดีมากกับรถในระดับนี้ Handling นั้นสร้างความประทับใจให้ผมมากจริงๆ ทำให้ผมถึงกับต้องกล่าวคำว่า Amazing ออกมาเลยทีเดียว

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_56

เบรก หลังจากที่มีการเปลี่ยนลูกสูบ คาลิปเปอร์ใหม่ ในดิสก์เบรกคู่หน้า ทำให้การเบรกดูดีขึ้น นิ่มนวลขึ้น ไม่ให้ฟีลลิ่งแบบแข็งทื่อ เหมือนอย่างที่พบกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็น Jazz, City, Civic หรือแม้กระทั่ง Odyssey ก็ตาม ซึ่งในส่วนของเบรกนั้นยังยืนยันเช่นเดิม เหมือนกับตอน Test ครั้งแรกที่แก่งกระจาน คือ เบรกทำได้ดีกว่าที่คิด

ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง หลังจากที่ได้ปรับเซ็ตช่วงล่างด้านหลังใหม่ เมื่อคราวก่อน Test ในสนามแก่งกระจาน ไม่ได้มีโอกาสเหยียบความเร็วสูงในทางเรียบ และตั้งใจจับสัมผัสความรู้สึกนัก จึงรู้สึกไม่แตกต่างจากเดิม แต่มาวันนี้ได้มีโอกาสขับแช่ยาวๆ ขอบอกเลยว่า แทบไม่มีอาการโคลงเคลงให้พบ ณ ความเร็ว 145กม./ชม. ซึ่งอาจจะต้องบอกว่าทำได้ดีกว่า Sub-Compact car บางรุ่นเสียอีก เหตุผลหนึ่งที่ระบบกันสะเทือนช่วงล่างหลังนั้น ดีเยี่ยมมั่นคงกว่าตัว Hatchback อย่างเห็นได้ชัด น่าจะมีส่วนจาก Cross bar ที่ค้ำตัวถังด้านหลังด้วย และเมื่อถึงคราวที่ต้องผ่านเนินหลุมบ่อจากการกำเนิดขึ้นของบรรดารถบรรทุกทั้งหลาย มันไม่ได้กระเด้งกระดอนกันรุนแรงจนเจ็บไปถึงลำไส้ (ในขาเดินทางมารีสอร์ท ได้นั่งรถตู้มา ซึ่งช่วงล่างแข็งมากเจ็บสะเทือนไปถึงคอเลย จึงอาจทำให้รู้สึกประทับใจความนิ่มนวลของช่วงล่างเจ้า Amaze นี้มากเป็นทวีคูณ) มันไม่ดีดสะดิ้นมากมาย เพียงเด้งรับสู้พอควร ไม่ถึงกับต้องบ่นคำอุทานออกมา เหมือนในรถตู้ขานั่งมาอย่างใด และเมื่อถึงโค้ง ลองโยนโค้งเข้าไปแบบพอคุมได้ไม่แรงนัก พบว่าตัวรถยังมียุบยวบบ้างให้เห็นยังไม่ได้เกาะแบบรู้สึกปลอดภัย แต่ว่ายังรู้สึกว่ามั่นคงกว่ารถ Eco car บางรุ่นอยู่ดี

2012-Honda-BrioAmaze-GroupTest_49

สรุป “Don’t judge a book by its cover” จากกระแสที่มีเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก ที่มีต่อ Honda Brio Amaze ที่คนภายนอกดูเผินๆ เหมือนจะเป็นเพียงการจับตัว Brio Hatchback มาต่อท้ายเสริมก้นให้เป็น 4ประตู เพราะเมื่อเปิดประตูเข้ามาดูภายในหลายคนอาจต้องผิดหวัง เพราะมันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันกับ Brio เลย ซึ่งตอนแรกผมก็คิดเช่นนั้น แต่พอได้มาพิสูจน์ทดลองขับในครั้งนี้ จึงทราบเลยทันทีว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่เปลี่ยนรูปโฉมเท่านั้น แต่ Performance ก็ถูกพัฒนา และดีขึ้นมาก ถือว่าทำได้ดีเกินคาดกับ Eco car เลยก็ว่าได้ ซึ่งทาง Honda น่าจะชูจุดขายตรงนี้เพิ่มอีกจุดในการโฆษณา เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคนั้น คงไม่ได้มีโอกาส มาสัมผัสกันลึกแบบนี้ และการที่พวกเขาเห็นเพียงสายตา ทำให้อาจผิดหวังกับ Option ภายในและภายนอกที่ไม่ได้ดีกว่า Brio นัก ซึ่งทางเราได้ Comment กับทางทีม Technician ชาวญี่ปุ่นในช่วง Dinner ไปนานพอสมควร อาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตัว Minor Change ก็เป็นไปได้ สรุปอีกครั้ง “อย่าตัดสินหนังสือเพียงแค่หน้าปก”

บริโอ้ อเมซ มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท และเกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท รุ่น V เกียร์ธรรมดา ราคา 482,000 บาท และรุ่น V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 521,000 บาท และ มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) แดงคาร์เนเลียน (มุก) เงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) ขาวทาฟเฟต้า และสีใหม่คือสีม่วงมารีน (มุก)

ลูกค้ารถยนต์คันแรกที่จองบริโอ้ อเมซ ภายในสิ้นปีนี้สามารถรับสิทธิ์เงินคืนภาษีได้ตั้งแต่ 65,000 – 73,000 บาทและในโอกาสต้อนรับการเปิดตัวบริโอ้ อเมซ ฮอนด้า ยังได้จัดแคมเปญ บริโอ้ อเมซ สมการสุข สุดเซอร์ไพรส์ พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2555 มอบเซอร์ไพรส์ถึง 3 ชั้น ได้แก่

- ชั้นที่ 1 รับสิทธิ์ให้เลือก 3 ทางเลือก ด้วย

1. ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.49% สำหรับลูกค้าที่มีกำลังผ่อนแต่ไม่อยากจ่ายดอกเบี้ยแพง

2. ดาวน์ต่ำสุด 59,999 บาท แถมฟรีประกันภัยชั้น 1 ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายๆ

3 ผ่อนต่ำสุด 3,813 บาทต่อเดือน แถมฟรีประกันภัยชั้น 1 ผ่อนสบายๆ กับฮอนด้า สไมล์ เพย์ (จ่ายแค่วันละ 128 บาท)

- ชั้นที่ 2 รับฟรีกระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วมูลค่า 2,500 บาท

- ชั้นที่ 3 รับสิทธิ์ลุ้น ฮอนด้า คลิก 125i มูลค่า 46,500 บาท แจกทุกวัน วันละคันรวม 39 คัน

ลูกค้าที่สนใจฮอนด้า บริโอ้ อเมซ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ www.honda.co.th/brioamaze หรือ Honda Call Center ที่โทร. 02-341-7777, 02-341-7888, 02-341-7999

ภณ เพียรทนงกิจ (พล autospinn) ผู้เขียน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