สวัสดีครับแฟนๆ Autospinn หลังจากที่ผมได้ทำ Test Drive ในส่วนของสี่ล้อ มาสักพักหนึ่งแล้ว ปีนี้ผมตั้งใจจะเริ่มทำในส่วน Test Ride สำหรับสองล้อบ้าง ซึ่งที่จริงก็ได้มีแผนในการทดสอบในส่วนของรถจักรยานยนต์ Honda ตระกูล 500 นี้มานานแล้ว เพราะเป็นรถที่ผมสนใจอยากจะทดลองขี่เป็นการส่วนตัวมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทดลองสักที เนื่องจากคิวรถยาวนานมาก ด้วยความที่อดใจไม่ไหว ในวันหยุดนี้ จึงขอขับรถไป Big Wing ที่เส้นเรียบทางด่วนเองเลย เพื่อทดลองขี่แบบสั้นๆ ในบริเวณลานจอดรถของ Big Wing นี้ ในฐานะผู้สนใจในรถสองล้อค่ายปีกนกนี้
เมื่อผมขับรถยนต์เข้ามาถึงลานจอดเรียบร้อย เดินเข้าไปใต้อาคาร พบเจ้าหน้าที่ ดูแลในการปล่อยรถทดสอบ กล่าวทักทายและสอบถามว่าต้องการทดสอบรุ่นใด ผมจึงตอบว่า “สนใจอยากจะขอลองทั้งสามรุ่นเลยครับ” ซึ่งทางพี่เขาก็ใจดีและยินดีให้ทดลองขี่ได้แบบเต็มที่ หลายๆรอบแต่จะต้องขี่ในลานจอดนี้เท่านั้นไม่สามารถนำออกไปวิ่งข้างนอกถนนได้ โดยจะต้องลงชื่อ เพื่อทดลองขี่เสียก่อน หลังจากที่ได้ลงชื่อเสร็จ ก็ต้องสวมหมวกที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ คันแรก CBR ว่างอยู่ผมจึงลองเจ้า CBR สีขาวก่อนเลย
เริ่มบิดกุญแจสตาร์ท H.I.S.S พร้อมกดปุ่มสตาร์ทมือ เครื่องยนต์ติดเดินนิ่งเรียบ ไม่ต้องมี Warm เครื่องเนื่องจาก รถพึ่งดับเครื่องได้ไม่นานนัก กำคลัชเตะเกียร์ 1 พร้อมออกตัว เมื่อเปิดคันเร่งไปสักเล็กน้อย พอสำผัสได้ถึงแรงบิดที่มีมาให้ตั้งแต่รอบต่ำ ประมาณ 2000rpm เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงดึง ลองลากรอบในเกียร์ 2 ไปได้ถึงประมาณ 6000rpm ก็ต้องยกคันเร่งก่อน เนื่องจากทางที่ให้ทดลองวิ่งนั้นเป็นทางสั้นๆ และต้องคอยระวังรถยนต์ที่จะเข้า-ออก ตลอดเวลา เท่าที่ได้ลองเร่งช่วงสั้นๆ ถ้าเทียบกับการขับใช้งานทั่วไป ถือว่า มีกำลังเครื่องมาให้แบบเหลือๆ เปิดคันเร่งเพียงเล็กน้อย ก็สามารถที่จะทะยานพุ่งแซงไปข้างหน้าได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่ต้องเค้นกระแทกบิดคันเร่งหมดปลอกเหมือนอย่างตัวน้องที่ความจุต่ำกว่า แต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นกระแทกบิดคันเร่งเต็มๆ แล้วหน้าถึงกับยก ยังสามารถควบคุมเอารถอยู่ได้อย่างสบาย ออกแนวแรงนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก รอบมีมาให้ใช้แต่ช่วงต้น กับกลาง ไม่ได้เป็นพวกรอบจัด (เน้นกำลังรอบสูง) ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่แรงพอตัว