ขี่ทดสอบมอเตอร์ไซค์คัสตอมสุดหรู Victory รอบสนาม Motorsport land Share this

ขี่ทดสอบมอเตอร์ไซค์คัสตอมสุดหรู Victory รอบสนาม Motorsport land

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 29 April 2556

เมื่อพูดถึงมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมไบค์ หรือที่แนวคนบ้านๆ เรียกกันว่าชอปเปอร์ คนส่วนใหญ่หลากหลายคนคง จะนึกถึงรถเสียงดังๆ หนวกหูๆ วิ่งมาทียังกับพวกเรือหางยาว และแบรนด์ที่เป็นสุดยอดที่นิยม และเป็นแบรนด์ในฝันของผู้ชื่นชอบรถสไตล์นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น Harley-Davidson แต่ล่าสุดนี้ เมื่อประมาณ สองสามเดือนที่แล้ว งาน Bangkok Motorbike Festival 2013 ซึ่งจัดขึ้นที่ Central World ทางผู้จัดงานสองพี่น้อง คุณเปิ้ล และคุณลี่ (คุณณัฐบูร และ คุณณัฐพล ไตรณัฐี) ได้ทำการนำรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ใหม่นำเข้าจาก อเมริกา มาทำตลาดบ้านเรา นั่น คือ แบรนด์ Victory Motorbike ซึ่งได้ทำการเปิดตัวสุดอลังการ โดยนำรถรุ่นพิเศษ Signature ชื่อ Vision Tour Arlen Ness ราคาเฉียด 2 ล้านบาท มาให้คุณกระแต ได้โชว์ล้างรถสุดเซ็กซี่กันไปเรียบร้อย ถือเป็นการเปิดตัวแบรนด์ได้อย่างอลังการ และทำให้ผู้คนสามารถจดจำแบรนด์ใหม่อย่าง Victory ได้เป็นอย่างดี

สำหรับในวันนี้ 23/4/56 วันเลขสวย วันหนึ่ง ในชีวิตของผม (เพราะมันเป็นวันเกิดของผมเองด้วย) ต้องขอขอบคุณทาง Victory Motorbike เป็นอย่างมากที่ได้เชิญ Autospinn เราให้เข้าไปร่วมทดสอบขับขี่ Test Ride แบบ 1st Impression เจ้า Victory Motorbike นี้กันแบบเต็มอิ่ม ถึง 5 รุ่นด้วยกัน ซึ่งทั้ง 5 คันที่นำมาให้ทางสื่อมวลชนได้ทดสอบ ได้แก่

