เราได้รับเชิญจากทาง Mazda ให้ร่วมเดินทางทริปทดสอบขับสั้นๆ แบบเช้าเย็นกลับ ขับไปทานอาหารกลางวันที่เบอร์จาย่า ฮิลล์ (Berjaya Hills) ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไม่ไกลนัก แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับการได้นั่งหลังพวงมาลัยของ All-New 2013 Mazda6
Mazda6 เจนเนอเรชั่นใหม่สองโมเดลจอดรอให้เราทดสอบ มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตรและ SKYACTIV-G 2.5 ลิตร ทั้งสองเวอร์ชั่นส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive แบบ 6 สปีด แน่นอนว่ารูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ KODO – Soul of Motion
KODO – Soul of Motion จิตวิญญาณแห่งความเคลื่อนไหว
กระจังหน้าของ Mazda6 ได้รับการออกแบบให้โลโก้ Mazda มีความโดดเด่นอย่างมาก ก่อนจะนำสายตาไปถึงกรอบไฟหน้าพาดผ่านไปยังด้านข้างจนถึงบั้นท้ายรถ คุณจะรู้สึกประทับใจในทันทีเหมือนกับได้อยู่เคียงข้างกับดาราสาวสวยสักคน Mazda6 ไม่เพียงจะมีรูปลักษณ์ที่สะดุดตาเท่านั้น แต่ยังมีความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์อีกด้วย มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและประหยัดน้ำมันสูงสุด
เป็นทริปที่สนุกอีกทริปหนึ่งเพราะเราได้ขับ Mazda6 เดินทางออกนอกเมืองในช่วงเช้าและกลับเข้ามาในช่วงบ่าย รถมิดไซส์ซีดานคันนี้ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ แต่ยังมีความแข็งแกร่ง สวยงาม เซ็กซี่และบึกบึนตามที่ Mazda โปรโมทไว้ทุกประการ
เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตรและ SKYACTIV-G 2.5 ลิตร
อย่างที่เรียนไว้ตั้งแต่ต้น เรามีเครื่องยนต์สองบล็อกให้ลองขับ ทั้งสองรุ่นใช้ระบบเกียร์เหมือนกันและมีการออกแบบภายใต้ปรัชญาเดียว นั่นคือ ความสนุกสนานในการขับขี่
ในเบื้องต้น เราด่วนสรุปก่อนเลยว่ารถทั้งสองคันมีพละกำลังน้อยไปสักหน่อยและควรจะติดตั้งระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบสักลูกน่าจะดีกว่านี้ แต่เมื่อได้ทดสอบขับก็พบว่าอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของรถทั้งสองคันอยู่ที่ 10.5 วินาทีสำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 8.1 วินาทีสำหรับเครื่อง 2.5 ลิตร ไม่ได้เชื่องช้าเลย ในทางตรงกันข้าม ทั้งสองรุ่นให้อารมณ์ขับขี่ที่สนุกมาก
การขับรถที่มีพละกำลังสูงนั้นอาจเป็นเรื่องน่าหวาดเสียวหากคุณไม่รู้วิธีควบคุมมัน เราพบบ่อยครั้งว่ารถที่สามารถออกตัวจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 7 วินาที แต่เมื่อเข้าโค้งก็จะต้องเผชิญแต่อาการโอเวอร์สตียร์และอันเดอร์สเตียร์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการมีเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังพอเหมาะให้ใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นการขับขี่ที่เร้าใจกว่า ดังเช่น Mazda6 คันนี้
ขณะขับขี่ เราต้องตระหนักด้วยว่า Mazda6 ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่ส่วนใหญ่เท้าหนักเกินมาตรฐาน แต่ได้รับการพัฒนามาเพื่อลูกค้าทั่วไปที่รักในความคล่องแคล่ว การขับขี่ที่สนุกพอตัวและความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ซึ่งเรายืนยันว่า คุณจะได้สัมผัสทุกมิติที่กล่าวมาอย่างครบถ้วนในรถคันนี้
ระบบส่งกำลัง SKYACTIV-Drive เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไร้รอยต่อ
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่พบได้ใน Mazda6 คือระบบเกียร์ SKYACTIV-Drive ที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลมาก ตอบสนองได้ตามความต้องการทุกเวลา อัตราเร่งมาอย่างทันใจด้วยแป้นเหยียบที่มีน้ำหนักพอเหมาะ เพียงแค่คุณกดคันเร่งมากหน่อย เกียร์ก็จะตอบสนองอย่างทันท่วงที
หากยังเลือกไม่ได้ว่าจะใช้เครื่องยนต์บล็อกใด (ระหว่าง 2.0 ลิตรหรือ 2.5 ลิตร) ทั้งสองรุ่นมีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน ขุมพลัง 2.5 ลิตรมีความว่องไวมากกว่า พร้อมอุปกรณ์ที่ครบครันยิ่งกว่าด้วย ทั้งซันรูฟ แป้น paddle shift, GPS, กุญแจ Keyless entry และอื่นๆ