เอาไว้ใช้งานได้ครอบคลุม เหลือเฟือ ถ้าไม่ได้คิดจะเอาไว้เล่นลากกันในสนาม หรือไล่บี้ตามใคร มันไม่ได้ให้อารมณ์ดิบดุดัน แบบขี่แล้วรู้สึกกลัวว่ามันจะพยศ ถึงขั้นดึงคุมไม่อยู่ ซึ่งสำหรับผมแล้ว โดยส่วนตัว ค่อนข้างชอบมากทีเดียว เพราะแรงบิดมีมาตั้งแต่รอบต่ำ ขับได้แบบไม่ต้องเค้นในจังหวะเร่งแซง และควบคุมได้แบบเชื่องข้อมือ และยังช่วยในด้านอัตราสิ้นเปลืองได้ดีด้วย แต่ก็อาจดูเป็นที่น่าเสียดายสำหรับคนที่ชอบซัดซิ่งลากรอบยาวๆ เพราะรอบจะหมดไวไปหน่อย แต่ก็ตามสไตล์ ที่จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น แถมถนอมเครื่องด้วยในระยะยาว
ในด้านตำแหน่งท่านั่ง และการควบคุม เท่าที่ได้ลองขับขี่ดูพบว่า ตำแหน่งนั่งนั้นเป็นแบบสปอร์ต ที่สามารถนั่งขี่ได้สบายๆ ไม่ต้องก้มมาก รวมถึงผู้โดยสารน่าจะนั่งได้สบายอีกด้วย ถือว่าเหมาะแก่การใช้งานขับขี่ได้แบบยาวๆ สำหรับการเดินทางไกล หรือถ้าจะไปวิ่งแบบ Racing ในสนามก็อาจเพียงเปลี่ยนตำแหน่งท่านั่งเล็กน้อย ก็สามารถทำการควบคุมได้ไม่ยากมาก แต่บริเวณตัวถังน้ำมัน เมื่อได้ลองนั่งดูรู้สึกใหญ่กว่าที่คิดพอสมควร เนื่องจากการตัวผมไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้การโยกตัว เพื่อบังคับรถเลี้ยวยังไม่ค่อยชินเท่าไร อีกทั้งคันที่ทดสอบนี้ ได้ติดกันล้มด้านบนเหนือตำแหน่งเครื่องขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้คนที่ตัวสูง 174 ซม. อย่างผมตำแหน่งการวางขา ติดหัวเข่าอึดอัดพอตัว
ในส่วนของช่วงล่างและเบรกนั้น อาจจะไม่ได้ลองมากมาย เนื่องจากพื้นที่ในการทดสอบสั้น และพื้นที่ค่อนข้างเรียบในลานจอด ในส่วนช่วงล่างสัมผัสได้ว่า ออกแนวหนึบแบบนุ่มนวล ใช้งานบนทางเรียบได้ดีไม่กระด้าง และเมื่อเบรก ยาวๆ กระบอกโช้คมีระยะยุบตัวที่ค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยซึมซับแรงเบรก และตอบสนองได้อย่างหนึบนุ่มนวลเช่นกัน สำหรับระบบเบรกแบบ ABS ที่เป็นจานเดี่ยวขนาด 320มม. คาลิปเปอร์แบบสองลูกสูบ ก็หวั่นๆ ใจอยู่ว่า จะเอาอยู่ไหม กับเครื่องยนต์พิกัด เกือบๆ 500cc นี ผมพบว่า ถ้าไม่หลอกความรู้สึกตัวเองก็น่าจะเอาอยู่นะ จากที่ลองซัดทางตรงสั้นๆ และกำเบรก จน ABS เกือบทำงาน แต่ด้วยความที่ซัดมายังไม่เร็วนัก ก็ เลยอาจชี้วัดอะไรมากไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่มี ABS มันทำให้เบรก แล้วควบคุมง่ายกว่าไม่มี ABS แน่นอนล่ะ สำหรับฟีลลิ่งตอนกำก้านเบรก ถ้าลองใช้สองนิ้วแตะๆ แบบค่อยๆ เลีย ความเร็วมันดูจะไม่ค่อยลงสักเท่าไร