VDO รีวิว Nissan GT-R 2012 UK Spec ที่สุดของรถญี่ปุ่นที่หาได้ Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

VDO รีวิว Nissan GT-R 2012 UK Spec ที่สุดของรถญี่ปุ่นที่หาได้

Pon Piantanongkit
โดย Pon Piantanongkit
โพสต์เมื่อ 04 June 2556

Nissan GT-R หรือที่ถูกเรียกกันว่าเจ้าก๊อดซิลล่า เวอร์ชั่นตัวถังปัจจุบันนี้ ได้สืบทอดตำนานสายพันธุ์รถซิ่งอย่าง Skyline มากว่า 40 ปี ซึ่งในโมเดลนี้ได้ตัดคำว่า Skyline ทิ้งไป เหลือเพียงคำว่า GT-R ถึงแม้จะลบชื่อ Skyline ออกไป แต่ในส่วนของไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์อย่างไฟทรงกลมโดนัท 2 วง นั้นคงมีอยู่ เมื่อใครเห็นก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันคือ Skyline GT-R นั่นเอง

สำหรับ Nissan GT-R นั้นได้เปิดตัวสู่สาธารณะชนครั้งแรก ปี 2007 ที่ Tokyo Motor Show ประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็น 1st Japanese Supercar เลยก็ว่าได้ เพราะสมรรถนะระดับเจ้าก๊อดจิยัก คันนี้ ถึงแม้จะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่และน้ำหนักมากกว่ารถ Supercar สัญชาติยุโรปหลายรุ่น แต่อัตราเร่งอันร้อนแรงสุดขั้วของ Supercar แดนปลาดิบ คันนี้ไม่น้อยหน้า Supercar จากแดนมักกะโรนีเลยล่ะ การทำเวลาโชว์สมรรถนะในสนาม Nurburgring ก็ทำได้ติดอันดับต่อเนื่องและทำเวลาต่อรอบได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับสมญานามว่า Supercar killer และเป็นคู่แข่งตัดฉกาจของ Porsche 911 Turbo นอกจากนั้น GT-R ยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยมหลายสาขามากมายนับไม่ถ้วน อาทิ รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, รถสปอร์ตที่มีความคุ้มค่า, Supercar ยอดเยี่ยมแห่งปี รวมถึงการถูกบันทึกลง Guinness World Record 2011 ว่าเป็นรถยนต์ 4 ที่นั่งที่ทำอัตราเร่ง 0-60 mph ได้เร็วที่สุด

สำหรับคันที่ทาง Autospinn ได้นำมาทดสอบนี้ เป็น Nissan GT-R Euro (UK) Spec คันสีขาวมุก (Pearl White QAB) ปี 2012 ซึ่งทางเราได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ใจดีให้เราได้ยืมมาทดสอบ สำหรับเส้นทางนั้นเราได้นำรถมาวิ่งทดสอบกันบนเส้นทางยกระดับบางนา-ตราด วิ่งไปลงปลายทางยัง ชลบุรี ก่อนจะเก็บภาพกันเล็กน้อยบริเวณใต้สะพานกลับรถ แล้วจึงกลับรถวนกลับเส้นทางเดิม ก่อนจะวนเข้ามาเก็บภาพกันเพิ่มเติมที่เส้นบริเวณเรียบรันเวย์สุวรรณภูมิกัน

