VDO ทดสอบรถ Hyundai Elantra 1.8 GLS ที่มาพร้อมรูปโฉมที่บาดตา ส่วนสมรรถนะนั้นจะร้อนแรงเหมือนดีไซน์หรือไม่ ไปดูกันเลย Share this

VDO ทดสอบรถ Hyundai Elantra 1.8 GLS ที่มาพร้อมรูปโฉมที่บาดตา ส่วนสมรรถนะนั้นจะร้อนแรงเหมือนดีไซน์หรือไม่ ไปดูกันเลย

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 01 April 2556

ฮุนได ถือเป็นอีกเป็นอีกหนึ่งค่ายรถยนต์จากแดนเกาหลีที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรามาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ยุคแรกซึ่งมีโปรดักซ์อยู่มากมายหลายรุ่นที่ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนมาถึงในช่วงยุคที่ 2 ของฮุนไดที่กลับมาพร้อมกับแผนการตลาดที่แน่นปึก รวมถึงการปฎิวัติการออกแบบที่ทำให้รถยนต์ฮุนไดเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกเหมือนมากขึ้นรวมถึงบ้านเราด้วย ซึ่งตรงนี้สามารถพิสูจน์ได้จาก All New Hyundai Elantra คันนนี้..ที่ดูหล่อกว่าโมเดลก่อนอย่างชัดเจน ส่วนในเรื่องของสมรรถนะนั้นเดี๋ยวต้องไปพิสูจน์กัน

Elantra History

สำหรับ Hyundai Elantra หรืออีกชื่อนึงคือ Avante ในโมเดลแรกนั้นได้เริ่มผลิตและเปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1990 ในรหัสตัวถัง J1ก่อนจะมีการ Facelifted อีกครั้งในปี 1992 เพื่อเปลี่ยนโฉมสำหรับตลาดยุโรปตามด้วยการขยายตลาดสู่โซนอเมริกาในปี 1994 ด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไม่มากนักและทำตลาดจนถึงปี 1995 ก่อนจะปลดระวาง พร้อมเปิดตัวโมเดลที่ 2 ในปี 1996 โดยใช้รหัสตัวถัง J2 และ RD ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โค้งมนมากขึ้นและมีให้เลือกทั้งแบบ 4 ประตูและแบบ Station wagon และตามด้วยโมเดลที่ 3 ที่ได้ฤกษ์เปิดตัวในปี 2000 ในโปรเจ็คโค็ด XD ซึ่งเน้นส่งออกสู่ตลาดยุโรปเป็นหลัก จึงทำให้ Elantra ห่างหายไปจากบ้านเราตั้งแต่รุ่นนี้จนถึงปี 2006 ที่ Elantra ในโมเดลที่ 4 รหัว HD ได้เปิดตัวพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น และทำตลาดต่อมาจนถึงปี 2010

All New Hyundai Elantra คันนี้นับเป็นโมเดลที่ 5 ในตระกูลของ Elantra ในรหัส MD และ UD ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2010 ที่งาน Busan International Motor Show กลุ่ม C-Segment โดยมีให้เลือกตั้งแต่แบบ 2 ปรุตู Coupe , 4 ประตู Sedan , 5 ประตู แฮทซ์แบคท์ และ Station wagon ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่เมืองไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในรุ่น 4 ประตู ขุมพลัง 1.8 ลิตร ซึ่งทางฮุนไดได้วางไว้ให้เป็นคู่แข่งกับ Toyota Altis , Honda Civic และ Mitsubishi Lancer โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น คือรุ่น E ในราคาเริ่มต้นที่ 8.99 แสนบาท ตามด้วยรุ่น S ที่ขยับค่าดีดขึ้นไปที่ี 1.088 ล้านบาท และปิดท้ายด้วยรุ่น G ตัวท็อปในราคาค่าตัว 1.198 ล้านบาท ซึ่งเป็นรุ่นที่เราได้นำมาทดสอบในวันนี้

