[VDO] ขับทดสอบ All New Toyota Vios รอบสื่อมวลชน เส้นทางกรุงเทพฯ - ชะอำ Share this
วิดีโอรถยนต์
โหมดการอ่าน

[VDO] ขับทดสอบ All New Toyota Vios รอบสื่อมวลชน เส้นทางกรุงเทพฯ - ชะอำ

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 30 June 2556

สำหรับช่วง MT-Check up ในวันนี้เราจะคุณไปทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ Compact City Car ยอดฮิตโมเดลใหม่ล่าสุดใน Generation ที่ 3 กับ Toyota Vios ในการทดสอบรอบสื่อมวลชนก่อนใคร บนเส้นทาง กรุงเทพ - ชะอำ

ซึ่งต้องขอขอบคุณ บริษัท Toyota Motor ประเทศไทย ที่ได้เชิญเรามาร่วมทดสอบเป็นกลุ่มสื่อมวชลกลุ่มแรก โดยรถที่นำมาทำการทดสอบนั้น ประกอบด้วย รุ่น G และ รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ กว่า 16 คัน โดยใน รุ่น 1.5 G นั้นราคา 699,000 บาท ส่วนรุ่น 1.5 S นั้นค่าตัวจะอยู่ที่ 734,000 บาท

Design&Interior

ภายนอกสปอร์ตเต็มพิกัดในคราบ City Car ที่ทาง Toyota ได้ออกแบบและดีไซน์ภายนอกแบบใหม่หมด จนสวยงามโดนใจใครหลายๆ คน เมื่อเทียบกับโมเดลก่อน บนตัวถังที่ยาวขึ้น 110 มม. และความสูงขึ้น 15 มม. ซึ่งจุดเด่นหลักๆอยู่ที่การเน้นในด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถด้วยการดีไซน์หลังคาแบบ Catamaran โดยจะมีแนวเส้นสันหลังคาที่ยกสูง 2 เส้นเอกลักษณ์เฉพาะของ New Vios ที่ช่วยลดแรงปะทะของลมและช่วยเพิ่มค่า Down Force ที่ช่วยเสริมทั้งความหล่อพร้อมเพิ่มสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น ด้วยค่า (cd) ที่ต่ำเพียง 0.286

ซึ่งรถคันที่ทาง Toyota ได้นำมาให้ทดสอบนั้น มี 2 รุ่น คือ S และ G ซึ่งสังเกตุง่ายๆ คือรุ่น G ไฟหน้าจะเป็นแบบโปรเจ็คเตอร์เลนส์ใสสไตล์หรู ส่วน รุ่น S ไฟจะเป็นแบบรมดำดีไซน์สปอร์ต พร้อมไฟตัดหมอกในรุ่น S ตัวท็อป สุดท้ายคือล้ออัลลอยจนาด 16 นิ้วแบบรมดำ นั้นจะอยู่ใน รุ่น S พร้อมยาง Bridgestone Turanza 195/50/16 ส่วนในรุ่น G จะเป็นแม็กขอบ 15 รัดด้วยยาง Yokohama db 185/60/15

ภายในห้องโดยสาร ในรุ่น S ภายในถูกตกแต่งด้วยโทนดำกับเบาะลายพิเศษเพียงรุ่นเดียว ส่วนรุ่นที่เหลือจะมีโทนสีเบจ และดำธรรมดา ส่วนสิ่งที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกคือแผงมาตรวัดที่ย้ายจากกลางคอนโซลหน้ามาอยู่ที่ตำแหน่งคนขับเหมือนปกติ พร้อมเสริมอารมณ์สปอร์ตด้วยมาตรวัดสีแดง เฉพาะใน รุ่น S นอกนั้นจะเป็นสีน้ำเงิน

ส่วนพื้นที่ห้องโดยสารนั้นถือว่ายาวและนั่งได้สบายขึ้นพร้อมบรรยากาศที่เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่ปรับอุณหภูมิ และความแรงโดยใช้มือหมุนที่กรอบ (เฉพาะ S และ G), พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังที่ดูดีขึ้นมาก เดินด้ายสีน้ำเงิน เสริมความสปอร์ต และ ยังมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงให้อีก (เฉพาะ S และ G) และสำหรับรุ่น S ที่เป็น กุญแจแบบ Keyless จะมีปุ่ม Push Start ฝังมาให้ อยู่ข้างๆ กับปุ่มปรับกระจกมองข้าง ที่ฝังอยู่บริเวณ Trim ด้านขวามือ

Engine&Performance

ส่วนขุมพลังใต้ฝากระโปรงนั้นยังคงใช้บล็อกเดิมซึ่งใช้มาตั้งแต่ Vios โฉมแรก รหัส 1NZ-FE แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผัน VVT-I ความจุ 1,497 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดอีก 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที

ซึ่งมีการปรับปรุงเพิ่มเติมหลายจุดไม่ว่าจะเป็นการเสริมยางแท่นเครื่องเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนลงจากเดิม และเพิ่ม Eco Mode เพื่อช่วยให้ประหยัดขึ้น พร้อมคันเร่งไฟฟ้าที่เน้นความนุ่มนวลในช่วงออกตัวจนรู้สึกว่าคันเร่งค่อนข้างแข็งมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน เรียกว่าเน้นประหยัดเป็นหลัก พร้อมตัวเลขปริมาณไอเสียที่น้อยลงระดับ Euro 4

ส่วนระบบส่งกำลังนั้นยังใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 Speed แบบเดิมแต่มีการปรับจูนเพิ่มให้ตอบสนองได้นุ่มนวลและเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น ที่รอบต่ำ เน้นขับแบบ Eco แต่เมื่อ Kickdown ลงเต็มเท้ารอแปปนึง รอบเครื่องตวัดลากรอบเครื่องยนต์ได้ราว 6,200 รอบ/นาที โดยทางโรงงานได้เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 11.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นทำได้ 179 กม./ชม. พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ที่ระดับ 16.1 กม./ลิตร เลยทีเดียวสำหรับ New Vios

Handling&Ride&Brake

ส่วนแฮนด์ลิ่งในการขับนั้น Vios ใหม่ ใช้พวงมาลัยแบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ซึ่งให้น้ำหนักที่แน่นและมั่นคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นชัดเจนในทุกย่านความเร็ว แต่ในช่วงความเร็วต่ำดูออกจะหนักไปหน่อยจากอัตราทดพวงมาลัยที่มากขึ้น และทำให้ลดความคมฉับไวลงไปด้วย ซึ่งสอดคล้องไปในทางเดียวกับการปรับจูนเครื่องยนต์และเกียร์ ที่ให้ความนุ่มนวล และการตอบสนองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่แลกมากับความมั่นคงในการขับขี่ด้วย

พร้อมช่วงล่าง ด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงซึ่ง ดูตามสเป็กก็แบบเดิมเป๊ะ แต่การขับขี่ฟิลลิ่งนั้นต่างไปในทางดีขึ้นพอสมควรเลย เพราะมีการเสริมเหล็กกันโคลงตัวถัง และทอร์ชั่นบาร์ใหม่ รวมถึงเสริมบาร์ในด้านห้องสัมภาระท้ายเข้าไปอีกเป็นเหมือนค้ำตัวถังด้านหลัง และการเสริมบริเวณค้ำตัวถังด้านล่าง นอกจากนั้นมีการปรับจูนโช้คอัพใหม่ให้มีช่วง Rebound ที่ดียิ่งขึ้น ทำให้การซับแรงกระแทก และการตอบสนองต่อสภาพถนนสุดแย่ในบ้านเรา ทำได้ออกมาดีในสไตล์นุ่มนวล

และปิดท้ายด้วยระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ที่มีให้ทั้งในรุ่น S และ G ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วน Brake Booster Vaccuum Ejector Control จนกลายเป็นจุดเด่นที่ประทับใจที่สุดใน Vios ใหม่ ซึ่งให้การตอบสนองที่แป้นเบรกได้รวดเร็ว และหนึบแน่นไว้ใจได้เลย การขับช่วงแรก ยังไม่ชินน้ำหนักเท้า เล่นเบรกจึกหน้าทิ่มเอาเหมือนกัน เมื่อกะน้ำหนักเท้าในการลงแป้นเบรกได้ที่แล้ว การเบรกจึงนุ่มนวลขึ้นหน่อย และที่สำคัญมันหนึบขึ้นมากกกกก! ซึ่งทำได้ดีเกินรถในระดับ Sub-Compact ด้วยกัน จนต้องเทียบว่าทำได้ดีไม่แพ้ C-Segment หลายรุ่น

ซึ่งสาเหตุของเบรกที่ดีนั้น มีผลจากการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วน Brake Booster Vaccuum Ejector Control

Tester Verdict

สรุป All New Toyota Vios Have It All ถือเป็นรถ City Car ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัวกับการขับขี่แบบ เน้นความนุ่มนวล ถึงแม้ว่า เครื่อง, เกียร์, ช่วงล่าง จะยกชุดจากตัวเดิมมาก็ตาม แต่มันไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ตาเรามองเห็นเท่านั้น เพราะ Vios ใหม่ยังดีขึ้นในหลายๆจุด ทั้งมาตรฐานไอเสีย ความประหยัด และที่สำคัญคือระบบเบรกยอดเยี่ยมน่าประทับใจที่สุด บวกกับออฟชั่นที่มีให้แบบไม่น้อยหน้ารถยนต์ Compact ค่ายอื่น และสุดท้ายคือข้อดีที่ไม่เคยเปลี่ยนกับความเป็นแบรนด์ Toyota ที่เน้นความคุ้มค่าคุ้มราคา ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ Toyota น่าจะกลับมาชิงส่วนแบ่งในกลุ่ม B-Segment คืนความเป็นเจ้าตลาดอย่างแน่นอน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