• Judge ซึ่งจัดเป็น Cruiser ตัวเล็กของงาน

• High Ball เป็น Cruiser เช่นเดียวกันแต่ลักษณะแฮนด์จะเป็นแฮนด์โหนสูง

• Cross Country Zach Ness เป็นตระกูล Bagger เป็นรุ่นพิเศษ Signature

• Cross Country Tour Cory Ness เป็น Touring รุ่นพิเศษ Signature

• Vision Tour Arlen Ness เป็น Touring รุ่นพิเศษ Signature เช่นเดียวกัน

เริ่มทดสอบที่คันแรกกันก่อน กับ Cruiser ตัวเล็ก อย่าง Judge ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจาก American Muscle Car ยุค 60” โดยเฉพาะล้อแม็ก 5 ก้านขอบ 16” ดู look Classic มาก คันทีได้ทดสอบนี้เป็นสีส้ม Suede Nuclear Sunset ซึ่งมีความสวยงามเมื่อหาก โดนแสงแดดสีจะออกสว่าง แต่ถ้าหากอยู่ในที่มืดหรือแสงน้อย จะออกเป็นสีน้ำตาลทองๆ ให้ความงดงามไปอีกแบบ หลังจากขึ้นคร่อมรถ น้ำหนักตัว 300 กก. ซึ่งตัวผมเองน้ำหนักเพียง 58 กก. รู้สึกว่ายังพอไหวนะ ตัวรถไม่ถึงกับหนักมาก เริ่มบิดกุญแจซึ่งอยู่ด้านข้างซ้ายของตัวรถตามสไตล์ American Cruiser ไปที่ on แล้วจึงกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ด้วยความที่รถคันนี้ท่อไอเสียเป็นชุดเดิมจากโรงงานไม่ได้มีการเปลี่ยนระบบไอเสียใดๆ เสียงจึงค่อนข้างแน่นเรียบๆ ไม่แผดดังนัก กำคลัชตบเกียร์ 1 เดินเครื่อง พบว่าเครื่องนั้นเดินได้ค่อนข้างนิ่งราบเรียบกว่าที่คิด เครื่องยนต์เป็นแบบ V-Twin 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุมหาศาลขนาด 106 คิวบิค-นิ้ว หรือ 1,731cc แทบจะเท่ากับความจุรถยนต์ของผมเลยก็ว่าได้ กำลังเครื่องมีมาให้ชื้แบบเหลือเฟือ เพราะแรงบิดตามเคลมมากถึง 110 ปอนด์-ฟุต หรือราว 149 Nm เลยทีเดียว ลองลากเกียร์ 2 ที่เส้นทางตรง ยาว ภายในสนาม ก่อนสับขึ้น เกียร์ 3 ซึ่งทำความเร็วได้ราว 75 กม./ชม. รู้สึกซึมซับอรรถรส แห่งการขี่ Sport Cruiser คันนี้อย่างมาก ลากเกียร์ไปเพียง 3000rpm ก็รู้สึกถึงแรง G ที่มาอย่างมหาศาล แล้ว ด้านการเข้าเกียร์สามารถทำได้นุ่มนวลกว่าที่คิด กับเกียร์ แบบ 6 Speed Helical Cut ที่ได้ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลตอบสนองได้อย่างเร็วราบรื่น และทีสำคัญ การเข้าเกียร์นิ่ม ไม่ยากลำบาก แต่ในจังหวะ Change ลงเกียร์ 2 เพื่อลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง แรงฉุดจาก Engine Brake หนัก พอสมควร เล่นเอาคุมรถยากไปหน่อย สำหรับการขับขี่เข้าโค้งกับรถสไตล์นี้ซึ่งต้องใช้ ช่วงแขนเอนลำตัวเข้าช่วยมากกว่าการใช้สะโพก อย่างในการขับขี่รถสไตล์สปอร์ต ด้วยความที่สองรอบแล้ว ยังไม่ชินรถ และสนามจับหลักยังไม่ค่อยถูก ต้องเรียกว่าลากเกียร์ 2 กันทั้งสนามเอาเลย และด้วยแฮนด์ของเจ้า Judge คันนี้ เป็นแฮนด์กางยื่นยาวมาก ทรงกางแบบ Fatbar แต่มีความยาวมากกว่า ทำให้การบังคับเลี้ยวนั้นค่อนข้างลำบาก พอสมควรกับสนามที่มีโค้งกระชั้นชิด ถี่มากอย่าง Motorsport Land แต่เมื่อเข้ารอบสามเริ่มจับหลักได้ในการเข้าโค้งเริ่มดีขึ้น แต่เมื่อแบนโค้งมากไปนิด ประมาณ 45 องศาขึ้นไป พักเท้าจะขูดถูกพื้นเสียแล้ว จึงเอาไว้เทได้แบบพองาม ไม่ต้องแบนกันมากนัก

สำหรับคันต่อมาที่ได้ลองขับต่อเป็นรุ่น Highball ลักษณะ Hand โหนทรงสูง แบบ Ape Hanger หรือที่พวกผมชอบเรียกว่า Hand Monkey ดูมาดนักเลงสไตล์ Bobber หยิ่งโว้ย! แต่คนขับดูเท่ห์ ! เบาะนั่งได้คนเดียวด้วยสิ ไม่มีที่สำหรับคนซ้อนให้ ล้อเป็นแบบซี่ลวด ตัวถังนั้นสีดำด้าน Suede Black น้ำหนักเท่าๆ กันกับ Judge ที่ 300 กก. หลังจากสตาร์ทเครื่องเสียงท่อสูตร ที่มีการปรับเปลี่ยนมา ทำให้ได้อรรถรสในการขับขี่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อสักครู่มาก จังหวะลาก ทางตรงยาว ก่อนผ่อนคันเร่ง เพื่อเข้าโค้ง เสียง Back Fire ดังออกเป็น ลูกๆ โพละๆ ฟังดูโหดเหี้ยม ดีจริงๆ การขับขี่ โดยรวมดูไม่ต่างกันมากกับ Judge แต่เนื่องจากเสียงท่อ นั้นทำให้เรารู้สึกถึงแรงฉุดกระชาก ที่ดุดันมากขึ้น ตามสไตล์ รถ American เลย แต่เนื่องจาก Hand แบบ Ape Hanger ด้วยความที่ไม่เคยขี่มาก่อน มันก็บังคับยากเอาเรื่องมากขึ้น หักวงเลี้ยวมากไป ก็ไม่ได้ การเข้าโค้ง จะใช้แขนโหนควบคุมก็ไม่ถนัด ซึ่งที่จริง Hand bar ตัวนี้สมารถปรับล๊อคลงมาได้อีก 1 ระดับสำหรับผู้ที่แขนสั้น แต่จะต้องขันบล๊อกหกเหลี่ยมออกก่อน ทางผมจึงไม่ได้ขันปรับระดับ ซึ่งคาดว่าถ้าปรับลงมาอีก 1 ระดับ การขับขี่ควบคุมจะง่ายขึ้น แต่อย่างว่า ความเท่ห์ก็ย่อมลดลง

