Lamborghini เคยสร้างความตื่นตะลึงที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ 2010 ด้วยการเปิดตัวรถต้นแบบ Sesto Elemento ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ของรถซูเปอร์คาร์ที่ไม่มียนตรกรรมรุ่นใดเสมอเหมือน หลังจากนั้นที่งานแฟรงก์เฟิร์ต ออโต้โชว์ 2011 Lamborghini ก็ประกาศข่าวที่หลายคนรอคอย นั่นคือการอนุมัติไฟเขียวผลิต Sesto Elemento รุ่นโปรดักชั่นออกจำหน่ายจริงในอนาคตอันใกล้
แต่ข่าวดีมาพร้อมกับข่าวร้าย แบรนด์ซูเปอร์คาร์จากอิตาลีจะผลิตออกจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 20 คันเท่านั้น นั่นหมายความว่าจนถึงเวลานี้ทั้ง 20 คันอาจจะถูกมหาเศรษฐีทั่วโลกแย่งกันรุมทึ้งจนหมดเกลี้ยงแล้วก็เป็นได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น มีแนวโน้มว่า Sesto Elemento อาจจะถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ ไม่สามารถนำมาใช้บนถนนทั่วไปได้
หนึ่งเหตุผลที่ Lamborghini ผลิตขึ้นมาเฉพาะในสนามแข่งเป็นเพราะว่าการผลิตซูเปอร์คาร์รุ่นโปรดักชั่นที่มีพละกำลังสูงให้สามารถขับขี่บนท้องถนนทั่วโลกได้นั้นจะต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก นอกจากนี้ Lamborghini ยังต้องการรักษาความล้ำยุคของรถต้นแบบไว้มากที่สุด ทำให้ไม่สามารถผลิตเพื่อใช้งานบนถนนทั่วไปได้
ล่าสุดนิตยสาร Audi Magazine รายงานความคืบหน้าของโครงการพัฒนา Sesto Elemento ซึ่งคาดว่าจะเผยโฉมในปี 2014 ว่า รุ่นโปรดักชั่นจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับรุ่นต้นแบบทุกมิติ ยกเว้นความแข็งแกร่งและเหนียวแน่นของโครงสร้างที่จะเพิ่มมากขึ้นเพื่อยกระดับความปลอดภัยในภาพรวม
รายงานข่าวชิ้นดังกล่าวอ้างคำสัมภาษณ์ของ Maurizio Reggiani หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Lamborghini โดยระบุว่า ห้องโดยสาร Sesto Elemento จะก้าวล้ำอนาคต โดยขนาดและตำแหน่งของเบาะที่นั่งจะต้องถูก “สั่งตัด” ให้เข้ากับสรีระของเจ้าของรถมากที่สุด
ซับเฟรมของ Sesto Elemento จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด แตกต่างจาก Aventador ที่ใช้ซับเฟรมอลูมิเนียมและโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ โดยจะมาพร้อมกับโครงสร้างกันชนสองชิ้นแยกส่วนกันที่ด้านหน้าและด้านท้าย โดยสามารถปลดออกได้อย่างรวดเร็วเพื่อความง่ายดายในการซ่อมบำรุง
สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนใช้บล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใน Gallardo LP 570-4 Superleggera ขนาด V10 ความจุกระบอกสูบ 5.2 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ผลิตพละกำลังที่ 562 แรงม้า แรงบิด 398 ฟุตปอนด์
ถึงแม้จะมีพละกำลังเท่ากับ Gallardo LP 570-4 แต่ Sesto Elemento จะมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 998 กก.เท่านั้น ทำให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ทำได้ในพริบตาเพียง 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุดทะลุหลัก 320 กม./ชม.
Sesto Elemento จะเริ่มทดลองการผลิตในช่วงปลายปีนี้ ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าในปีหน้า สนนราคาค่าตัวประมาณ 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หัวหน้าทีมนักออกแบบของ Lamborghini เคยกล่าวไว้ว่า ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ถูกพัฒนามาเพื่อนักสะสมรถที่ชื่นชอบการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ
ความคิดเห็น