งาน Ford Dare to Drive ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18-19 พฤษภาคม 2556 ที่ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ เป็นงานที่ฟอร์ดได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ทดสอบ รถยนต์ Ford Fiesta และ Ford Focus ให้แก่ลูกค้า และผู้ที่สนใจทั่วไปเข้าชม หรือ เข้าร่วมทดลองขับ และเรียนรู้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีความปลอดภัยจาก Ford ที่บรรจุอยู่ใน Ford Focus ซึ่งบริเวณหน้างาน ทาง Ford ได้นำรถยนต์ Ford หลากหลายรุ่นมาโชว์ตัว พร้อมข้อเสนอพิเศษ ต่างๆ จาก เซลล์หลากหลายดีลเลอร์ ที่จะคอยดูแลคุณตลอดงานในครั้งนี้
ในส่วนของการทดลองขับนั้น ได้แบ่ง Station ออก เป็น 5 Station ด้วยกัน โดยเริ่มต้นกันที่
Station แรก Sync และ Voice Command โดยในส่วนนี้ จะมีทีมงาน ได้โชว์ประสิทธิภาพการทำงานของ ระบบ Sync สั่งงานด้วยเสียงของ Ford Focus ซึ่งการใช้งานนั้นใช้งานง่ายกว่า Ford Fiesta มาก เนื่องจากได้มีการพัฒนาในส่วนของระบบ ทั้งในเรื่องสำเนียงภาษาอังกฤษ ที่ไม่ต้องออก Accent มาก และ ระบบ Dial ก้ได้ทั้ง กดปุ่ม พูดตัวเลขต่อกัน หรือ พูดแล้วหยุด ในส่วนของการรองรับ Device เชื่อมต่อนั้น Save ได้มากถึง 8 Device และสามารถเลือกจัดอันดับ Favourite ขึ้นมาได้ และการรองรับของชุดเครื่องเสียงนี้ ก็รองรับแทบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Phone, ipod , iPhone, USB เป็นต้น
ถัดมาจะเป็นส่วน Active City Stop หรือระบบเบรกอัตโนมัติ จะช่วยคุณในกรณีที่ก้มเก็บของ หรือเหมื่อลอยในขณะเคลื่อนที่ที่ความเร็วต่ำ อย่างเช่นช่วงรถติด ซึ่งจะทำงานต่อเมื่อเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในชุดกระจกบานหน้ารถ โดยเมื่อเซ็นเซอร์สามารถจับวัตถุด้านหน้าตัวรถได้ โดยที่วัตถุนั้นจะต้องมีผิวที่มันเงาสะท้อนมายังตัวรถที่พอจะให้เซ็นเซอร์นั้นจับได้ เมื่อเข้าใกล้จะชน ระบบจะเบรกจนรถหยุดให้โดยอัตโนมัติ แต่ก็จะมีเงื่อนไข ในความปลอดภัยที่จะไม่ชนถูกลดคันข้างหน้า ที่ความเร็วไม่ควรเกิน 30 กม./ชม. เนื่องจากหากมีความเร็วที่สูงกว่านี้ระบบก็จะเบรกให้ แต่ถ้าความเร็วสูงมาก อาจจะเป็นการช่วยเบรกเพื่อชะลอความเสียหายลงเท่านั้น
หลังจากการทดสอบระบบ Active City Stop เป็นที่เรียบร้อย ก็ยังคงอยู่ในรถคันเดิมขับวนต่อมาที่ Station Active Park Assist หรือระบบช่วยจอดอัจฉริยะ คือ ระบบจะทำงาน เมื่อ กดปุ่ม Scan หาที่จอด โดยระบบเซ็นเซอร์รอบคันรถจะตรวจจับหาที่จอดที่สามารถเข้าจอดได้ และ เมื่อระบบเจอแล้ว สิ่งที่เราทำ เพียงเข้าเกียร์ R และ ค่อยๆปล่อยเบรก เลี้ยงเบรกไปอย่างช้าๆ เพราะถ้าหาก ปล่อยเบรก เร็วเกินไป รถอาจจะคืนพวงมาลัยได้ไม่ทันทำให้ การจอดตั้งลำเบี้ยวไปได้ นอกจากนั้นเรายังต้องคอยควบคุมการเข้าตำแหน่งเกียร์ D อีกด้วย จนเมื่อจอดเสร็จ จะขึ้น Finish บนหน้าจอมาตรวัด เป็นอันเสร็จสิ้น นอกจากนั้นบริเวณกระจกมองข้างยังมีขอบวัด Blind Spot เพื่อที่จะตรวจจับรถที่แซงมาจากมุมอับ
ถัดมาอีก กับการทดสอบ Light Testing ระบบ Auto Head Lamp เป็นระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อเราปรับปุ่มเปิดไฟหน้าอยู่ที่ Auto เมื่อรถขับเข้าลานจอด หรือ อุโมงค์ที่มีความมืด ไฟหน้าจะติดเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีเท่านั้น และระบบไฟหน้านั้น จะปรับระดับของสูงต่ำได้เอง ตามน้ำหนักของผู้โดยสารในรถ เมื่อป้องกันไม่ให้ไปส่องแยงตารถคันหน้า หรือคันที่สวนทางมา นอกจากนั้นยังมีไฟส่องสว่างขณะหมุนวงเลี้ยวพวงมาลัย ซึ่งจะช่วยให้เรามองเห็นขอบทาง ทั้งด้านซ้าย-ขวา มุมโค้งในจังหวะเลี้ยวโค้งเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
และเมื่อถึงคราวขับทดสอบรอบสนาม เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเหยียบทดสอบ สมรรถนะใดๆ ได้ทั้งสิ้น เนื่องจากพื้นที่ไม่ได้จัดเอาไว้ให้ลองเหยียบ หรือเข้าโค้งทำความเร็วใดๆ ได้ เริ่มต้นขับออกโค้งขวา ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นทางเนินที่มีความลาดชันสูง โดยในส่วนตรงนี้เมื่อให้ได้ทดสอบระบบ Hill Assist Start เพื่อเอาไว้ใช้ออกตัวในกรณีที่จอดติดบนทางลาดชัน ระบบจะช่วยรักษาแรงเบรกเอาไว้ 3 วินาที เมื่อลงจากเนินเสร็จขับตรงมาจะเป็นโค้ง U turn หลังจากนั้น ขับตามทางมาเรื่อย ก็จะพบพื้นที่ ที่ปล่อยน้ำเพื่อจำลองเหตุการณ์กรณีฝนตก ระบบ Auto Rain Sensor จะทำงานเมื่อมีน้ำอยู่ที่กระจกบานหน้า ระบบปัดน้ำฝน ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ โดยที่การจำลองฝนตก นี้จะเป็นกรณีที่ฝนตกหนัก เป็นอันสิ้นสุดการทดลองขับในวันนี้
ภณ เพียรทนงกิจ ผู้เขียน
ความคิดเห็น