VDO การทดสอบรถปอร์เช่กว่า 23 คัน ตัวเต็ม..สุดมัน จากงาน Porsche World Roadshow 2013 Share this

VDO การทดสอบรถปอร์เช่กว่า 23 คัน ตัวเต็ม..สุดมัน จากงาน Porsche World Roadshow 2013

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 02 May 2556

สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปทดสอบรถสปอร์ตเท่ๆจากค่ายปอร์เช่ ที่ทาง เอเอเอสฯ ร่วมกับปอร์เช่ เอจี ยกกองทัพรถสปอร์ตหรูกว่า 23 คัน มาให้ได้ซัดกันเต็มๆ ณ สนามพีระเซอร์กิต พร้อมเผยโฉม The New Cayman ครั้งแรกในประเทศไทย มาให้ได้ชมกันในสัปดาห์นี้

โดยเราได้ออกเดินทางกันจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ และเดินถึงสนามพีระเซอร์กิต พัทยา ในช่วง 8 โมงครึ่ง พร้อมๆกับสื่อมวลชนอีกกว่า 40 คน ที่พร้อมหน้าพร้อมตากันลงทะเบียนและรับฟังการ Brif เกี่ยวกับรายละเอียดของกิจกรรมวันนี้ และทำแบ่งกลุ่มตามสีต่างๆออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งเราได้อยู่ในกลุ่มสีส้ม ซึ่งมีนักแข่งชาวเยอรมันเป็น Instructor ประจำสีที่จะคอยควบคุมและให้ความรู้เกี่ยวกับจุดเด่นของรถปอร์เช่แต่ละรุ่น รวมถึงการแนะนำทักษะการขับขี่ในสถานีทดสอบต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 4 Station ด้วยกันนั่นคือ สถานี Slalom สถานี Braking และสถานี Handling ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบรถกันแบบเต็มๆ บนสนามแข่ง พีระ เซอร์กิต พัทยา ตลอดทั้งวัน ซึ่งก่อนจะได้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งหมดนั้น ในวันนี้ทาง เอเอเอสฯ ยังได้เปิดตัว The New Cayman S โมเดลล่าสุดช่วงก่อนเริ่มต้นการทดสอบในช่วงเช้า

Test Drive Part 1

Station Slalom

โดยเริ่มต้นในช่วงเช้าด้วยสถานี Slalom เพื่อทดสอบสมรรถนะการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งใน Station แรกนี้จะใช้ The New Boxter S สีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 315 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดอีก 360 นิวตันเมตร ที่ 4,500 - 5,800 รอบ/นาที จากขุมพลังแบบสูบนอน ความจุ 3.4 ลิตร ให้เราได้ลองความแรงของเครื่องยนต์ที่โรงงานเคลมไว้ในพิกัด 0 - 100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 11.2 วินาที และจุดเด่นในเรื่องของช่วงล่างที่มีระบบบริหารจัดการ PASM (Porsche Active Suspension Management) คอยจัดการเสถียรภาพ สำหรับการทดสอบโดยการขับผ่านไพล่อนที่วางไว้แบบซิกแซกจับทางโค้งในรูปแบบต่างๆตลอดระยะทางกว่าครึ่งสนามพีระโกคาร์ท ซึ่งใน Station นี้จะมีการจับเวลาจากการวิ่งทั้งหมด 2 รอบ เพื่อเอาเวลาที่ดีที่สุดมาค้นหาใครคือผู้ที่ขับเจ้า Boxter S คันนี้ได้เนียนที่สุดในกลุ่ม ซึ่งจะประกาศผลในช่วงท้ายของงานในวันนี้

ซึ่งหลังจากออกตัวที่เส้นสตาร์ทจากการให้สัญญาณด้วยการนับ 1 2 3 พร้อมกระแทกคันเร่งเต็มแรง Boxster S ก็กระโจนออกไปสู่ไพล่อนชุดแรกให้ได้หักซ้ายขวาแบบ Slalom นั้นรู้สึกได้ทันทีว่ามันควบคุมง่ายสไตล์รถบ้านแค่หักซ้ายและขวาไปพร้อมกับการเดินคันเร่งแบบเนียนๆที่เกียร์ 2 เพื่อไม่ให้แรงตกก่อนเข้าสู่โค้งต่อเนื่อง ก่อนจะกดคันเร่งเพื่อส่งออกจากโค้งโดยที่มันยังจิกโค้งอยู่ได้ไม่มีหลุด ก่อนจะหัวรถให้เข้าช่องต่างๆที่วางเอาไว้ต่อเนื่องอีก 3 - 4

