หลังจาก 2013 Volkswagen Golf รุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวออกสู่ตลาดมาเลเซียได้ไม่นาน Volkswagen Malaysia เชิญเราไปร่วมทดสอบลองขับทริปสั้นๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์สู่ปีนัง
ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า Volkswagen Golf เป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกยานยนต์ มียอดขายมากถึง 29 ล้านคันนับตั้งแต่เปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 1974
ก่อนที่เราจะได้ลองขับ Golf Mk7 คันนี้ เราได้อ่านบททดสอบจากสื่อมวลชนในยุโรปมาแล้วมากมาย ซึ่งล้วนให้ฟีดแบ็กในแง่บวกทั้งสิ้น ยังไม่รวมถึงการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งยุโรปและรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมโลกประจำปี 2013 มาครองได้สดๆร้อนๆอีกด้วย นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราต้องการทดสอบสมรรถนะของ Golf เจนเนอเรชั่นที่เจ็ดรุ่นล่าสุดนี้อย่างมาก
แต่เราก็ต้องทำใจไว้ในระดับหนึ่ง เนื่องจาก Golf เวอร์ชั่นมาเลเซียรุ่นล่าสุดมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในยุโรปและทั่วโลก โดยเฉพาะการปราศจากระบบ Active Cylinder Technology อันล้ำสมัย สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะมาตรฐานน้ำมันในมาเลเซียยังสู้ภูมิภาคอื่นไม่ได้
อย่างไรก็ตาม VW Golf ก็ยังคงเป็น Golf ที่คนทั่วโลกนิยม รวมถึงตลาดมาเลเซียที่ขายดิบขายดีเช่นกันและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนยอดขายของรถคอมแพกต์รุ่นนี้ให้เติบโตในระดับโลก
คำถามแรก: Golf มีความเร็วมากเพียงใด
Volkswagen Malaysia เตรียม Golf Mk7 ไว้มากถึง 19 คัน เมื่อคณะพร้อมเราก็ออกเดินทางจากใจกลางเมืองหลวงของมาเลเซียเพื่อพิสูจน์ว่ารถคอมแพกต์แฮทช์แบ็กรุ่นนี้มีดีอย่างไร
นักเลงรถที่ติดตาม Golf มาหลายเจนเนอเรชั่นคงเกิดความสงสัยว่าทำไม Golf Mk7 รุ่นปัจจุบันถึงมีแรงม้าน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 20 ตัว โดยมีแรงม้าลดลงจาก 160 แรงม้าเหลือ 140 แรงม้า กรรมการบริหารของ Volkswagen Malaysia รู้ดีว่าสื่อมวลชนย่อมมีคำถามถึงตัวเลขดังกล่าวจึงออกตัวทันทีว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุป
“มันไม่ใช่เรื่องของแรงม้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูแรงบิดด้วย” Dr Zeno Kerschbaumer กรรมการบริหาร Volkswagen Malaysia บอกกับเรา โดยเขาเน้นย้ำว่า Golf รุ่นใหม่มีแรงบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไลน์ Golf และเขาพูดถูก หลังจากเราได้ลองขับมัน
Volkswagen Golf รุ่นใหม่ไม่ใช่รถที่เชื่องช้าอืดอาดแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม มันสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ภายในเวลาเพียง 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 212 กม./ชม. ตัวเลขอาจไม่หวือหวา แต่เราพูดได้อย่างมั่นใจว่ามันให้ความรู้สึกเร็วกว่าเดิมมาก สามารถทะยานไปถึง 211 กม./ชม.อย่างไม่ลำบากแม้แต่น้อย
สมรรถนะการควบคุม: เต็มที่ในแบบฉบับ Golf
Volkswagen Golf Mk7 มาพร้อมมิติตัวถังที่กว้างขึ้น ยาวขึ้น และเตี้ยลงกว่าเดิม ทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารมีเพิ่มมากขึ้นและช่วยให้ตัวรถมีความหล่อเนี๊ยบกว่ารุ่นก่อนหน้า ไม่เพียงเท่านั้น ตัวถังที่กว้างกว่ายังช่วยเพิ่มการควบคุมในโค้งได้ดีอีกด้วย
ต้องยอมรับว่า VW Golf เป็นรถที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมและใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย หากเข้าโค้งเร็วเกินไปจะพบอาการเลี้ยวไม่เข้าหรืออันเดอร์สเตียร์ แต่ผู้ขับสามารถแก้ไขอาการได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะรู้ตัวด้วยซ้ำไป รถรุ่นนี้รองรับการขับขี่แบบหนักหน่วง ถึงแม้จะถูกออกแบบให้รถแฮทช์แบ็กสำหรับครอบครัว แต่เมื่อนั่งหลังพวงมาลัยเราก็หลงลืมกลุ่มเป้าหมายของรถคันนี้ไปในทันที