Design & Interior

สำหรับ Elantra แล้วการสร้างความตื่นเต้นที่สัมผัสได้จากงานดีไซน์ที่โดดเด่น สะดุดตานั้นดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับยานยนต์จากค่าย Hyundai เพราะไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนจะใหม่หรือเก่า ถ้าขึ้นชื่อว่า Model Change แล้ว Hyundai ไม่เคยทิ้งเค้าโครงเดิมไว้ให้เห็นในทุกๆโมเดล ที่จะมาพร้อมกับความโดดเด่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโมเดลล่าสุดของ Elantra รหัส MD คันนี้ ที่มีการพัฒนาเส้นสายของตัวถังแบบก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด ในทุกสัดส่วนที่เราสัมผัสได้ด้วยตาซึ่งสะท้อนถีงความทันสมัย ความเร่าร้อนและพริ้วไหวจะต้องสะดุด ด้วยลายเส้นทุกเส้นที่กรีดลงบนตัวถังตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าตลอดจนแนวด้านข้างตัวถังไปจนถึงบั้นท้าย ที่ดูสวยงามภายใต้คอนเซ็ป "Wind Crafted" Design ที่ออกแบบตามมีรูปทรงของ "ทรายที่กำลังโดนลมพัด" ซึ่งสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างลงตัวล บนตัวถังที่ยาวกว่า 4 เมตรครึ่ง กว้าง 1.775 เมตร พร้อมความยาวฐานล้อที่ยืดออกถึง 2.7 เมตร เพื่อความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่กว้างกว่าคู่แข่งในกลุ่ม C-Segement ด้วยกันเอง ประกอบกับแนวหลังคาที่ลาดต่ำในสไตล์รถ 4 ประตูคูเป้ ที่ดู Sexy เย้ายวนกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกันอย่างชัดเจน

ตั้งแต่ไฟหน้าที่มีระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้พร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยบบนรูปทรงเรียวยาวคล้ายเปลวไฟ รับกับเส้นของฝากระโปรงหน้าและแนวกันชนหน้าและกระจังหน้ารูป 6 เหลี่ยมพร้อมไฟตัดหมอกดีไซน์โค้งเว้าดูพริ้วไหวและลงตัว เสียอย่างเดียวที่ไฟหน้าไม่ใช่ HID ไม่งั้นหล่อครบสูตร ด้านข้างนอกจากลายเส้นที่ลากยาวต่อเนื่องให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับล้ออัลลอยลายสปอร์ตแบบ Race Edition ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางซิ่งแก้มเตี้ยจาก Dunlop ไซด์ 215/45R17 ช่วยเพิ่มความหล่อแบบจัดเต็มตั้งแต่โชว์รูม ที่มีให้ทั้งในรุ่น G ตัวท็อปและรุ่น S นอกจากนี้ที่ด้านข้างยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยมือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถสไตล์สปอร์ตพร้อมฟังชั่น Smart Entry ที่ทำงานร่วมกับกุญแจอัจฉริยะ และกระจกมองข้างรูปทรงลู่ลมพร้อมไฟเลี้ยว LED แบบลายเส้นที่ปรับด้วยไฟฟ้าแต่พับด้วยมือ ในส่วนบั้นท้ายของ Elantra ที่มาพร้อมกับไฟท้ายขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบสอดรับกับภาพลักษณ์โดยรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเซ็นเซอร์กะระยะถอยหลังแบบ 4 จุดมาให้โดยไม่มีกล้องส่องภาพด้านหลังเหมือนกับคู่แข่งอย่าง Civic 1.8 ตัวท็อป

ภายในห้องห้องโดยสารของ Elantra ใหม่ ให้ความรู้สึกสปอร์ตได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ที่เปิดขึ้นไปนั่ง บนเบาะนั่งฝั่งคนขับแบบปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทางที่หุ้มด้วยผ้าลายสปอร์ตสีดำพร้องลวดลายสีฟ้า ซึ่งเป็นโทนเดียวกับห้องโดยสารที่ใช้วัสดุสีดำสลับกับสีเทาเมทัลลิก พร้อมโดดเด่นด้วยแสงไฟสีฟ้าจากคอนโซลหน้า บนเส้นสายและการจัดวางฟังชั่นต่างๆที่ดูมีสเน่เย้ายวนดูลื่นไหลสไตล์ Sexy ในแบบ Y-Shape ที่ให้ความสะดวกสบายได้ค่อนข้างดีงด้วยช่องวางขาที่กว้างกว่ารถในคลาสเดียวกันทำให้นั่งนานๆได้โดยไม่แบบไม่เมื่อยล้า เช่นเดียวกับเบาะนั่งคนขับที่โอบกระชับและจัดวางตำแหน่งได้ดีให้มุมมองที่ชัดเจนที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังที่เน้นรูปทรงสปอร์ตทำให้มีกระจกหลังที่ค่อนข้างเล็กให้มุมมองแบบเดียวกับรถสปอร์ตที่ดูไม่ถนัดนัก