ครั้ง สู่โค้งขวายาวๆที่ได้กดคันเร่งส่งอีกครั้งก่อนจะเจอกับโค้งสุกท้ายที่ดักไพล่อนไว้ในรูปตัว S ซึ่งในรอบแรกใส่เต็มไปนิดมีอาการท้ายกวาด หรือ Oversteer ให้แก้เล็กน้อย ก่อนที่รอบ 2 จะแก้ตัวก่อนตั้งลำและผ่านด่านซิกแซกอีกครั้งก่อนจะเบรกให้หยุดพอดีในช่องตรงจุด Finish เป็นอันจบ Station นี้

Station Braking

จากนั้นเปลี่ยนสู่สถานี Braking ซึ่งมีสุดยอดสปอร์ตตัวแรงแห่งตำนานในตระกูล 911 รหัส 997 ในรุ่น Turbo S ที่พกพาความแรงมาให้ได้ลองกันถึง 523 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที ที่ได้จากขุมพลังแบบ Boxer 6 สูบนอน พิกัด 3.8 ลิตร เทอร์โบ เกียร์ PDK 7 สปีด เพื่อทดสอบความแรงรวมถึงประสิทธิภาพของระบบเบรก พร้อมแนะนำวิธีการเบรกอย่างปลอดภัยสูงสุดสำหรับรถยนต์ปอร์เช่ ที่มี Mr.Peter Rohwer รองประธานฯ บริษัท เอเอเอสฯ และ Instructor ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เป็นผู้ให้ความรู้และบอกกับเราว่าระบบเบรกของ 911 Turbo คันนี้นั้นสุดยอดจริงๆ ยิ่งเร็วเท่าไหร่มันยิ่งเบรกได้สั้นขึ้นเท่านั้น จากระบบเบรกแบบจานเซรามิกขนาด 380 มม.ที่คู่หน้าพร้อมคาลิปเปอร์ 6 pot และขนาด 350 มม.ที่ด้านหลังกับคาลิปเปอร์ 4 pot

ซึ่งจากที่ได้ลองขับก็รู้สึกได้ถึงความแรงแบบสุดๆ ตั้งแต่ตอนกดคันเร่งเต็มแรงในจังหวะการออกตัวที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับเครื่องบินตอน Take Off ซึ่งทีบตัวออกไปพร้อมแรง G ที่ดึงตัวให้จมอยู่กับเบาะซึ่งการันตีได้จากผลตัวเลข 0 - 100 กม./ชม. ที่ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น ก่อนจะชะลอในช่วงโค้งเพื่อ U-Turn กับมาตั้งหลักก่อนทะยานตัวจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว แถวๆ 120 กม./ชม. ในชั่วพริบตา ก่อนจะกดแป้นเบรกเต็มแรงเพื่อหยุดมันพร้อมหักหลบไพล่อนที่ขวางอยู่ด้านหน้าด้วยระยะเบรกที่สั้นมากๆ แถมยังไม่มีอาการอะไรใดใดให้เห็น สามารถหยุดรถจากความเร็ว 120 - 0 กม./ชม. ได้แบบนิ่งสนิทจนแทบไม่น่าเชื่อ

