ถือว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่ Bentley Continental GT ได้รับเลือกให้เป็นรถคลาสสิคสำหรับอนาคตหรือ ‘Classic Car of the Future’ จากการโหวตของผู้อ่านนิตยสาร Motor Klassik ของสำนักพิมพ์ Motor Presse Stuttgart
ในงานนี้มีผู้เข้าร่วมโหวตมากกว่า 22,000 คน โดยทำการโหวตผ่านนิตยสารและโหวตผ่านนิตยสารออนไลน์ โดยทำการเลือกและโหวตจากรถกว่า 60 คัน สำหรับหมวด ‘classic car’ 6 หมวด และ 54 คันสำหรับหมวด ‘classic cars of the future’ 9 หมวดด้วยกัน
แกรนด์ ทัวเร่อ (grand tourers) ได้กลายมาเป็นไอคอนที่สร้างชื่อเสียงให้กับเบนท์ลี่ย์มาโดยตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์เบนท์ลี่ย์ที่ผ่านมา ในปี 1950 รุ่น R-Type Continental ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการรถยนต์ในเรื่องของประสิทธิภาพและรูปแบบของรถที่เหนือชั้น และจากรุ่น R-Type ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในรถที่สวยที่สุดในโลกนี้เองที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมออกแบบของเบนท์ลี่ย์จึงได้นำแรงบันดาลใจนี้มาใช้ในการออกแบบให้กับคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ซึ่งออกมาเผยโฉมในปี 2002 และได้กลายมาเป็นรถยนต์คูเป้ที่หรูหรา หากแต่มีประสิทธิภาพเสมือนรถซูเปอร์คาร์ มีความคล่องตัวสูงพร้อมกับความสามารถในการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน แรงบันดาลใจนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างรถรุ่นใหม่ของเบนท์ลี่ย์เท่านั้น หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูศิลปวิทยาสำหรับเบนท์ลีย์อีกด้วย
ในวันนี้คอนติเนนทัล จีที ( Continental GT ) มีหลายรุ่นให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นคอนติเนนทัล V8
( Continental V8 ) คอนติเนนทัล W12 ( Continental W12 ) และคอนติเนนทัล จีที สปีด
( Continental GT Speed ) รถยนต์ Flagship ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกทั้งรุ่นคูเป้และเปิดประทุน Dr Wolfgang Schreiber ประธานกรรมการบริหารของเบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับรางวัล Motor Klassik award อันทรงเกียรตินี้ว่า “ตำนานของเบนท์ลี่ย์คือสิ่งที่สำคัญสำหรับแบรนด์ของเรา กว่าทศวรรษที่รถของเราได้รับการยอมรับว่าเป็นรถแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) ที่หรูหราอย่างมีระดับ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยประสิทธิภาพเครื่องยนต์ เป้าหมายของเราคือการสร้างที่สุดของรถยนต์หรูหรานี้ให้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้อ่านตอบรับว่าคอนติเนนทัล จีที ( Continental GT ) คือรถคลาสสิคสำหรับอนาคตที่ดีที่สุด และพวกเราขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านสำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้”
พิธีการและการเฉลิมฉลองการมอบรางวัลนี้เกิดขึ้นที่งาน Motor Klassik gala award ceremony ที่ Schloss Dyck ในเมือง Jüchen, Westphalia ในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
จบ
ข้อความจากผู้เขียน
1. เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ ได้เพิ่มจำนวนพนักงานที่เมือง Crewe ขึ้นเป็น 4,000 คน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองหลักในการปฏิบัติการ รวมทั้งฝ่ายการออกแบบ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายวิศวกร และฝ่ายผลิต ที่รวบรวมช่างงานฝีมือที่เต็มไปด้วยทักษะและความเชี่ยวชาญ วิศวกรที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ และเทคโนโลยีชั้นนำที่โดดเด่นไม่เหมือนใครจากโรงงานผลิตรถยนต์หรูจากประเทศอังกฤษอย่างเบนท์ลี่ย์ อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงงานผลิตรถอังกฤษที่เต็มไปด้วยคุณค่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของเบนท์ลี่ย์ส่งออกสินค้าที่มีค่ามากกว่า1,000 ล้านยูโร ในปี 2012 และเป็นบริษัทที่ถือได้ว่าเป็นผู้ลงทุนในการพัฒนาวิจัยของวงการยานยนต์ในประเทศอังกฤษที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 และเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 18 ของประเทศอีกด้วย
2. ในไตรมาสแรกของปี 2013 เบนท์ลี่ย์ส่งมอบรถให้ลูกค้าได้มากขึ้นถึง 25.75% โดยส่งมอบไปแล้วถึง 2,212 คัน ตลาดในอเมริกายังคงเป็นตลาดที่มียอดขายมากที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์ โดยมียอดส่งมอบให้ลูกค้าแล้วถึง 632 คัน โดยถือว่ามียอดส่งมอบที่เติบโตขึ้นถึง 35.04% หากเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2012 ที่ผ่านมา ในตลาดยุโรปมียอดส่งมอบที่เติบโตขึ้น 61.84% โดยมียอดขายที่ 335 คัน ในตลาดประเทศอังกฤษส่งมอบไปแล้วที่ 371 คันโดยถือว่าเติบโตขึ้นถึง 59.23% หากเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2012 ส่วนในประเทศจีนมียอดส่งมอบที่ 474 คันโดยถือว่าลดลง 17.99% เนื่องจากลูกค้าในประเทศจีนกำลังรอการเปิดตัวรถเบนท์ลี่ย์ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงกลางปี 2013 ของฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุด ซึ่งเคยเป็นรถที่ขายดีที่สุดในจีนมาแล้ว ตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางมียอดส่งมอบที่สูงด้วยเช่นกัน โดยมียอดส่งมอบที่ 237 คันซึ่งถือได้ว่าเติบโตขึ้น 41.07% ส่วนตลาดเอเซีย แปซิฟิคมียอดส่งมอบที่ 116 คันถือได้ว่าเติบโตขึ้นถึง 68.12% สำหรับตลาดญี่ปุ่นมียอดส่งมอบที่ 47 คันโดยคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 30.56%
ความคิดเห็น