นอกจากความกว้างขวางของห้องโดยสารที่ได้ที่ทำให้ Elantra เปรียบคู่แข่งตรงจุดนี้แล้ว ในส่วนของออฟชั่นต่างๆนั้น Elantra ก็มีมาให้เกือบ Full Option ตั้งแต่พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Multi-Function ที่มีฟังชั่นเกือบครบทั้ง ปุ่มปรับเครื่องเสียงทั้ง 2 ฝั่ง ปุ่มรับโทรศัพท์ที่ก้านฝั่งซ้ายและปุ่มรีเซทข้อมูลการเดินทางทางด้านขวา ขาดไปอย่างนึงคือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control System พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ฝั่งขวา ส่วนแผงหน้าปัดแบบเรืองแสงนั้นนอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้วในส่วนของฟังชั่นต่างๆถือว่ายังไม่ Full นัก มีเพียงแค่จอ On-Board ที่บอกข้อมูลทั่วไปอย่าง ข้อมูลระยะทาง , อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยพร้อมวัดรอบและมาตรวัดความเร็วทรงกลม 2 วงเท่านั้น ส่วนทางด้านของเครื่องเสียงนั้น Elantra จัดแบบวิทยุ CD MP3 แบบ Built-in พร้อมลำโพง 6 ตัว พร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB แบบสายแยกที่ใช้กับเครื่องเล่น iPod ได้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาอาจดูน้อยไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับค่าตัวหลักล้าน ซึ่งฮุนไดเองยังขาดของชำร่วยที่ลูกค้าชาวไทยให้ความสำคัญอย่างมากอยู่หลายรายการ อย่าง เช่น แอร์แบบออโต้จะแยกซ้าย/ขวาหรือไม่ก็ไม่เป็นไรขอให้ออโต้ไว้ก่อนได้ใจคนไทยแน่ รวมถึงระบบนำทางแบบ Navigator System ซึ่งถือเป็นของแถมหลักๆสำหรับรถระดับนี้ นี่ยังไม่รวมกระจกมองข้างที่ต้องพับไฟฟ้าหรือว่าอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth ที่บางคนมีไว้ประดับบารมีแต่ไม่เคยใช้ด้วยซ้ำ ยังดีที่ Elantra มีดีไซน์ที่สวยบาดตาจนกลบตัวเลือกต่างๆซะจนมิดจนไม่สามารถทำให้แฟนๆฮุนไดเปลี่ยนใจจาก Elantra ได้

Engine & Performance

ทางด้านของขุมพลังของ Elantra ใหม่ ในตลาดโลกจะมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ร่วมอยู่ด้วยอีก 2 บล็อกคือแบบ MPI และแบบ GDI ซึ่งต่างกันตรงที่ระบบฉีดจ่ายน้ำมันแบบฉีดเป็นฝอยกับฉีดตรง ซึ่งทำให้มีพละกำลังต่างกันคือ 128 กับ 138 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์อีกหนึ่งตัวที่ใต้ฝากระโปรง Elantra ใหม่คันนี้ นั้นจะเป็นเครื่องเบนซินบล็อกอะลูมินัมอัลลอยแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,797 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย D-CVVT และท่อร่วมไอดีแบบแปรผัน VIS ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า ซึ่งถือว่ามากกว่าคู่แข่งในหลายๆค่ายที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใกล้เคียง พร้อมด้วยแรงบิดที่สูงถึง 178 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที

