สำหรับช่วงหน้าฝนแบบนี้ ยางรถยนต์ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรใส่ใจมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นรถหรูราคา 10 ล้าน หรือรถบ้านราคาหลักแสนก็ตาม สิ่งที่ยึดเกาะกับพื้นถนนนั้นล้วนเท่ากันหมด นั่นก็คือทุกคันจะมีพื้นที่แค่ประมาณ 4 ผ่ามือของหน้ายางที่สัมผัสอยู่กับพื้นถนน ซึ่งถือเป็นตัวกำหนดเส้นทาง ชีวิตและความปลอดภัยให้คุณได้ตลอดทาง ดังนั้นการเลือกยางนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ควรต้องใส่ใจในเรื่องคุณภาพมากกว่าจะมองเพียงแค่ ราคา และความสวยงามเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 8 -9 มิถุนายนที่ผ่านมาทางทีมงาน Autospinn ได้มีโอกาสไปสัมผัสกับสมรรถนะของยางที่ขึ้นชื่อเรื่องความ ประหยัด และนุ่มเยียบ จากแบรนด์ Michelin ในคลาสของรถยนต์นั่งในรุ่น Primacy 3 ST ซึ่งได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดย ยางMichelin Primacy 3 ST ใหม่ นั้นถือเป็นยางอีกหนึ่งรุ่นที่เน้นความนุ่มเงียบเป็นหลักแต่แฝงไปด้วยจุดเด่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อการขับขี่ที่เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะในการยึดเกาะถนนไปพร้อมกับความนุ่มนั่งสบาย ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมคือ Primacy LC ซึ่งเราจะได้ทดสอบขับเพื่อค้นหาความเหนือชั้นของยาง Michelin Primacy 3 ST ใหม่ ว่าจะแตกต่างและนุ่มเงียบสมคำล่ำลือมากน้อยแค่ไหน บนสถานีทดสอบทั้งหมด 4 Station
ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ Station ทดสอบกัน เรามาดูเทคโนโลยีที่ Michelin ได้พัฒนาขึ้นเพื่อความนุ่มเงียบและสมรถนะที่ยอดเยี่ยมเพิ่มมากขึ้นให้กับยาง Primacy 3ST ใหม่ กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
- เทคโนโลยีแรกคือนวัตกรรมของการออกแบบลายดอกยางด้านข้างที่มีขนาดแตกต่างกน หรือเทคโนโลยี Even Peak เพื่อช่วยกระจายคลื่นความถี่ของเสียงรบกวนออกและช่วยเพิ่มความเงียบได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของตัวอักษรย่อ ST ซึ่งหมายถึง Silence Tune ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นยางที่เน้นความนุ่มเงียบเป็นพิเศษ บวกกับอีก 3 เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี Cushion Guard คือการผสมผสานระหว่างเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูงเข้ากับแก้มยางที่นุ่มแต่มั่นคง ซึ่งจะช่วยดูซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมากยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี Flex Max คือการออกแบบล็อกดอกยางแบบตัดมุมเพื่อช่วยลดการโก่งตัวของดอกยางทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้มากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนรวมถึงระยะเบรกที่สั้นลงถึง 1.6 เมตรบนถนนเปียกหรือประมาณครึ่งคันรถเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
- เทคโนโลยี StabiliGrip ถือเป็นเทคโนโลยีสุดท้ายที่ Michelin ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อยาง Primacy 3ST นั้นคือการเสริมแทบยางพิเศษในร่องดอกยางเพื่อยดดอกยางแต่ละดอกไว้ด้วยกันเพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการบังคับควบคุมและเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทีนี้พอทราบถึงจุดเด่นและคุณสมบัติคร่าวของยาง Michelin Primacy 3 ST ใหม่ กันไปพอสมควรแล้วคราวนี้เราไปดูสมรรถนะที่ได้จากการทดสอบจริงกันเลย