Test Drive Part 2

จากนั้นมาต่อกันที่บททดสอบในช่วงที่ 2 กับอากาศที่ร้อนแบบสุดๆ..แต่ก็ไม่ร้อนไปกว่าการที่จะได้ลองขับสุดยอดรถสปอร์ตโมเดลใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่เกือบทุกรุ่น ที่จอดเรียงแถวรอเราอยู่กลางแดด ณ. จุดสตาร์ท ในช่วงโค้งก่อนเข้าทางตรงของสนามพีระฯ รอให้เราได้ขับทดสอบ Handling กันแบบ Cercuit Run โดยแบ่งรถออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มสปอร์ตที่มีทั้งหมด 6 คัน ซึ่งมีตั้งแต่โมเดล 911 รหัส 991 ทั้งในรุ่น Carrera คันสีน้ำเงินเข้มและแบบเปิดประทุนอีก 2 คันคือ Carrera Cabirolet คันสีขาวกับ Carrera S Cabirolet คันสีแดงหลังคาผ้าใบ และ Carrera 4 คันสีน้ำตาล รวมถึงเจ้า Boxster รหัส 987 มาดดุสีเทาเข้มล้อดำและใหม่ล่าสุดคือ Cayman S คันเดียวกับที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆเมื่อช่วงเช้า โดยมี Carrera 4 GTS ที่ขับโดย Intructor มือเก๋าเป็นรถนำ

ส่วนอีกกลุ่มจะเป็นรถสปอร์ต SUV ตัวแรงอย่าง Cayanne ทั้งหมด 4 คัน ตั้งแต่รุ่น S Hybrid คันสีเหลือง รุ่น GTS คันสีเขียวเข้ม ตามด้วย Turbo คันสีน้ำเงินเข้ม และปิดท้ายด้วยคันสีขาวในรุ่น Turbo S กับยานยนต์ในแบบ Sport Gran Tourismo อย่าง Panamera ที่มีอยู่ 3 คัน คือรุ่น 4S คันสีน้ำเงิน รุ่น Turbo S คันสีบรอนด์ และ Panamera 4 คันสีดำดุ ซึ่งคันที่นำกองทัพปอร์เช่ให้ได้ซัดกันแบบเต็มสนามทั้งหมด 7 คัน ซึ่งจะได้ขับกันต่อในช่วงบ่าย

Handling 1

โดยเริ่มจากกลุ่มสปอร์ตที่ให้ขับคันละ 2 คนก่อนจะสลับคนขับตั้งแต่คันแรกและสลับสับเปลี่ยนจนครบทุกคัน ซึ่งจะให้ขับกันคนละ 2 รอบต่อ 1 คัน โดยในรอบแรกจะเป็นการขับดูลายสนามและทำความคุ้นเคยกับตัวรถ ก่อนที่จะซัดแบบเต็มๆในรอบที่ 2 ซึ่งเราเริ่มขับคันแรกกับ Boxster ตัว Standard ที่ถือเป็นรถสปอร์คเปิดประทุนมาดดุแต่ขับง่ายเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันกับพละกำลังสูงสุดแบบแรงพอตัว ที่ 265 แรงม้ากับแรงบิดที่ 280 นิวตันเมตร

ก่อนจะเปลี่ยนมาขับต่อคันที่ 2 กับเจ้าจระเข้พันธ์ุซ่าน้องใหม่ The New Cayman S โมเดลใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงเช้าก่อนจะขับลงจากโพเดี่ยมมาให้เราได้ขับทดสอบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเจ้า Cayman S ใหม่ นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 6 สูบความจุ 3.4 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 325 แรงม้า ที่ 7,400 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตร ที่มาในรอบตั้งแต่ 4,500 รอบถึง 5,800 รอบ/นาที ซึ่งรู้สึกได้ถึงความแรงที่แตกต่างจาก Boxster คันแรกที่ได้ขับ

จากนั้นจึงเปลี่ยนมาขับในรุ่น 911 Carrera โมเดลล่าสุดรหัส 991 ทั้งตัว Carrera และ Carrera 4 ที่มาพร้อมกับขุมพลังบล็อกเดียวกันแบบ 6 สูบ ความจุ 3.4 ลิตร พร้อมกำลังสุดที่ 350 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตร เท่ากันทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ตัว C4 จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบซึ่งให้สมรรถนะในการจิกเกาะถนนที่โดดเด่นกว่า ส่วนคันต่อมาถือเป็นคันที่แรงที่สุดที่ได้ลองขับบนพื้นแทร็กนั่นคือเจ้า Carrera S Cabriolet คันสีแดงหลังคาผ้าใบที่แรงขึ้นด้วยกำลังสูงสุดที่ 400 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงที่สุดในอนุกรมของ Carrera ที่ได้ลองขับในวันนี้ที่ 440 นิวตันเมตร ที่มีตัวเลขเคลมความแรงจากโรงงานที่ความเร็ว 0 - 100 กม./ชม. ซึ่งใช้เวลาเพียง 4.7 วินาที ซึ่งส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์แบบคลัทซ์คู่ PDK 7 สปีด ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและสามารถสปีดตัวในช่วงทางตรงยาวๆได้เกือบ 200 กม./ชม.