IMG_1822_resize

รูปลักษณ์สปอร์ต 4 ที่นั่งคงเดิมตามแบบฉบับ Skyline Nissan GT-R ตัว Minor Change ปี 2012 นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ Facelift มีจุดที่แตกต่างเล็กน้อย ได้แก่ กันชนหน้าแบบใหม่ที่มีการเสริมไฟ DRL แบบ LED ติดตั้งฝังเอาไว้ นอกจากนั้นบริเวณกันชนหน้ามีการพัฒนาในเรื่องของการระบายความร้อนให้แก่หม้อน้ำได้ดีขึ้น ในส่วนบริเวณด้านท้าย จะมี Rear Diffuser เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะช่วยเพิ่มในเรื่องของแรง Down Force และยังช่วยลดค่า cd ให้ลดลงอีกด้วยจากเดิม 0.27 เหลือ 0.26 ด้านท้ายมีการเพิ่มในส่วนของช่องระบายความร้อนด้านหลัง สำหรับล้ออัลลอยขอบ 20” ออกแบบลายใหม่แบบ 10 ก้าน โดย RAYS หน้ากว้าง 9.5” ในล้อคู่หน้า และกว้าง 10.5” ล้อคู่หลัง ผลิตจากอลูมีนัมฟอร์จ ให้น้ำหนักเบาขึ้น ถูกหุ้มด้วยยาง Dunlop รหัส SP Sport Maxx GT 600 DSST CTT ขนาดยางคู่หน้า 255/40ZRF20 และ 285/35ZRF20 ในคู่หลัง ถือเป็นยาง Run Flat สมรรถนะสูง ซึ่งใช้การเติมลมยางแบบไนโตรเจน

IMG_1840_resize

ห้องโดยสารภายใน เป็นแบบ Black Edition โทนสีดำ ตัดแซมสีแดงบริเวณขอบเบาะ, หัวเกียร์ และมือจับประตู เบาะหนังแบนด์ยอดนิยม Recaro ปรับด้วยไฟฟ้า แผงคอนโซลกลางวัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ให้ความดิบและดูดุดัน มีปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติที่แยกได้อิสระซ้าย-ขวา ด้านจอแสดงผล WVGA แสดงผลข้อมูลแบบอัจฉริยะของจริง ซึ่งไม่ต้องไปติดเกจ์วัดมากมายให้รกเกะกะกันเสียเปล่า เพราะสามารถแสดงผลได้อย่างหลากหลายค่า ทั้ง แรง G, Steering ความ Linear ของพวงมาลัย, Boost, % การเหยียบแป้นคันเร่ง และเบรก ฯลฯ อีกมากมายที่ดูกันแทบไม่จะไม่หมดทุกค่า รวมถึงการปรับแต่งตั้งค่าแสดงผลได้เองแบบ Custom แล้วยังมีนาฬิกาจับเวลาให้อีกด้วย

สำหรับหน้าจอนี้จะถูกเชื่อมต่อกับกล้องมองหลังเมื่อเข้าเกียร์ R จอแสดงผลจะตัดไปยังตำแหน่งกล้องมองภาพหลังทันที ทำให้การกะระยะถอยหลังกับเจ้าก๊อดจิยักษ์ ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านหุ้มหนัง มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางด้านซ้าย และรับสายโทรศัพท์ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ด้านขวามีปุ่มควบคุมความเร็วคงที่

IMG_1859_resize

พละกำลังเครื่องยนต์ จากขุมพลังหัวใจแบบ V6 ขนาด 3,799cc twin-turbocharged รหัส VR38DETT ซึ่ง GT-R รุ่นปี 2012 นั้น แรงม้านั้นถูกอัพเกรดเพิ่ม 550hp @6400rpm ซึ่งอัพเกรดเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีเพียง 530hp ในส่วนแรงบิดอยู่ที่ 632 Nm @3200rpm อัตราเร่งตามสเป็ก 0-100 กม./ชม. ได้ 2.88 วินาที และ Top Speed 196 ไมล์/ชม. (315 กม./ชม.)

สำหรับความแตกต่างจากรุ่นปีก่อนหน้านั้น ได้มีส่วนที่ปรับปรุงเพิ่มพอสมควร ทั้ง Remap ECU ใหม่ มีการปรับปรุงช่องทางเข้าฝั่งไอดี และปรับปรุงในด้านทางเดินระบบไอเสีย นอกจากนั้นยังมีการปรับตั้งองศาวาล์วไทม์มิ่งใหม่ และมีปรับปรุงระบบระบายความร้อนวาล์วท่อไอดี ซึ่งจะส่งผลให้การตอบสนองต่อคันเร่งดีขึ้น และให้กำลังมากขึ้นในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่างๆ จึงทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้น