ซึ่งจากการที่ได้วิ่งทดสอบแบบยาวๆบนเส้นทางกรุงเทพฯ - นครปฐม จะสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่กดผ่านแป้นเหยียบอะลูมิเนียมสไตล์สปอร์ตผ่านลิ้นเร่งแบบไฟฟ้าที่มีระบบ ETC เป็นตัวควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อให้เปิด/ปิดทางเดินไอดีได้อย่างเหมาะสม ซึ่งให้การตอบสนองที่เร้าใจตั้งแต่จังหวะแรกที่แตะคันเร่งซึ่งค่อนข้างเบาและทำให้มันพร้อมจะกระโจนไปข้างหน้าด้วยพละกำลังทั้งหมดทีี่ถูกส่งผ่านเกียร์แบบ 6 สปีด ซึ่งมีน้ำหนักเบาลง 5 กก. พร้อมโหมดสปอร์ตเอาไว้ให้เปลี่ยนเกียร์ตามความต้องการเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ในแบบเกียร์ธรรมดา และสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ด้วยเวลา 9.7 วินาที ก่อนจะไต่ความเร็วขึ้นไปอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุดจนถึงความเร็วสูงสุดที่ระดับ 205 กม./ชม.

ส่วนทางด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น Elantra ใช้รอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงมากนักในแต่ละย่านความเร็ว เช่น ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุดนั้นเช็มวัดรอบจะอยู่ที่ 2,000 รอบ/นาที ก่อนจะขยับขึ้นมาถึง 2,500 รอบ ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ซึ่งในการขับขี่ในเมืองนั้น Elantra มีอัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 10.7 กม./ลิตร ที่ความเร็วเฉลี่ย 45 กม./ชม. ส่วนในช่วงที่ขับยาวๆแบบรอบคงที่ด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 110 กม./ชม. Elantra สามารถทำตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเป็น 14.1 กม./ลิตร เฉลี่ยยรวม 12.4 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าคบหาเลยทีเดียวสำหรับรถที่ให้อัตราเร่งในแบบสปอร์ตได้ดีในระดับหนึ่งอย่าง Elantra ใหม่คันนี้

Handling & Ride & Break

มาต่อกันที่ระบบกันสะเทือนที่ Hyundai ยังคงเลือกใช้แบบทอร์ชั่นที่ด้านหลังที่มีการเพิ่มขนาดของบูชให้ใหญ่ขึ้นอีก 6 มม.เพื่อสมรรถนะในการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น ใกล้เคียงกับแบบอิสระของเจ้าอื่นๆ ส่วนที่ด้านหน้ายังเป็นสููตรสำเร็จแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ซึ่งปรับปรุงเพิ่มในส่วนของจุดยึดเบ้าโช็คแบบ 3 จุด พร้อมปรับโครงสร้างจุดยึดช่วงล่างใหม่แบบ 6 จุดที่ให้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ Elantra มีบุคลิกในการขับขี่ที่เร้าใจในแบบสปอร์ตที่รู้สึกได้ถึงอาการกระด้างเล็กน้อยและยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลอย่างมีเสถียรภาพได้อย่างชัดเจน

พร้อมการบังคับควบคุมผ่านพวงมาลัยแบบไฟฟ้า (MDPS) ซึ่งแปรผันน้ำหนักได้เบามือขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและให้ความคล่องตัวที่เกินคาดด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.3 เมตร พร้อมการปรับค่าความหนืดเพิ่มขึ้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้น้ำหนักหน่วงกำลังพอดีไม่วอกแวกขณะที่ขับด้วยความเร็วเกินกว่า 140 กม./ชม. พร้อมจังหวะการหักเลี้ยวที่คมและแม่นยำในสไตล์รถสปอร์ต ซึ่งท้าเข้าแรงๆจะมีอาจการ Under-Steer หรือหน้าดื้อเล็กน้อยพอให้ระบบ ESP ได้ทำงานบ้างแบบรู้สึกได้