สำหรับคนที่ใช้งานปกติเป็นประจำทุกวัน Golf พร้อมมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลเช่นกัน การขับผ่านเนินหลังเต่าให้ความสะดวกสบายโดยแทบไม่รู้สึกอาการกระเด้งกระดอน ช่วงล่างถูกเซ็ทอัพมาเพื่อมอบความสบายอย่างมาก ขณะเดียวกันขุมพลังก็พร้อมตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
เรียกว่าการใช้งานทั้งบนถนนต่างจังหวัดและการขับไปทำงานที่ออฟฟิศในตัวเมืองก็ทำได้อย่างง่ายดายไม่แตกต่างกัน แม้จะไม่มีฟีเจอร์สำคัญอย่าง Dynamic Chassis Control แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดายเท่าใดนัก
ความสะดวกสบาย
มิติตัวถังที่กว้างขวางขึ้น ส่งผลอย่างชัดเจนในห้องโดยสาร เพียงก้าวเข้าสู่ภายในค็อกพิทคุณก็จะลืมไปเลยว่ากำลังนั่งอยู่ในรถแฮทช์แบ็ก เพราะมีความโอ่โถงและสะดวกสบายอย่างมาก ตัวเบาะที่นั่งนุ่มนวลและทุกชิ้นส่วนให้ผิวสัมผัสที่ดีเยี่ยม
ระบบเกียร์ดับเบิลคลัตช์มีส่วนสำคัญในการเพิ่มสมรรถนะให้ตัวรถอย่างมาก แต่เราคิดว่าระบบที่ช่วยให้การขับขี่มีความยอดเยี่ยมและสะดวกสบายไม่แพ้กันคือเกียร์ DSG ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายดายยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เกียร์ DSG ปรับเปลี่ยนอย่างนุ่มนวลไหลลื่น ไม่เฉพาะการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่งเท่านั้น แต่ยังตอบสนองได้รวดเร็วในสนามแข่งเช่นกัน (ผู้ขับขี่สามารถกดแป้น paddle shift เพื่อเปลี่ยนโหมดเป็นระบบเกียร์ธรรมดาได้)
ความประหยัด: ระบบสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ ระบบคืนกำลังขณะเบรกและอัตราบริโภคน้ำมันที่ต่ำมาก
ถือเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ในรถระดับพรีเมียมเลยทีเดียว สำหรับระบบสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ Golf มีอัตราความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ระบบคืนกำลังขณะเบรกก็ช่วยเก็บรักษาพลังงานไว้ในแบตเตอรี่เพื่อช่วยให้ตัวรถทำงานขณะหยุดนิ่ง
ตัวเลขอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยที่เราคำนวณได้คือ 20 กม./ลิตร ปล่อยไอเสียที่ 116 กรัม/กม. แต่ตัวเลขบนหน้าปัดที่โชว์ให้เราเห็นขณะขับขี่ที่ความเร็วคงที่ 130 กม./ชม.อยู่ระหว่าง 25 – 33 กม./ลิตรเลยทีเดียว เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่ง
สรุป: น่าจับจองหรือไม่?
Volkswagen Golf Mk7 เป็นรถที่มีความสมบูรณ์พร้อม เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานและความสะดวกสบายที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ด้วยราคาจำหน่ายเคาะที่ 157,888 ริงกิตมาเลเซียหรือราว 1.49 ล้านบาท Golf แทบจะไม่มีคู่แข่งในรถระดับเดียวกันเลย
Golf Mk7 เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย อย่าให้ตัวเลขแรงม้าและแรงบิดมาบดบังบุคลิกที่แท้จริงของตัวรถ Dr Zeno เน้นย้ำหลายครั้งว่าขอให้ทดลองขับรถคันนี้ก่อนเพื่อสัมผัสถึงสมรรถนะและเข้าใจในความสมบูรณ์แบบของมันอย่างแท้จริง
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า 2013 Volkswagen Golf 1.4 TSI พร้อมเทคโนโลยี BLUEMOTION เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของรถระดับคอมแพกต์เลยทีเดียว มันพร้อมตอบสนองความเร้าใจในสนามแข่ง ขณะเดียวกันยังรองรับการใช้งานร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงความปลอดภัยเต็มพิกัด
ขอขอบคุณเวบไซต์ LiveLifeDrive เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพประกอบ
ภาพเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ http://photos.autospinn.com/Volkswagen-Golf-Test-Drive/
ความคิดเห็น