และจบด้วยคันสุดท้ายคือสปอร์ตเปิดประทุนอีกหนึ่งคันในการทดสอบ Handling ของรถปอร์เช่กลุ่มสปปอร์ต ในรุ่น Carrera Cabriolet คันสีขาวนวล ที่ใช้ขุมพลังบล็อกเดียวกันกับรุ่น Carrera และ Carrera 4 ต่างกันตรงฟิวสปอร์ตตอนเปิดหลังคารับลมร้อนนั่นเอง

ซึ่งหลังจากที่ได้ลองสมรรถนะของปอร์เช่สปอร์ตทั้งหมด 6 คันในสนามพีระฯทั้งหมด 12 รอบแบบต่อเนื่องนั้น สำหรับรถปอร์เช่ทุกคันที่ได้ขับในวันนี้นั้นนอกจากความแรงที่แตกต่างกันตามพิกัดตัวเลขซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามันแรงตามที่โรงงานเคลมมาให้จริงๆแล้ว แต่ละรุ่นนั้นยังมีบุคลิกที่แตกต่างกันอยู่พอให้รู้สึกได้ ซึ่งถ้าจะให้เลือกคันที่ถูกใจมากที่สุดนั้นคงจะเป็นเจ้า Cayman S ที่ถือเป็นรุ่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นรถสปอร์ตที่ขับง่ายอย่าง Boxster กับตัวแรงในตระกูล 911 โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น S ที่แรงสุดๆ แถมยังให้ฟิลลิ่งในการขับสนุกและควบคุมง่ายเรียกว่าหล่อครบเครื่องที่สุดเท่าที่สัมผัสได้เลยทีเดียว

Handling 2

เปิดฉากในช่วงบ่ายกับการขับทดสอบ Cayanne กับ Panamera ซึ่งเริ่มต้นแบบซอฟๆด้วย SUV พลังลูกผสมอย่าง Cayanne S Hybrid คันสีเหลือง ที่หลังจากออกตัวสู่ทางตรงของสนามก็เริ่มเชนเกียร์ด้วย Paddle Shift เพื่อให้ใันพุ่งไปข้างหน้าเพื่อไล่ตาม Panamera ซึ่งนำอยู่อีก 2 คัน แบบไม่ห่างมากนัก ด้วยพละกำลังกว่า 380 แรงม้า ที่แบกร่างอันบึกบึนกว่า 2 ตันครึ่งให้ขับพริ้วเกินตัว ก่อนจะซัดผ่านโค้งขึ้นเขาที่มีอาการหน้าดื้อและบานออกเล็กน้อยจากความเร็วที่ส่งมาจากทางตรงราวๆ 180 กม./ชม. แต่ก็ถือว่าไม่กลัวแต่อย่างใดเพราะมันควบคุมง่ายสมกับเป็นสปอร์ต SUV ระดับพรีเมี่ยม ก่อนจะเปลี่ยนมาขับในรุ่น GTS ซึ่งรู้สึกได้ทันทีถึงพละกำลังที่จัดจ้านกว่าคันแรกด้วยขุมพลัง V8 ความจุ 4.8 ลิตร ที่มีม้าคอกใหญ่มาให้ถึง 550 ตัว เพียงพอที่จะผลักให้มันไล่บี้ Panamera ได้อย่างสบายๆ