สุดท้ายคือไฮไลท์อีกอย่างซึ่งคนไทยให้ความสำคัญน้อยมาก แต่ Elantra เค้าจัดเต็มมาให้เหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกันอย่างชัดเจน นั่นคือออฟชั่นในเรื่องของความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ที่เข้าแถวหน้ากระดานคอยช่วยคุณยามฉุกเฉิน ตั้งแต่ โครงสร้างตัวถังที่ทำจากเหล็กพิเศษ พร้อมถุงลมนิรภัยที่คู่หน้า ตามด้วยระบบเบรกแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS และ PBA หรือระบบเสริมแรงเบรกที่ค่ายอื่นเรียกว่า BA และยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP พร้อมด้วยระบบจัดการเสถียรภาพโดยหรือ VSM มาให้ เท่านั้นยังไม่พอ Elantra ยังมีระบบ HAC แบบเดียวกับที่มีใน SUV ซึ่งช่วยไม่ให้รถไหลตอนขับขึ้นทางชันมาให้อีกด้วย

Tester Verdict

สรุปแล้ว Hyundai Elantra ใหม่คันนี้ ถ้าเทียบกับคู่ชกที่ยังสดพอๆกันอย่าง Honda Civic 1.8 แล้ว Elantra ดูจะมีราคาที่โดดหนีไปห่างอยู่พอสมควร หรือถ้าจะเทียบกับ Civic รุ่น 2.0 ลิตร ที่มีราคาใกล้เคียงกัน Elantra ก็ยังตกเป็นลองในด้านออฟชั่นที่สัมผัสได้ของคู่แข่งมีให้มากกว่า แถมยังเสียเปรียบอีกนิดหน่อยในด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เล็กกว่า แต่สิ่งที่ Elantra ได้เปรียบชัดเจนที่สุดนั้นคือความโดดเด่นของดีไซน์ที่ช่วยเรียกคะแนนกลับมาได้หลายแต้มอยู่ บวกกับสมรรถนะในการขับขี่ที่สปอร์ตและสนุกสนานเร้าใจกว่า ตลอดจนระบบความปลอดภัยที่จัดอยู่ในระดับเดียวกับรถหรูระดับ Luxury ที่ผู้ซื้อรถควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วเมื่อเทียบกับค่าตัวหลักล้านของ Elantra ใหม่คันนี้

Specification : Hyundai Elantra 1.8 GLS

รายละเอียดการผลิต

รุ่นปี: 2012

ประเทศผู้ผลิต: Korea

ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

ประเภทรถยนต์: Compact Sedan

ราคา (ล้านบาท) 1.198

Dimension: (มม.) Elantra Civic/FB

Length: 4,530

Width: 1,775

Height: 1,445 Wheelbase: 2,700 Front/Rear track: 1,551/1,564

Weight 1,230

Engine

รุ่น NU Engine 1.8 MPI D-CVT

แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 4 สูบ แถวเรียง SOHC

16 วาล์ว D-CVT และ VIS

ความจุ (ซีซี) 1,797

อัตราส่วนกำลังอัด 10.3 :1

ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก (มม.) 81x87.2

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง MPI

กำลังสูงสุด(ps.@rpm.) 150@6,500

แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 178@4,700

เชื้อเพลิง เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 48.5

Drivertrain

ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า

เกียร์อัตโนมัติ 6 Speed Step-Gate พร้อมโหมดสปอร์ต

คลัทซ์ Torque Convertor

Steering

แบบ แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า

(Motor Driven Power Steering System)

วงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 5.42

Suspension

หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสปริงตรัท

หลัง ทอร์ชั่นบีม CTBA (Couple Torsion Beam Axle)Break

หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน

หลัง ดิสก์เบรก

พร้อมระบบ ABS/PAB/ESP/VSM/HAC ABS/EBD

Wheel+Tire

ล้ออัลลอย 17 ยาง Dunlop 215/45R17

Test Result : Hyundai Elantra 1.8 GLS

รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ 6

km./h rpm. 60 1,400

80 1,600 90 1,800 100 2,000 120 2,500 140 3,100

รอบเครื่องยนต์สูงสุด (Stop) 6,500

Acceleration (km./h) sec. 0-60 3.9 0-80 6.1 0-100 9.7 0-120 14.3 0-140 20.2 0-160 28.9

Quarter Mile 0-402 m. 16.4 Top Speed 205

Consumption (km./l.)

City 10.7 HWY 14.1 AVR. 12.4

ขอบคุณ

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

เรื่องโดย : อาณัติ สุทธิบุตร


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