1. Scenic Drive Station
โดยประเดิมที่สถานีแรกกับรถยนต์หรูระดับ Luxury ไปจนถึงในกลุ่ม Midsize Sedan อาทิเช่น Mercedes Benz S-Class , Lexus GS250 , Volvo S60 รวมถึง Toyota Camry ที่ใส่ยาง Primacy 3 ST ขนาดไซด์ 17 นิ้ว กับเส้นการขับขี่บนถนนทั่วๆไปรอบๆสนาม Bonanza ซึ่งจะมีทั้งถนนดำที่เต็มไปด้วยหลุมตลอดทางสลับกับถนนคอนกรีตในบางช่วงระยะทางกว่า 20 กม. เพื่อให้สัมผัสกับเทคโนโลยี Even Peak ที่ช่วยเพิ่มความนุ่มและเงียบในขณะที่ขับผ่านถนนในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งจากที่ได้ทดลองขับความ 20 นาที บนรถคันหรูอย่าง Mercedes Benz S-Class ซึ่งโดยส่วนหนึ่งแล้วตัวรถระดับนี้นั้นค่อนข้างจะนุ่มและเก็บเสียงได้ดีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงทดสอบเพื่อฟังเสียงด้วยการเปิดกระจกเพื่อพิสูจน์ความเงียบ ซึ่งก็พอสัมผัสถึงเสียงยางช่วง วิ่งผ่านรอยต่อของพื้นถนนที่เบามากจนต้องเงี่ยหูฟังกันเลยทีเดียว ส่วนในด้านของความนุ่มนั้นก็พอจับความรู้สึกได้นิดหน่อยกับแรงสะเทือนที่ส่งต่อมาถึงช่วงขาน้อยมากๆตอนที่ขับผ่านถนนฝุ่นลูกรัง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี Cushion Guard ที่เพิ่มเข้าไปนั้นช่วยให้ Michelin Primacy 3 STนุ่มและเงียบขึ้น แต่จะมากน้อยแค่ไหนต้องไปพิสูจน์กันต่อใน Station ต่อไป
2. Noise & Comfort Station
ในสถานีที่ 2 นี้ยังคงเป็นการทดสอบจุดเด่นในเรื่องความนุ่มเงียบของยาง Primacy 3 ST เหมือนเดิมเพียงแต่เพิ่มความชัดเจนด้วยการขับเปรียบเทียบกับยางคู่แข่งไซด์และขนาดเดียวกันที่ใส่อยู่ใน Toyota Camry 2 คัน พร้อมการวัดระดับเสียงเพื่อให้ดูความเงียบที่แตกต่างซึ่งใช้ App สำหรับวัด Noise เป็นตัววัดระดับเสียง โดยสถานีouhจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนบนพื้นแทร็กหน้าห้องคอนโทรลของสนาม คือในช่วงแรกจะให้วิ่งผ่านสายเคเบิ้ลที่ขึงไว้บนพื้นถนนที่ความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. เพื่อทดสอบแรงสั่นสะเทือน ก่อนจะให้เพิ่มความเร็วจนถึง 70 กม.ชม. ในช่วงทางตรงยาวๆแบบไร้สิ่งกีดขวางก่อนจะปิดแอร์และวัดระดับเสียงเพื่อพิสูจน์ความเงียบเปรียบเทียบกันกับยางคู่แข่งนั่นเอง
จากการได้ลองขับทดสอบปรากฎว่าในช่วงที่ขับผ่านสายเคเบิ้ลนั้นยาง Michelin Primacy 3ST ใหม่ให้ความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่น้อยกว่ายางคู่แข่งเล็กน้อยจากคุณสมบัติของเทคโนโลยี Cushion Guard และ Even Peak ซึ่งทำให้มีแรงสั่นสะเทือนที่น้อยกว่ายางคู่แข่ง เช่นเดียวกับระดับเสียงที่วัดได้ต่ำกว่าในช่วงทางตรงเรียบซึ่งมีกราฟแสดงผลจาก App. ไปตัวพิสูจน์ให้ได้เห็นกัน ก่อนจะจบการทดสอบในช่วงเช้าเพื่อพักทานอาหารก่อนจะกลับมาทดสอบกันต่อในอีก 2 สถานีที่เหลือซึ่งจะเป็นเน้นสมรรถนะในการขับขี่มากขึ้นในช่วงบ่าย
3. Dry Station
ช่วงบ่ายเริ่มต้นสถานีที่ 3 กับความกระฉับกระเฉงที่เพิ่มขึ้นด้วยการทดสอบขับ Honda Accord ใหม่รุ่นเครื่องวยนต์ 2.0 ลิตร ที่ใส่ยาง Michelin Primacy 3ST เปรียบเทียบกับยางคู่แข่งกว่าครึ่งรอบสนามที่ต้องใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงเช้า เพื่อให้เราได้สัมผัสกับสถานการณ์ต่างๆที่ทางทีมงานจำลองเอาไว้เป็นอุปสรรคย่อยๆใน Station นี้
โดยเริ่มจากจุดแรกคือด่าน Cornering&Lane Change หรือการขับเ ข้าโค้งพร้อมการเปลี่ยนเลนที่ความเร็วประมาณ 75 กม./ชม. ในช่วงโค้งขึ้นเขาสุดทางตรงของสนาม เพื่อให้สัมผัสถึงความแตกต่างในการยึดเกาะถนนของยางทั้ง 2 ชุดในรถรุ่นเดียวกัน เครื่องยนต์เท่ากัน