และมาที่คันสุดท้ายที่ผมได้ลองขี่ กับ Vision Tour Arlen Ness เป็น Touring รุ่นพิเศษ Signature และเป็นคันเดียวกับที่คุณกระแต ได้มาล้างโชว์ในงานเปิด Bangkok Motorbike Festival ด้วย คันนี้ถือเป็น รถผลงาน World Class เป็น Limited Edition มีเพลทโลหะ แปะบอกตัวเลขเอาไว้ให้ด้วย สร้างคุณค่าให้แก่ผู้ซื้อ ว่าคันนี้ได้รับการตกแต่งจาก Arlen Ness ผู้มีชื่อเสียงในวงการ Biker เมื่อได้มองจากภายนอก นี่ล่ะใช่เลย สุดยอดแห่งรถ Touring ขนานแท้ บริเวณแฟริ่งด้านหน้าตัวรถ ป้องกันลมปะทะ ไปถึงลำตัวตลอด จนช่วงแฮนด์ กระจกมองข้างสุดแสนใหญ่ ยิ่งกว่ารถยนต์หลายรุ่นเสียอีก มองได้ชัดเจน และการนั่งสุดแสนจะสบาย รวมถึงอรรถรสในการขับขี่ ที่เปี่ยมไปด้วยเครื่องเสียงเกรดพรีเมียมจาก Kicker การตกแต่งสุดพิเศษ อื่นๆ ทั้ง ล้อแม็ก 5 ก้านแบบรถ American Hot Rod เครื่องยนต์ได้รับการตกแต่งพิเศษครีบเสื้อสูบและหัวสูบลาย Diamond Cut เสริมความเงาโดดเด่นยังกับเพชร แต่การปรับจูนได้ปรับลดระดับแรงบิดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 108 ปอนด์-ฟุต สำหรับน้ำหนักรถนั้นตัวปาเข้าไป เกือบ 400 กก. อยู่ที่ 395 กก.

เมื่อได้ก้าวขึ้นรถ เรียบร้อยสตาร์ท พร้อมออกตัว ตัวรถมีขนาดที่หนัก และน้ำหนัก ทางด้านหน้าบริเวณหัวของตัวรถ สูง ประกอบด้วยตัวผมที่ขนาดตัวนั้นค่อนข้างเล็ก ต้องระวังเป็นพิเศษ ในจังหวะหักหัวเลี้ยว เพราะคุมการถ่ายน้ำหนักไม่ดี อาจเทกระจาด ล้มเอาได้ แต่ ก็ไม่เป็นเรื่องยากเกินไปกว่า ที่จะขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลนัก เราพบว่า เจ้า Vision คันนี้ เป็นรถที่เครื่องยนต์เดิน Smooth ราบเรียบที่สุด เสียงท่อไอเสียเงียบกริป ตาม Stock โรงงาน นั่งสบาย ทั้งคนขี่และคนซ้อน ถ้าขับขี่เดินทางไกล แต่กับการขับในสนาม Motorsport land นี้ ถือว่าเมื่อยมากๆ เพราะ โค้งเยอะ และต้องเกร็งน้ำหนักที่แขนในการคุมหัวรถที่โต ใหญ่ เอาเป็นว่าคงจะไม่มีใครซื้อรถสไตล์นี้ มาขับขี่เล่นโค้งกันนักหรอก

โดยรวม กับความประทับใจในการขับขี่มอเตอร์ไซค์คัสตอมหรูสุดแพงครั้งนี้ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดผมที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด ขับขี่ได้สนุกสนาน จริงๆ แม้เป็นสนามเล็กๆ ที่โค้งคดเคี้ยว สั้นๆ แม้การขี่ในรุ่นเล็กๆ อย่าง Cruiser ก็ถือว่าขับไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด ดูจะง่ายกว่ารถพวก Super Sport ด้วยซ้ำไป เครื่องยนต์ V Twin ที่มีแรงฉุดกระชาก มาให้เต็มเปี่ยม เมื่อคุณเปิดคันเร่งออกหมด ช่วยสร้างแรงบิดสหาศาล กับราคานั้นสุดแสนแรง จากการปรับโครงสร้างภาษีบ้านเราที่ รถพิกัด 1000cc ขึ้นไป โดนขูดรีดขึ้นอีก 20% ก็ต้องทำใจ หากใจรักและคิดจะเล่นรถระดับนี้ ถือว่าราคาอาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญนักกับลูกค้าที่คิดจะซื้อรถ คัสตอม ที่ให้ความ Unique ได้มากกว่า

ภณ เพียรทนงกิจ ผู้เขียน

ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/2013-Victory-Testride-motorsportland/


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