แต่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรนั้นมอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ยิ่งกว่า เราเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเลือกรุ่นใดดี บางครั้งอาจต้องพิจารณาที่ราคา เพราะรุ่น 2.0 ลิตรและ 2.5 ลิตรมีค่าตัวแตกต่างกันถึง 30,000 ริงกิตมาเลเซีย (ราว 280,000 บาท) ที่อาจเป็นแปรสำคัญในการเลือกจับจอง
การออกแบบภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สามารถพูดได้เต็มปากว่าความโดดเด่นของ Mazda6 อยู่ที่การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและสมรรถนะการควบคุม ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีไฮไลท์เพียงไม่กี่อย่างที่สามารถพูดถึงได้
แผงควบคุมบนแดชบอร์ดดูสะอาดตาและให้ภาพลักษณ์โมเดิร์น คุณภาพการประกอบอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม สวิทช์ต่างๆใช้งานได้ถนัดมือ หน้าจอแสดงผล TFT ดูดีมีชาติตระกูล แต่มีขนาดเล็กเกินไปหน่อย เทียบกับสมาร์ทโฟนแล้วแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
รุ่น 2.5 ลิตรมาพร้อมซันรูฟ (ดูเหมือนหน้าต่างเล็กๆมากกว่า) ระบบนำทาง GPS และเครื่องเสียง BOSE Sound System พร้อมลำโพง 11 ตัวซึ่งเป็นอ็อปชั่นที่ดีเลิศทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบเข้าออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจและแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยอีกด้วย
อ็อปชั่นที่เหลือที่พบได้ในรถ Mazda6 คือสิ่งพื้นฐานที่คุณพบเห็นได้ในรถระดับนี้ อย่างกล้องมองหลัง ระบบควบคุมปรับอากาศ ครูสคอนโทรล เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน เบาะที่นั่งหุ้มหนังปรับไฟฟ้า และอื่นๆ
ความปลอดภัยและอุปกรณ์ป้องกัน
นอกจากระบบช่วยการเปลี่ยนเลนและระบบ keyless entry แล้วซึ่งมีเฉพาะในเวอร์ชั่น 2.5 ลิตร ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยใกล้เคียงกัน คือถุงลมนิรภัยหกลูก กุญแจนิรภัย ระบบเบรก ABS ระบบออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist ระบบกระจายแรงเบรก EBD และอื่นๆอีกมากมาย ถือว่าน่าประทับใจทีเดียวกับอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ทาง Mazda ใส่มาให้
ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมระบบ i-stop ที่ช่วยดับเครื่องยนต์เมื่อหยุดรถ และสตาร์ทอีกครั้งเมื่อกดคันเร่ง ช่วยเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยี i-ELOOP และ i-Stop ทำงานประสานกันอย่างอัจฉริยะ
เทคโนโลยีคืนกำลังขณะเบรกหรือ i-ELOOP ที่มีเฉพาะ Mazda6 รุ่น 2.5 ลิตรนั้นช่วยคุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก ระบบจะชาร์จกำลังคืนสู่แบตเตอรี่เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรก (ใช้เวลาราว 7-10 วินาทีในการชาร์จเต็มกำลังไฟ) และป้อนกำลังไฟที่ได้นั้นสู่ระบบอิเลกทรอนิกเมื่อคุณหยุดรถด้วยระบบ i-Stop
เทคโนโลยี i-ELOOP และ i-Stop ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ไอเดียนี้มุ่งเป้าหมายสำรองพลังงาน อาทิ เมื่อคุณหยุดรถที่สัญญาณไฟแดง รถรุ่นนี้จะเก็บสำรองพลังงานจากการเบรก ก่อนจะส่งพลังงานนั้นให้ตัวรถทำงานต่อเนื่องเพราะระบบ i-Stop ได้ดับเครื่องยนต์ลงไปแล้ว ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้ ถือเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมของ Mazda เลยทีเดียว
i-Activsense Package สำหรับรุ่น 2.5 ลิตร
หากคุณเลือกรุ่น 2.0 ลิตรก็จะไม่ได้ใช้แพ็คเกจ i-Activsense Package ที่มีเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตรเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าปรับอัตโนมัติ Adaptive Front Lighting System ระบบตรวจสอบรถคันหลัง Rear Vehicle Monitoring ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน Lane Departure Warning ระบบควบคุมไฟสูง High Beam Control และระบบช่วยเบรก Smart City Brake System.