ต้องกำลงน้ำหนักถึงจะหน่วงความเร็วลงมาได้ ราวกับว่ากำเลียๆเบรกจังหวะแรก เพื่อหน่วงความเร็วลงอย่างช้าๆ แล้วหากไม่อยู่ก็ลงน้ำหนักในจังหวะสอง เพื่อหยุด แต่ก็แล้วแต่สไตล์คนชอบคนถนัด ถ้าการขับขี่ทั่วไปใช้งานแบบไม่โหด ก็น่าจะเบรกได้ดีไม่เป็นปัญหา แต่ถ้านำไปลงสนาม หรือออกทริปบนเส้นทางโค้ง เยอะๆ ซึ่งต้องใช้เบรกเป็นอย่างมาก หากจานเบรกร้อน อาจเกิดการ Fade ขึ้นหรือไม่? อันนี้ก็ไม่ทราบแน่ เพราะความเชื่อของคนส่วนใหญ่มักจะต้องคิดว่า ต้องจานคู่ถึงจะดูดีกับประสิทธิภาพการใช้งาน
เพิ่มเติมกับตัว F ที่เป็น Naked และ X ที่เป็น Touring ซึ่งทั้งสองคันนี้ จะต่างกันที่สไตล์ท่านั่งการขับขี่ ตัว F แฮนด์บาร์ ออกจะดูกว้าง และตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำ ทำให้รู้สึกว่าการควบคุม หักเลี้ยวทำได้ค่อนข้างยากกว่าตัว R เนื่องจากต้องหักองศาแฮนด์ออกมากกว่า และเวลาหักเลี้ยวจะรู้สึกว่าหน้าจะดูไวกว่าอยู่หน่อย รวมตำแหน่งแขนดูจะแบะๆออก ซึ่งพอจินตนาการภาพได้เลยกว่าขับความเร็วสูงแล้วลมปะทะ น่าจะเหนื่อยแน่ เพราะลมต้านลำตัวและท่าทางการกางแขน เมื่อมาลองตัว X ผมขึ้นคร่อมเหยียบได้เต็มเท้าพอดี พบว่าเป็นคันที่นั่งขี่ได้สบายที่สุด ทั้งตำแหน่งตัวรถที่ดูสูงกว่าทั้งสองคันแรก และ แฮนด์บาร์ที่มีระดับพอเหมาะ กับช่วงแขนทำให้อยู่ในระนาบ ซึ่งควบคุมได้ไม่ลำบาก และเมื่อขี่ที่ความเร็วสูง ก็ยังมีชิว ด้านหน้าช่วยในการลู่ลมอีกด้วย ซึ่งบอกได้เลยว่าเหมาะกับการเดินทางเป็นที่สุด
สรุป กับการลองขับเล่นๆ สั้นๆ เป็นเวลาประมาณ 10 นาทีกับ Honda 500 ทั้ง 3 รุ่น พบว่าเป็นรถที่ดูคุ้มค่าการใช้งาน ทั้งกำลังเครื่องยนต์ ช่วงล่าง รวมถึงลักษณะการนั่ง ที่ดีไซน์ออกมาให้ใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุม ตอบสนองการใช้หลากรูปแบบ ทั้งในตัวเมืองและการเดินทาง ถ้าเป็นตัว R พับกระจกหน่อย น่าจะมุดการจราจรในตัวเมืองได้ดีที่สุด ยกเว้นจะตัดข้ามเลน อันนั้นคงลำบาก เนื่องจากตัวรถที่ยาว แต่ถ้าเป็นตัว F ก็จะแตกต่างกันในท่านั่งการขับขี่ และสไตล์ของแต่ละคนที่ชอบรถแนว Naked และกับตัวท้ายสุด X กลับเป็นรถที่นั่งสบายที่สุด ในท่านั่งและการขับขี่ ซึ่งเหมาะมากแก่การเดินทางไกล เพราะสามารถติดกระเป๋าด้านข้างได้อีก ในส่วนของราคาความคุ้มค่า ก็คงแล้วแต่คนที่จะนำไปใช้ ว่าใช้ได้คุ้มมากแค่ไหน ตอบโจทย์การใช้งานเพียงใด รวมถึงความพอใจส่วนบุคคล กับเงินที่เสียไป ราว 2 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ (พล autospinn) ผู้เขียน
ความคิดเห็น