สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปทดสอบรถสปอร์ตเท่ๆจากค่ายปอร์เช่ ที่ทาง เอเอเอสฯ ร่วมกับปอร์เช่ เอจี ยกกองทัพรถสปอร์ตหรูกว่า 23 คัน มาให้ได้ซัดกันเต็มๆ ณ สนามพีระเซอร์กิต พร้อมเผยโฉม The New Cayman ครั้งแรกในประเทศไทย มาให้ได้ชมกันในสัปดาห์นี้
โดยเราได้ออกเดินทางกันจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ และเดินถึงสนามพีระเซอร์กิต พัทยา ในช่วง 8 โมงครึ่ง พร้อมๆกับสื่อมวลชนอีกกว่า 40 คน ที่พร้อมหน้าพร้อมตากันลงทะเบียนและรับฟังการ Brif เกี่ยวกับรายละเอียดของกิจกรรมวันนี้ และทำแบ่งกลุ่มตามสีต่างๆออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งเราได้อยู่ในกลุ่มสีส้ม ซึ่งมีนักแข่งชาวเยอรมันเป็น Instructor ประจำสีที่จะคอยควบคุมและให้ความรู้เกี่ยวกับจุดเด่นของรถปอร์เช่แต่ละรุ่น รวมถึงการแนะนำทักษะการขับขี่ในสถานีทดสอบต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 4 Station ด้วยกันนั่นคือ สถานี Slalom สถานี Braking และสถานี Handling ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบรถกันแบบเต็มๆ บนสนามแข่ง พีระ เซอร์กิต พัทยา ตลอดทั้งวัน ซึ่งก่อนจะได้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งหมดนั้น ในวันนี้ทาง เอเอเอสฯ ยังได้เปิดตัว The New Cayman S โมเดลล่าสุดช่วงก่อนเริ่มต้นการทดสอบในช่วงเช้า
Test Drive Part 1
Station Slalom
โดยเริ่มต้นในช่วงเช้าด้วยสถานี Slalom เพื่อทดสอบสมรรถนะการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งใน Station แรกนี้จะใช้ The New Boxter S สีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 315 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดอีก 360 นิวตันเมตร ที่ 4,500 - 5,800 รอบ/นาที จากขุมพลังแบบสูบนอน ความจุ 3.4 ลิตร ให้เราได้ลองความแรงของเครื่องยนต์ที่โรงงานเคลมไว้ในพิกัด 0 - 100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 11.2 วินาที และจุดเด่นในเรื่องของช่วงล่างที่มีระบบบริหารจัดการ PASM (Porsche Active Suspension Management) คอยจัดการเสถียรภาพ สำหรับการทดสอบโดยการขับผ่านไพล่อนที่วางไว้แบบซิกแซกจับทางโค้งในรูปแบบต่างๆตลอดระยะทางกว่าครึ่งสนามพีระโกคาร์ท ซึ่งใน Station นี้จะมีการจับเวลาจากการวิ่งทั้งหมด 2 รอบ เพื่อเอาเวลาที่ดีที่สุดมาค้นหาใครคือผู้ที่ขับเจ้า Boxter S คันนี้ได้เนียนที่สุดในกลุ่ม ซึ่งจะประกาศผลในช่วงท้ายของงานในวันนี้
ซึ่งหลังจากออกตัวที่เส้นสตาร์ทจากการให้สัญญาณด้วยการนับ 1 2 3 พร้อมกระแทกคันเร่งเต็มแรง Boxster S ก็กระโจนออกไปสู่ไพล่อนชุดแรกให้ได้หักซ้ายขวาแบบ Slalom นั้นรู้สึกได้ทันทีว่ามันควบคุมง่ายสไตล์รถบ้านแค่หักซ้ายและขวาไปพร้อมกับการเดินคันเร่งแบบเนียนๆที่เกียร์ 2 เพื่อไม่ให้แรงตกก่อนเข้าสู่โค้งต่อเนื่อง ก่อนจะกดคันเร่งเพื่อส่งออกจากโค้งโดยที่มันยังจิกโค้งอยู่ได้ไม่มีหลุด ก่อนจะหัวรถให้เข้าช่องต่างๆที่วางเอาไว้ต่อเนื่องอีก 3 - 4
