หลังจากทำการวิจัยและพัฒนามายาวนานนับสิบปี ในที่สุด BMW ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าโปรดักชั่นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์อย่าง 2014 i3 พร้อมกับมีแผนการเผยโฉมรถสปอร์ตพลังไฟฟ้า i8 ในอนาคตอันใกล้ต่อไป
BMW i3 ถือเป็นรถโปรดักชั่นรุ่นแรกในโลกที่ใช้โครงสร้างห้องโดยสารทำด้วยพลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งมีน้ำหนักเบาหวิวแต่ให้ความทนทานเท่ากับเหล็กทั่วไป ทำให้น้ำหนักตัวถังของ i3 อยู่ที่เพียง 1,225 กก.เท่านั้น ถือว่าเบามากเมื่อเทียบกับรถพลังไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf ซึ่งมีน้ำหนักตัวถึง 1,500 กก.
โมดูลขับเคลื่อนของ i3 ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 22 กิโลวัตต์ชั่วโมงและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ใต้ห้องโดยสาร มีพละกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ 170 แรงม้า แรงบิด 184 ฟุตปอนด์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แบบซิงเกิลสปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง
i3 ยังมีรุ่นที่ใช้ระบบขยายระยะทางขับเคลื่อน โดยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2 สูบ ความจุ 650 ซีซี ทำหน้าที่ผลิตกำลังไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนล้อของ i3 แต่อย่างใด ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Chevrolet Volt
สำหรับ i3 รุ่นพลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบสามารถขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. แต่ถ้าเป็น i3 แบบมีระบบขยายระยะทางขับเคลื่อนจะแล่นได้ราว 320 กม. จนกว่าจะเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่
ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับได้สามแบบ คือ Comfort, ECO PRO และ ECO PRO+ ซึ่งแต่ละโหมดจะควบคุมการทำงานระบบขับเคลื่อนและระบบปรับอากาศเพื่อสงวนพลังงานไฟฟ้่าให้ใช้ได้ไกลที่สุด ขณะที่ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ยังช่วยคำนวณระยะทางและสามารถแนะนำให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดที่เหมาะสมเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้อีกด้วย
สำหรับมิติตัวถังมีขนาดใกล้เคียงกับรุ่น 1-Series รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางและเน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ล้ออัลลอยใช้ขนาด 19 นิ้วหุ้มยางแรงเสียดทางต่ำขนาด 155/70-19
ในห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีพื้นแบนราบ มีเนื้อที่ค่อนข้างมากทั้งในแนวกว้างและแนวสูงใกล้เคียงกับ 3-Series ขณะที่การตกแต่งเน้นความหรูหราซึ่งทาง BMW ระบุว่า ค็อกพิทของ 2014 i3 มีบรรยากาศระดับพรีเมียมเทียบเท่ากับรุ่น 5-Series โดยใช้ไม้ยูคาลิปตัสบนแผงแดชบอร์ดเพื่อให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ นอกจากนี้ วัสดุในการตกแต่งราว 25% ยังเป็นวัสดุรีไซเคิล
ความคิดเห็น