จากระบบทั้งหมดทั้งปวงข้างต้น สิ่งที่น่าพูดถึงมากที่สุดคือ Smart City Brake System (SCBS) และ Rear Vehicle Monitoring (RVM) โดยเฉพาะระบบแรกที่เราได้ลองใช้อย่างไม่ตั้งใจขณะขับทดสอบในเมือง เมื่อมีเด็กวิ่งตัดหน้ารถ ซึ่ง SCBS ช่วยเบรกได้อย่างทันท่วงที
หากขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 20 กม./ชม. และมีวัตถุขวางด้านหน้าอย่างฉับพลัน ระบบนี้จะช่วยเบรกโดยอัตโนมัติ ต้องยกความดีความชอบกับ Mazda6 ที่ช่วยให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะที่ระบบ RVM นั้นจะช่วยตรวจจับรถที่อยู่รอบคันขณะขับขี่ โดยจะมีไฟเล็กๆคอยกระพริบเตือนเมื่อมีวัตถุอยู่ด้านข้างบริเวณมุมอับสายตา
แม้มีอุปกรณ์ครบครัน คำถามคือ “Mazda6 น่าขับมากเพียงใด”
คำตอบจากใจจริงของเราก็คือ “น่าขับมาก” เรารู้ดีว่าอุปกรณ์ต่างๆที่เราสาธยายมานั้นสามารถพบเห็นได้ในรถทั่วไป แต่ในรถรุ่นอื่นๆ เราอาจรู้สึกไม่แตกต่าง ซึ่งไม่ใช่กับ Mazda6 ที่เรารู้สึกว่าได้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นจริงๆ
Mazda มีความภาคภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์ Mazda6 ให้เป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดในเซกเมนท์นี้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี คุณอาจจะไม่ได้สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ระดับ 7 วินาที แต่สิ่งที่ได้รับคือพละกำลังที่เหมาะสมกับตัวรถและการเข้าโค้งที่เชื่องมือ
ความรู้สึกในการขับขี่เป็นปัจจัยสำคัญที่นักออกแบบคำนึงถึงอย่างมาก และผลลัพธ์ที่ได้ก็ตรงตามเป้าหมายของยักษ์ญี่ปุ่นเจ้านี้ ฟีดแบ็กของพวงมาลัยไฟฟ้าที่ได้รับนั้นดีเยี่ยม การเข้าโค้งแม่นยำ เกาะถนนเหนียวแน่น หากคุณเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินไป ตัวคุณจะหลุดออกจากเบาะก่อนที่ยางจะสูญเสียความควบคุม
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เบาะควรจะได้รับการปรับปรุงเพื่อความโอบกระชับลำตัวที่ดีกว่านี้ มันลื่นเกินไป ไม่รองรับตัวของคุณได้ดีเท่าที่ควร เรียกว่าการเกาะถนนมีประสิทธิภาพมากเกินไปที่เบาะจะรองรับได้
การตอบสนองของพละกำลังถือว่าดีเช่นกัน มีให้ใช้อย่างทันท่วงทีทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง ตัวรถทะยานไปข้างหน้าเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในรถระดับนี้
เราได้สัมผัสความสนุกในการขับขี่ตลอดเส้นทางอันคดเคี้ยวขึ้นเขาเก็นติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands) ไปจนถึงเบอร์จาย่า ฮิลส์เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะเดินทางกลับเข้าเมือง
การออกแบบภายในไม่ถือว่าโดดเด่นเท่าใดนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ดูสะอาดตา อุปกรณ์ต่างๆของรุ่น 2.0 ลิตรไม่ดีเทียบเท่ารุ่น 2.5 ลิตร แต่ก็น่าพึงพอใจ
ตัวเลขและข้อมูลทางเทคนิคต่างๆที่อัดแน่นอยู่ใน Mazda6 แสดงให้เห็นว่ารถมิดไซส์ซีดานคันนี้เป็นผู้นำในเซกเมนท์ มันดูดีกว่า ขับดีกว่าและในภาพรวมเหนือกว่ารถรุ่นอื่น ดังนั้น Toyota Camry และ Honda Accord จักต้องระวังหลังไว้ให้ดีนับจากนี้
สเปก 2013 Mazda6
ราคา: 159,440 ริงกิตหรือราว 1,513,000 ล้านบาทในรุ่น 2.0 ลิตรและ 187,659 ริงกิตหรือราว 1,781,000 บาทสำหรับรุ่น 2.5 ลิตร
เครื่องยนต์: SKYACTIV-G 2.0 ลิตรและ SKYACTIV-G 2.5 ลิตร
ระบบส่งกำลัง: SKYACTIV-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด
พละกำลังสูงสุด: 153 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตรในรุ่น 2.0 ลิตร
185 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรในรุ่น 2.5 ลิตร
อัตราบริโภคน้ำมัน: 17.5 กม./ลิตรในรุ่น 2.0 ลิตร และ 15.6 กม./ลิตรในรุ่น 2.5 ลิตร
พวงมาลัย: ผ่อนแรงไฟฟ้า Electronic Power-Assisted Steering
น้ำหนักรถ: 1393 กก.ในรุ่น 2.0 ลิตร และ 1444 กก.ในรุ่น 2.5 ลิตร
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/Mazda-6-Test-Drive-Real/
ขอขอบคุณเวบไซต์ Livelifedrive.com เอื้อเฟื้อข้อมูล
ความคิดเห็น