แต่จากการทดสอบจับเวลา 0-100 โดยไม่ออก Launch Control (เกรงใจเจ้าของรถ) จึงทำได้ที่ราว 4 วิปลาย Top Speed ที่ลองได้ บนเส้นยกระดับบางนา-ตราด ทำได้ราว 270 กม./ชม. รอบเครื่องอยู่ที่ ประมาณ 5700rpm + เล็กน้อย ดูจากกำลังเครื่อง ยังมีเรี่ยวแรงเหลือ อยู่อีก คาดว่า น่าจะมีให้เห็น 300 + ถ้าถนนมีพอให้วิ่ง การขับขี่อรรถรส มีมาให้แบบเต็มที่ เพียงแค่กระแทกคันเร่งลงมิด เข็มรอบเครื่องยนต์ก็ตวัดกวาดรอบขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ซุ่มเสียงเครื่อง Twin Turbo ฟังแล้วออกแนวทุ้มๆ ไม่แสบบาดหูนัก แต่ดุดันได้ที่ แรง G Force มีมาใหให้สัมผัสตั้งแต่รอบ 3000rpm ขึ้นไป และหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนที่ราว 5000rpm ซึ่งน่าจะทำให้คนนั่งโดยสารเสียวสันหลังเอาได้เหมือนกัน เท่าที่ได้ลองพบว่าอัตราตีนต้น ดี มาไวมากๆ ยิ่งดูตามสเป็กแล้ว ทำได้ดีไม่แพ้ Lamborghini Gallardo หรือ Ferrari F430 อย่างแน่นอน แต่จากความเร็วในย่าน 200 กม./ชม. ขึ้น คิดว่าขึ้นแบบเรื่อยๆ ไม่จัดจ้านเหมือนต้นแล้ว เนื่องจากจำนวนกระบอกสูบน่าจะสู้พวก Supercar เครื่อง V8 หรือ V10 ไม่ได้ แต่ต้นนี่ต้องถือว่า จี๊ดจ๊าด ได้ใจมากจริงๆ

IMG_1846_resize

ระบบขับเคลื่อน AWD แบบ Full time ATTESA E-TS เพลากลางในการส่งถ่ายระบบขับเคลื่อนมายังล้อทั้ง 4 ใช้วัสดุคาร์บอน จึงทำให้มีความแข็งแรงและ น้ำหนักเบา ในส่วนระบบช่วยเหลืออย่าง Traction Control เป็นกลไก Electronic ซึ่งควบคุมการทำงานได้อย่างชาญฉลาด การออก Launch Control จะไม่มีการฟรีทิ้งเหมือนรถเกียร์ Manual อย่างแน่นอน นอกจากนั้นระบบควบคุมเสถียรภาพ VDC (Vehicle Dynamic Control) ซึ่งมีให้เลือกใช้ 3 โหมด ได้แก่ Racing การถ่ายทอดระบบขับเคลื่อนถูกปรับถ่ายไปยังล้อคู่หน้า-หลัง อย่างสมดุลเพื่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนสูงสุด , Normal เป็นการเปิดระบบ VDC แบบปกติซึ่งตามความเหมาะสม กับการทำงานของระบบเบรกในแต่ละล้อ และการประสานการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างสัมพันธ์กัน, Off คือการปิดระบบ VDC ช่วยทิ้งทั้งหมด ซึ่งหากจะเล่นโหมดนี้ อาจต้องคิดดูให้ดี การปิด VDC กับรถน้ำหนักตัวราว 2 ตัน กับแรงม้าถึง 550 ตัว ควรหาที่เล่นที่อย่างปลอดภัย

IMG_1838_resize

ระบบส่งกำลัง เกียร์เป็นแบบ 6 Speed Semi Auto Dual Clutch พร้อมระบบควบคุมเกียร์ด้วย Paddle Shift ซึ่ง สามารถปรับได้ 3 โหมด Racing จะทำให้คุณสัมผัสอรรถรสของความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์อย่างแท้จริง เหมือนขับรถเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง F1 โดยเทคโนโลยีของเกียร์ลูกนี้ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้รวดเร็วเพียง 0.15 วินาที ถ้าคุณขับแบบใช้งานทั่วๆไป Normal เป็นโหมดที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ได้อย่างนุ่มนวล และ Save สำหรับพื้นที่มีความลื่นสูง อย่างพื้นผิวบนหิมะ และเทคโนโลยีของชุดเพลาส่งกำลังขับเคลื่อนมายังล้อคู่หลังแบบอิสระ ถือเป็นที่แรกของโลกอีกด้วย