ครั้ง สู่โค้งขวายาวๆที่ได้กดคันเร่งส่งอีกครั้งก่อนจะเจอกับโค้งสุกท้ายที่ดักไพล่อนไว้ในรูปตัว S ซึ่งในรอบแรกใส่เต็มไปนิดมีอาการท้ายกวาด หรือ Oversteer ให้แก้เล็กน้อย ก่อนที่รอบ 2 จะแก้ตัวก่อนตั้งลำและผ่านด่านซิกแซกอีกครั้งก่อนจะเบรกให้หยุดพอดีในช่องตรงจุด Finish เป็นอันจบ Station นี้
Station Braking
จากนั้นเปลี่ยนสู่สถานี Braking ซึ่งมีสุดยอดสปอร์ตตัวแรงแห่งตำนานในตระกูล 911 รหัส 997 ในรุ่น Turbo S ที่พกพาความแรงมาให้ได้ลองกันถึง 523 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที ที่ได้จากขุมพลังแบบ Boxer 6 สูบนอน พิกัด 3.8 ลิตร เทอร์โบ เกียร์ PDK 7 สปีด เพื่อทดสอบความแรงรวมถึงประสิทธิภาพของระบบเบรก พร้อมแนะนำวิธีการเบรกอย่างปลอดภัยสูงสุดสำหรับรถยนต์ปอร์เช่ ที่มี Mr.Peter Rohwer รองประธานฯ บริษัท เอเอเอสฯ และ Instructor ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เป็นผู้ให้ความรู้และบอกกับเราว่าระบบเบรกของ 911 Turbo คันนี้นั้นสุดยอดจริงๆ ยิ่งเร็วเท่าไหร่มันยิ่งเบรกได้สั้นขึ้นเท่านั้น จากระบบเบรกแบบจานเซรามิกขนาด 380 มม.ที่คู่หน้าพร้อมคาลิปเปอร์ 6 pot และขนาด 350 มม.ที่ด้านหลังกับคาลิปเปอร์ 4 pot
ซึ่งจากที่ได้ลองขับก็รู้สึกได้ถึงความแรงแบบสุดๆ ตั้งแต่ตอนกดคันเร่งเต็มแรงในจังหวะการออกตัวที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับเครื่องบินตอน Take Off ซึ่งทีบตัวออกไปพร้อมแรง G ที่ดึงตัวให้จมอยู่กับเบาะซึ่งการันตีได้จากผลตัวเลข 0 - 100 กม./ชม. ที่ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น ก่อนจะชะลอในช่วงโค้งเพื่อ U-Turn กับมาตั้งหลักก่อนทะยานตัวจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว แถวๆ 120 กม./ชม. ในชั่วพริบตา ก่อนจะกดแป้นเบรกเต็มแรงเพื่อหยุดมันพร้อมหักหลบไพล่อนที่ขวางอยู่ด้านหน้าด้วยระยะเบรกที่สั้นมากๆ แถมยังไม่มีอาการอะไรใดใดให้เห็น สามารถหยุดรถจากความเร็ว 120 - 0 กม./ชม. ได้แบบนิ่งสนิทจนแทบไม่น่าเชื่อ
Test Drive Part 2
จากนั้นมาต่อกันที่บททดสอบในช่วงที่ 2 กับอากาศที่ร้อนแบบสุดๆ..แต่ก็ไม่ร้อนไปกว่าการที่จะได้ลองขับสุดยอดรถสปอร์ตโมเดลใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่เกือบทุกรุ่น ที่จอดเรียงแถวรอเราอยู่กลางแดด ณ. จุดสตาร์ท ในช่วงโค้งก่อนเข้าทางตรงของสนามพีระฯ รอให้เราได้ขับทดสอบ Handling กันแบบ Cercuit Run โดยแบ่งรถออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มสปอร์ตที่มีทั้งหมด 6 คัน ซึ่งมีตั้งแต่โมเดล 911 รหัส 991 ทั้งในรุ่น Carrera คันสีน้ำเงินเข้มและแบบเปิดประทุนอีก 2 คันคือ Carrera Cabirolet คันสีขาวกับ Carrera S Cabirolet คันสีแดงหลังคาผ้าใบ และ Carrera 4 คันสีน้ำตาล รวมถึงเจ้า Boxster รหัส 987 มาดดุสีเทาเข้มล้อดำและใหม่ล่าสุดคือ Cayman S คันเดียวกับที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆเมื่อช่วงเช้า โดยมี Carrera 4 GTS ที่ขับโดย Intructor มือเก๋าเป็นรถนำ