จากที่ได้ลองขับผ่านในด่านนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า ด้วยเทคโนโลยี StabiliGrib และ Flex Max ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับยาง Michelin Primacy 3ST ใหม่ นั้นสามารถยึดเกาะถนนในช่วงจังหวะที่ขับผ่านโค้งด้วยความเร็วต่อเนื่องได้อย่างเหนียวหยึบกว่ายางคู่แข่งขัดเจนแบบไม่มีอาการหน้าดื้อ (Under Steer) เหมือนกับยางคู่แข่งที่แสดงอาการนี้ให้เห็นจนระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถต้องเข้ามาช่วยดึงรถกลับมาในเส้นทาง
ต่อเนื่องใน Step ต่อมากับการทดสอบสมรถนะในช่วงหักเลี้ยวต่อเนื่องสลับซ้าย/ขวาแบบ Slalom ที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. นั้นตัวย่ง Primacy 3ST ให้ความรู้สึกถึงการชะลอตัวได้ดีกว่าเมื่อถอนคันเร่งตั้งแต่เริ่มต้นหักพวงมาลัยเข้าที่ไพล่อนตัวแรกและต่อเนื่องจนทำให้สามารถบังคับควบคุมรถได้ง่ายกว่ายางคู่แข่งซึ่งจะพุ่งเข้าไปเร็วกว่าด้วยเน้อยางที่ให้การยึดเกาะถนนน้อยกว่าจนทำให้ต้องเพิ่มความรวดเร็วในการหักพวงมาลัยเพิ่มมากกว่าเมื่อเทียบกับMichelin Primacy 3ST ซึ่งแน่นอนผลที่ได้คือการขับขี่ที่ปลอดภัยมากกว่าชัดเจนที่สัมผัสได้จากการขับขี่ใน Station นี้
4. Wet Station
ก่อนจะปิดฉากการทดสอบสมรรถนะของยาง Primacy 3ST ในวันนี้กันที่ Wet Station หรือสถานีทดสอบการขับขี่บนถนนเปียก ซึ่งทาง Michelin จำลองสถานการณ์เพื่อพิสูจน์การยึดเกาะถนนไว้ให้ทดสอบทั้งการเข้าโค้งแบบต่อเนื่องที่ความเร็วสูงถึง 65 กม./ชม. ตามด้วยการเปลี่ยนเลนกระทันหันหรือ Lane Change บนถนนแห้งและต่อเนื่องด้วยการเปลี่ยนเลนกระทันหันอีกครั้งบนแทร็กเปียกเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการรีดน้ำและการเกาะถนนที่ดีขึ้นจากเทคโนโลยี StabiliGrib และ Flex Max ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทดสอบเบรกฉุกเฉินบนถนนเปียกซึ่งจะมีสัญญาณไฟจราจรเป็นตัวบอกให้เราหยุดทันทีเมื่อล้อทั้ง 4 ล้อผ่านเข้าสู่พื้นแทร็กที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอย่างแรกคือยาง Primacy 3ST สามารถยึดเกาะถนนในช่วงโค้งที่ความเร็วได้ดีกว่ายางคู่แข่งจนไม่ต้องออกแรงต่อสู้กับพวงมาลัยจนถึงขั้นระบบ VSC ต้องเข้ามาช่วยเหมือนยางคู่แข่ง อีกทั้งยังสามารถรีดน้ำออกได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงถนนแห้งและให้อาการยุบตัวที่น้อยกว่าจนทำให้สามารถเปลี่ยนเลนกระทันหันได้อย่างปลอดภัยที่ความเร็วสูง
เช่นเดียวกับตอนเปลี่ยนเลนบนพื้นเปียก สุดท้ายคือระยะเบรกที่สั้นกว่าคู่แข่งเฉลี่ยประมาณ 2 - 3 เมตร ซึ่งสามารถสัมผัสเองได้จากสายตาที่ตรงกับผลการวัดระยะเบรกจากเครื่องมือทดสอบ V-Box ที่จะทำการวัดระยะเบรกจากพิกัด GPS ซึ่งก็ได้ผลไปในทิศทางเดียวกันเป็นตัวการันตีประสิทธิสิทธิภาพของยาง Primacy 3ST ใหม่
ยาง Michelin Primacy 3ST ใหม่ มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 15 - 19 นิ้ว พร้อมขนาดซีรี่ส์ยางที่มีให้เลือกมากถึง 25 รุ่น เหมาะกับรถยนต์ทั้งซีดานขนาดเล็กไปจนถึงยานยนต์ในแบบ Luxury Car กันเลยทีเดียว และด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น ทั้งความนุ่มเงียบและความปลอดภัย ..คุณไม่ควรพลาดกับยาง Michelin Primacy 3ST
เรื่องโดย อาณัติ สิทธิบุตร
ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/michelin-primacy-3st/M%20%2816%29.jpg.php
ความคิดเห็น