การตอบสนองของระบบเกียร์ เมื่อขับขี่แบบเนิบๆ ค่อยๆ ไป ในโหมด Auto เกียร์ก็ฉลาดเรียนรู้ที่จะขึ้นเกียร์ให้เร็ว เพื่อประหยัดและนุ่มนวล โดยที่ขับที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ก็สามารถขึ้นให้ถึงเกียร์ 6 แต่ถ้ากระแทกคันเร่งเข้าไปล่ะ ก็ เกียร์จะลากเข้าไปจนถึง 7000rpm ตัดขึ้นแถวๆ Red line ให้ความต่อเนื่องและรวดเร็วแบบรถแข่งสนาม ซึ่งถ้ายิ่งใช้โหมด R ของ Transmission ด้วยแล้ว ประสิทธิภาพการทำงาน จะออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นอีกด้วย อย่างในตอนที่ลองเหยียบดูอัตราเร่ง เกียร์ขึ้นได้รวดเร็วมาก และจังหวะเปลี่ยนขึ้นเกียร์นั้นชิดต่อเนื่องมากๆ หลังกระชากติดเบาะ ต่อโดยที่ยังไม่ทันได้ผ่อนออกจากพนักพิงหลังเลย

IMG_1819_resize

ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง เป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็น Double Wishbone พร้อมแขนยึดอลูมีนัม ด้านหลังเป็น Multi-Link พร้อมแขนยึดอลูมีนัม จากแบรนด์ Blistein แบบ DampTronic มาพร้อมกับสวิทช์ปรับโหมดให้เลือกปรับได้ 3 โหมด ได้แก่ Racing สำหรับขับใน Track ซึ่งจะช่วยในการยึดเกาะถนนในโค้งได้ดียิ่งขึ้น ,Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไปที่ยังคงต้องการความดุดันในด้านสมรรถนะอยู่บ้าง, Comfort เหมาะกับการขับขี่ใช้งานในตัวเมือง หรือต้องการขับขี่แบบชิลๆสบายๆ เพราะจะช่วยดูดซับแรงสะเทือนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากการขับขี่ใช้งานของเรา ขับขี่บนถนนทั่วไป เซ็ตไว้ที่ Comfort เนื่องจาก พื้นอันแสนตะปุ่มตะป่ำ และลูกระนาด ที่คอยกวนใจเจ้าก๊อดจิสุดหล่อทุกครั้งไป การเซ็ตเป็น Comfort เพื่อให้มีการดูดซับแรงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ด้วยยาง ที่มีแก้มเพียง 35มม. ในล้อคู่หลังทำให้ ความนุ่มนวลดีที่สุดที่ทำได้นั้นยังถือว่า กระด้างไปอยู่ดี เมื่อไม่ได้ขับใน Track และเมื่อขับที่ความเร็วสูงขึ้น การปรับเซ็ตให้เข้าในโหมด R ช่วงล่างจะแข็งและแน่นขึ้นแบบสัมผัสได้ ในช่วงที่เราลองพยายามหา Top Speed บนทางยกระดับบูรพานั้น ในบางช่วงถนนที่เป็นลอนคลื่นลงไป ความรู้สึกหนักแน่นของช่วงล่างนั้น ดูจะมีความยืดหยุ่นต่ำลงมาก เหมือนรถจะเหินๆ ลอยๆไปทั้งคันเมื่อ ผ่านคลื่นลอนแต่ละคลื่นที่ความเร็ว