ส่วนอีกกลุ่มจะเป็นรถสปอร์ต SUV ตัวแรงอย่าง Cayanne ทั้งหมด 4 คัน ตั้งแต่รุ่น S Hybrid คันสีเหลือง รุ่น GTS คันสีเขียวเข้ม ตามด้วย Turbo คันสีน้ำเงินเข้ม และปิดท้ายด้วยคันสีขาวในรุ่น Turbo S กับยานยนต์ในแบบ Sport Gran Tourismo อย่าง Panamera ที่มีอยู่ 3 คัน คือรุ่น 4S คันสีน้ำเงิน รุ่น Turbo S คันสีบรอนด์ และ Panamera 4 คันสีดำดุ ซึ่งคันที่นำกองทัพปอร์เช่ให้ได้ซัดกันแบบเต็มสนามทั้งหมด 7 คัน ซึ่งจะได้ขับกันต่อในช่วงบ่าย
Handling 1
โดยเริ่มจากกลุ่มสปอร์ตที่ให้ขับคันละ 2 คนก่อนจะสลับคนขับตั้งแต่คันแรกและสลับสับเปลี่ยนจนครบทุกคัน ซึ่งจะให้ขับกันคนละ 2 รอบต่อ 1 คัน โดยในรอบแรกจะเป็นการขับดูลายสนามและทำความคุ้นเคยกับตัวรถ ก่อนที่จะซัดแบบเต็มๆในรอบที่ 2 ซึ่งเราเริ่มขับคันแรกกับ Boxster ตัว Standard ที่ถือเป็นรถสปอร์คเปิดประทุนมาดดุแต่ขับง่ายเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันกับพละกำลังสูงสุดแบบแรงพอตัว ที่ 265 แรงม้ากับแรงบิดที่ 280 นิวตันเมตร
ก่อนจะเปลี่ยนมาขับต่อคันที่ 2 กับเจ้าจระเข้พันธ์ุซ่าน้องใหม่ The New Cayman S โมเดลใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงเช้าก่อนจะขับลงจากโพเดี่ยมมาให้เราได้ขับทดสอบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเจ้า Cayman S ใหม่ นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 6 สูบความจุ 3.4 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 325 แรงม้า ที่ 7,400 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตร ที่มาในรอบตั้งแต่ 4,500 รอบถึง 5,800 รอบ/นาที ซึ่งรู้สึกได้ถึงความแรงที่แตกต่างจาก Boxster คันแรกที่ได้ขับ
จากนั้นจึงเปลี่ยนมาขับในรุ่น 911 Carrera โมเดลล่าสุดรหัส 991 ทั้งตัว Carrera และ Carrera 4 ที่มาพร้อมกับขุมพลังบล็อกเดียวกันแบบ 6 สูบ ความจุ 3.4 ลิตร พร้อมกำลังสุดที่ 350 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตร เท่ากันทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ตัว C4 จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบซึ่งให้สมรรถนะในการจิกเกาะถนนที่โดดเด่นกว่า ส่วนคันต่อมาถือเป็นคันที่แรงที่สุดที่ได้ลองขับบนพื้นแทร็กนั่นคือเจ้า Carrera S Cabriolet คันสีแดงหลังคาผ้าใบที่แรงขึ้นด้วยกำลังสูงสุดที่ 400 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงที่สุดในอนุกรมของ Carrera ที่ได้ลองขับในวันนี้ที่ 440 นิวตันเมตร ที่มีตัวเลขเคลมความแรงจากโรงงานที่ความเร็ว 0 - 100 กม./ชม. ซึ่งใช้เวลาเพียง 4.7 วินาที ซึ่งส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์แบบคลัทซ์คู่ PDK 7 สปีด ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและสามารถสปีดตัวในช่วงทางตรงยาวๆได้เกือบ 200 กม./ชม.