จากนั้นจึงเปลี่ยนฟิวมาขับ Panamera 4S ซึ่งแน่นอนว่ารู้สึกได้ทันที่ถึงบุคลิกที่แตกต่างจากตอนขับ Cayanne ประกอบกับความแรงของขุมพลังใต้ฝากระโปรงความจุ 4.8 ลิตรที่ดุดันแรงม้ากว่า 400 ตัวและแรงบิดอีก 500 นิวตันเมตร ที่เผลอกดคันแรงหน่อยมันก็กระโจนไปจ่อท้ายคันหน้าจนต้องถอนคันเร่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในตอนแรกที่ได้ขับเจ้า Panamera 4S ก็รู้สึกว่าขับสนุกเกินกว่าจะเป็นรถแบบ Sport Luxury ที่เจ้าของมักนั่งอยู่แค่เบาะหลังแล้ว แต่คันต่อมาที่ได้ขับในรุ่น Turbo นั้นถึงกับหน้าหงายตั้งแต่ออกตัวด้วยม้ากว่า 500 ตัวพร้อมแรงบิดมหาศาลที่สร้างแรง G แบบฉุดกระชากสุดตัวจนรู้สึกถึงความแตกต่างเมื่อเทียบกับตัว P4S ชัดเจนด้วยแรงม้าที่มากกว่ากันถึง 100 ตัว ส่วนแฮนลิ่งในการยึดเกาะถนนนั้น ถึงแม้รถในกลุ่มนี้ของปอร์เช่จะไม่ได้ล้อทุกโค้งแบบเนียนๆเหมือนตอนขับ 911 Boxster และ Cayman ก็ตามแต่สำหรับ Panamera นั้นถือว่าสุดยอดแล้วสำหรับยานยนต์ในตระกูลนี้ เพราะจากที่ซัดมาด้วยความเร็วในช่วงทางตรงยาวๆ ก่อนโค้งขึ้นเขาที่ความเร็วแตะๆ 200 กม./ชม. ก่อนจะกดเบรกเพื่อให้หน้าจิกแล้วเดินคันเร่งต่อในช่วงโค้งนั้นมันสามารถเกาะโค้งผ่านไปด้านแบบมีอาการหน้าดื้อหรือ Under Steer เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนโค้งอื่นไม่ว่าจะเป็นโค้ง S หรือโค้ง 100 R ทั้งคู่ซัดผ่านไปได้แบบฉลุย

และปิดท้ายด้วยความมันแบบไม่ต้องขับเองในแบบ Hot Lap ซึ่งใช้ 911 Carrera 4S คันสีน้ำเงิน Boxster S คันเมื่อเช้าที่เราใช้ขับใน Station Slalom และคันสุดท้ายคือ Panamera Turbo S ที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ไปกับนักแข่งชาวเยอรมันซึ่งก็คือ Instructor ทั้ง 3 คนที่อยู่กับเรามาทั้งวันเป็นผู้ขับพาเราทัวร์รอบสนามกันแบบมันสุดๆ ด้วยลีลาการขับขี่ระดับมืออาชีพที่พาเรา Drift ผ่านโค้งทุกโค้งของสนามที่ดูแล้วเหมือนไม่ยากแต่ถ้าขับเองคงต้องลงไปกินหญ้าแน่นอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักแข่งมืออาชีพเค้าพาเราตื่นเต้นจนครบรอบแบบควันท่วมล้อเป็นการปิดฉากบททดสอบที่มันสุดๆ

ก่อนจะเข้าสู่บทสรุปของกิจกรรมในวันนี้พร้อมประกาศผลผู้ที่ทำเวลาที่ดีที่สุดในการขับ Boxster S ในสถานี Slalom ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเราจะคว้าอันดับ 1 ของกลุ่มมาได้พร้อมโล่รางวัลและประกาศณียบัตร ติดไม้ติดมือกันกลับมาเป็นที่ระลึกถึงความมันในวันนี้ให้ได้จดจำจนกว่าทาง เอเอเอสฯ จะจัดกิจกรรมในครั้งต่อไปซึ่งรับรองเลยว่าจะต้องมันและสนุกกว่าเดิมแน่นอน

ขอขอบคุณ

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด

เรื่อง : อาณัติ สิทธิบุตร


ความคิดเห็น