IMG_1816_resize

ระบบเบรกจากแบรนด์สุดฮิต Brembo ด้านหน้าคาลิปเปอร์แบบ 6 ลูกสูบจานใหญ่สะใจ 15.4” (แต่เมื่ออยู่ในล้อ 20” แล้วรู้สึกว่าไม่ได้ใหญ่เลย) และด้านหลังแบบ 4 ลูกสูบ 15” มาพร้อมกับ ด้านหน้า 2 ชิ้น Floating Rotor และ ระบายความร้อนหลังแบบ diamond pattern

การเบรกใช้งานแป้นตอบสนองค่อนข้างรวดเร็วทันใจเพียงปลายเท้า ระยะแป้นเบรกไม่ลึกมากนัก หนึบแน่นใช้งานบนถนนได้ทันท่วงที เมื่อขับมาเร็วและต้องการลดความเร็งลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่า ถ้าขับกันแบบโหดๆ อย่างต่อเนื่องแบบในสนาม หรือ ขับซัดเอาบ่อยๆ คาดว่าเบรกแบบเดิมๆ จากโรงงานนี้เจ้า GT-R คงกินผ้าเบรก ลงอย่างเร็วแน่ๆ หรือดูๆ คาลิปเปอร์ 6 สูบ อาจไม่พอแน่ กับการพยายามหยุดม้าที่มากกว่า 500 ตัวกับน้ำหนักตัวรถราว 2ตัน ยิ่งกับคนเท้าหนักด้วยแล้ว ดูจะไม่เพียงพอ

IMG_1847_resize

ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัย แบบ Vehicle-speed-sensitive power steering ถือเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงไฮโดรลิก ซึ่งมีน้ำหนักแฮนด์ลิ่งมากพอตัว เนื่องจากล้อที่มีขนาด 20” และหน้ากว้างล้อถึง 9.5” จึงทำให้พวงมาลัยมีความหนักตามแรงเสียดทานของยาง ในช่วงขับออกตัวที่ความเร็วต่ำ แต่เมื่อขับใช้งานที่ความเร็วระดับหนึ่ง กลับไม่ได้รู้สึกเบาอย่างที่เป็นอีกต่อไป พวงมาลัยตอบสนองในวงเลี้ยวได้รวดเร็ว แม่นยำในระดับที่พวงมาลัยเพาเวอร์ไฮโดรลิก วงหนึ่งจะให้ได้ จากอัตราทดของพวงมาลัย ที่หักองศาในการเลี้ยวเพียงเล็กน้อยก็ตอบสนองต่อการควบคุมได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำแก่การขับขี่ในแบบสปอร์ต มีความว่องไวสูง และเมื่ออยู่ในโหมดการขับแบบ Racing น้ำหนักความหนิดของพวงมาลัยจะหนักเพิ่มขึ้นอีกเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูงยิ่งขึ้น

IMG_1826_resize

สรุป Nissan GT-R สุดยอดรถในฝันของใครหลายคน ที่อยากจะขับ Supercar ในราคาไม่ถึง 10 ล้าน (ราคาราว 8 ล้านบาท) แต่สมรรถนะตามชื่อ Supercar Killer ความไฮเทคในตัวรถมีมาให้แบบสมราคา แต่ความหรูหรา คงหาได้ยากกับสไตล์การตกแต่งออกสปอร์ตดิบๆ การขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันถือว่าไม่ยากจนเกินไป ขับชิลๆ แบบหล่อๆ ได้สบาย หากคุณเปิดไฟเลี้ยวขอเข้าแทรก BMW 5-Series F10 จะต้องหลีกทางหลบให้คุณเข้า มันสามารถเป็น Everyday use ได้ หากไหวกับค่าน้ำมัน รวมถึง ขนาดตัวเจ้าก๊อดจิขนาดเทอะทะ

ขอขอบคุณเจ้าของรถ คุณณัฐวดี ศิริวชิรา บริษัท สยามโปรดักส์แอร์คอนดิชั่น จำกัด โรงงานผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ Unimaster และรับทำเครื่องปรับอากาศ OEM

ภณ เพียรทนงกิจ ผู้เขียน

ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/2012-Nissan-GTR-TestDrive/


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