และจบด้วยคันสุดท้ายคือสปอร์ตเปิดประทุนอีกหนึ่งคันในการทดสอบ Handling ของรถปอร์เช่กลุ่มสปปอร์ต ในรุ่น Carrera Cabriolet คันสีขาวนวล ที่ใช้ขุมพลังบล็อกเดียวกันกับรุ่น Carrera และ Carrera 4 ต่างกันตรงฟิวสปอร์ตตอนเปิดหลังคารับลมร้อนนั่นเอง
ซึ่งหลังจากที่ได้ลองสมรรถนะของปอร์เช่สปอร์ตทั้งหมด 6 คันในสนามพีระฯทั้งหมด 12 รอบแบบต่อเนื่องนั้น สำหรับรถปอร์เช่ทุกคันที่ได้ขับในวันนี้นั้นนอกจากความแรงที่แตกต่างกันตามพิกัดตัวเลขซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามันแรงตามที่โรงงานเคลมมาให้จริงๆแล้ว แต่ละรุ่นนั้นยังมีบุคลิกที่แตกต่างกันอยู่พอให้รู้สึกได้ ซึ่งถ้าจะให้เลือกคันที่ถูกใจมากที่สุดนั้นคงจะเป็นเจ้า Cayman S ที่ถือเป็นรุ่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นรถสปอร์ตที่ขับง่ายอย่าง Boxster กับตัวแรงในตระกูล 911 โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น S ที่แรงสุดๆ แถมยังให้ฟิลลิ่งในการขับสนุกและควบคุมง่ายเรียกว่าหล่อครบเครื่องที่สุดเท่าที่สัมผัสได้เลยทีเดียว
Handling 2
เปิดฉากในช่วงบ่ายกับการขับทดสอบ Cayanne กับ Panamera ซึ่งเริ่มต้นแบบซอฟๆด้วย SUV พลังลูกผสมอย่าง Cayanne S Hybrid คันสีเหลือง ที่หลังจากออกตัวสู่ทางตรงของสนามก็เริ่มเชนเกียร์ด้วย Paddle Shift เพื่อให้ใันพุ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ตาม Panamera ซึ่งนำอยู่อีก 2 คัน แบบไม่ห่างมากนัก ด้วยพละกำลังกว่า 380 แรงม้า ที่แบกร่างอันบึกบึนกว่า 2 ตันครึ่งให้ขับพริ้วเกินตัว ก่อนจะซัดผ่านโค้งขึ้นเขาที่มีอาการหน้าดื้อและบานออกเล็กน้อยจากความเร็วที่ส่งมาจากทางตรงราวๆ 180 กม./ชม. แต่ก็ถือว่าไม่กลัวแต่อย่างใดเพราะมันควบคุมง่ายสมกับเป็นสปอร์ต SUV ระดับพรีเมี่ยม ก่อนจะเปลี่ยนมาขับในรุ่น GTS ซึ่งรู้สึกได้ทันทีถึงพละกำลังที่จัดจ้านกว่าคันแรกด้วยขุมพลัง V8 ความจุ 4.8 ลิตร ที่มีม้าคอกใหญ่มาให้ถึง 550 ตัว เพียงพอที่จะผลักให้มันไล่บี้ Panamera ได้อย่างสบายๆ
จากนั้นจึงเปลี่ยนฟิวมาขับ Panamera 4S ซึ่งแน่นอนว่ารู้สึกได้ทันที่ถึงบุคลิกที่แตกต่างจากตอนขับ Cayanne ประกอบกับความแรงของขุมพลังใต้ฝากระโปรงความจุ 4.8 ลิตรที่ดุดันแรงม้ากว่า 400 ตัวและแรงบิดอีก 500 นิวตันเมตร ที่เผลอกดคันแรงหน่อยมันก็กระโจนไปจ่อท้ายคันหน้าจนต้องถอนคันเร่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในตอนแรกที่ได้ขับเจ้า Panamera 4S ก็รู้สึกว่าขับสนุกเกินกว่าจะเป็นรถแบบ Sport Luxury ที่เจ้าของมักนั่งอยู่แค่เบาะหลังแล้ว แต่คันต่อมาที่ได้ขับในรุ่น Turbo นั้นถึงกับหน้าหงายตั้งแต่ออกตัวด้วยม้ากว่า 500 ตัวพร้อมแรงบิดมหาศาลที่สร้างแรง G แบบฉุดกระชากสุดตัวจนรู้สึกถึงความแตกต่างเมื่อเทียบกับตัว P4S ชัดเจนด้วยแรงม้าที่มากกว่ากันถึง 100 ตัว ส่วนแฮนลิ่งในการยึดเกาะถนนนั้น ถึงแม้รถในกลุ่มนี้ของปอร์เช่จะไม่ได้ล้อทุกโค้งแบบเนียนๆเหมือนตอนขับ 911 Boxster และ Cayman ก็ตามแต่สำหรับ Panamera นั้นถือว่าสุดยอดแล้วสำหรับยานยนต์ในตระกูลนี้ เพราะจากที่ซัดมาด้วยความเร็วในช่วงทางตรงยาวๆ ก่อนโค้งขึ้นเขาที่ความเร็วแตะๆ 200 กม./ชม. ก่อนจะกดเบรกเพื่อให้หน้าจิกแล้วเดินคันเร่งต่อในช่วงโค้งนั้นมันสามารถเกาะโค้งผ่านไปด้านแบบมีอาการหน้าดื้อหรือ Under Steer เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนโค้งอื่นไม่ว่าจะเป็นโค้ง S หรือโค้ง 100 R ทั้งคู่ซัดผ่านไปได้แบบฉลุย
และปิดท้ายด้วยความมันแบบไม่ต้องขับเองในแบบ Hot Lap ซึ่งใช้ 911 Carrera 4S คันสีน้ำเงิน Boxster S คันเมื่อเช้าที่เราใช้ขับใน Station Slalom และคันสุดท้ายคือ Panamera Turbo S ที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ไปกับนักแข่งชาวเยอรมันซึ่งก็คือ Instructor ทั้ง 3 คนที่อยู่กับเรามาทั้งวันเป็นผู้ขับพาเราทัวร์รอบสนามกันแบบมันสุดๆ ด้วยลีลาการขับขี่ระดับมืออาชีพที่พาเรา Drift ผ่านโค้งทุกโค้งของสนามที่ดูแล้วเหมือนไม่ยากแต่ถ้าขับเองคงต้องลงไปกินหญ้าแน่นอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักแข่งมืออาชีพเค้าพาเราตื่นเต้นจนครบรอบแบบควันท่วมล้อเป็นการปิดฉากบททดสอบที่มันสุดๆ
ก่อนจะเข้าสู่บทสรุปของกิจกรรมในวันนี้พร้อมประกาศผลผู้ที่ทำเวลาที่ดีที่สุดในการขับ Boxster S ในสถานี Slalom ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเราจะคว้าอันดับ 1 ของกลุ่มมาได้พร้อมโล่รางวัลและประกาศณียบัตร ติดไม้ติดมือกันกลับมาเป็นที่ระลึกถึงความมันในวันนี้ให้ได้จดจำจนกว่าทาง เอเอเอสฯ จะจัดกิจกรรมในครั้งต่อไปซึ่งรับรองเลยว่าจะต้องมันและสนุกกว่าเดิมแน่นอน
ขอขอบคุณ
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เรื่อง : อาณัติ สิทธิบุตร
ความคิดเห็น