ช่วง Maxx Drive ในสัปดาห์นี้เราจะพาทุกท่านพบกับยานยนต์ในแบบซีดานที่มีความเป็นมาที่ยาวนานและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 40 ปี ของรถ Compact Sedan ยอดนิยมตลอดการอย่าง Honda Civic ซึ่งเราจะพาคุณย้อนรอบไปดูวิวัฒนาสูนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ โมเดลแรกจนถึงรุ่นปัจจุบันที่เพิ่งตัวกันไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว
ซึ่งยนตรกรรมจากค่าย Honda ที่ชื่อว่า Civic นั้นถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เคียงคู่กับธุรกิจยานยนต์ของ Honda ทั่วโลกมายาวนานกว่า 40 ปี และถือเป็นนวัตกรรมยานยนต์รุ่นแรกๆ ที่ Honda นำเข้าสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปี 2011 โดยมียอดจำหน่ายรวมทั่วโลกของ Honda Civic สูงกว่า 20,700,000 คัน เลยทีเดียว
นอกจากความเป็นมาที่ยาวนานของ Honda Civic ในตลาดโลกแล้ว Civic ยังเป็นหนึ่งในรถเพียงไม่กี่รุ่นที่มีความผูกพันธ์กับคนไทยมาตั้งแต่ยุคแรกๆ โดยทาง Honda ได้ฤกษ์เปิดตัวในโมเดลแรกในปี 1972
และถือเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายยานยนต์ของ Honda Civic รถยนต์ Sub Compact ให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในรหัสตัวถัง SB1 ที่มาพร้อมกับตัวถังขนาดกระทัดรัดที่มีให้เลือกตั้งแต่รุ่น 2 ประตูไปจนถึง 5 ประตูและแบบ Stationwagon โดยใช้เครื่องยนต์เล็กขนาดความจุ 1.2 และ 1.5 ลิตร ซึ่งพร้อมกับแรงม้าเพียง 50 แรงม้า ในเวอร์ชั่นแรกๆ ก่อนจะขยับความแรงเพิ่มเป็น 60 แรงม้าในรุ่นสุดท้ายจากทั้งหมด 7 รุ่นในโมเดลนี้
ก่อนจะเปลี่ยนสู่โมเดลที่ 2 รหัส SL ที่เปิดตัวในปี 1979 ซึ่งมีพื้นฐานไม่แตกต่างจากรุ่นแรกนักและผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น บนตัวถัง 4 แบบไล่ตั้งแต่ 3 ,4 และ 5 ประตูรวมถึงแบบแวน โดยในโมเดลนี้จะไม่มีตัวถังแบบ 2 ประตูเหมือนกับโมเดลแรก ซึ่งในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับขุมพลังขนาด 1.3 และ 1.5 ลิตร ที่ให้แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า ตามลำดับพร้อมระบบเกียร์ที่มีการพัฒนามาเป็นแบบ 3 สปีด และยังมีแบบ 2 สปีดเหมือนเดิมให้เลือก พร้อมด้วยเกียร์ธรรมดาทั้ง 4 และ 5 เกียร์ให้เลือกอีกด้วย
เจนเนอเรชั่นที่ 3 รหัส AG ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี ซึ่งรุ่นนี้เองที่ทำให้คนไทยได้รู้จักกับ Honda Civic กันอย่างแพร่หลายเป็นครั้งแรก ที่มาพร้อมกับขุมพลังบล็อกเดียว คือ 1.5 ลิตร และมีเกียร์ให้เลือก 2 แบบ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีดเท่านั้น บนตัวถัง 4 แบบ ทั้ง hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู
ต่อมาในเจนเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นปี 1988 รหัส EF หรือที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่ารุ่นไฟ 2 ชั้น และถือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกรุ่นนึงในบ้านเราด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียวประกอบขุมพลังที่มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ 1.3 1.4 1.5 จนถึง1.6 ลิตร ส่วนสเป็คบ้านเรานั้นจะเป็นเครื่อง 1.5 แบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้ต่อมาจนถึงโมเดลที่ 5 พร้อมด้วยความหลากหลายของตัวถังที่มีถึง 4 แบบ และระบบเกียร์ที่มีทั้งแบบอัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดาทั้ง 4 และ 5 สปีดและยังมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือกด้วย ซึ่งในโมเดลถือเป็นรุ่นที่มีความหลากหลาย และมีเครื่องยนต์ที่ทนทาน ที่ปัจจุบันยังสามารถพบเห็น Civic โฉมนี้วิ่งบนท้องถนนได้อยู่ไม่น้อยแม้จะเลิกผลิตไปถึง 20 ปีแล้ว
โมเดลที่ 5 รหัส EG หรือโฉมเตารีด ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 ทั้งรุ่น 3 ประตูและ 4 ประตู และโมเดลนี้ยังมีตัวถังแบบ 2 ประตูคูเป้ให้เลือกอีกครั้งหลังจากที่หายไปตั้งแต่โมเดลแรก ที่มากับขุมพลังแบบคาร์บูเรเตอร์ความจุ 1.5 ในรุ่นแรกก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเครื่อง 1.6 หัวฉีดในปี 1993 เฉพาะที่ขายในบ้านเรา ส่วนที่ญี่ปุ่นจะมีบล็อก VTEC ตัวแรงรหัส B16A พร้อมระบบเกียร์ที่มีให้เลือก 2 แบบเท่านั้น คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ซึ่งในโมเดลนี้นับเป็นรุ่นที่มีดีไซน์ที่ฉีกไปจากโมเดลแรกๆด้วยการใช้เส้นสายที่โค้งมนเข้ามาแทนที่รูปทรงเหลี่ยมแบบรุ่นก่อนๆ และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมจากสาวก Civic ที่นิยมนำมาตกแต่งกันหลากหลายสไตล์ ทั้งในรุ่น 2 ประตู 3 ประตู Hatchback และ 4 ประตูที่ยังมีให้เห็นบนท้องถนนบ้านเราอยู่มากมายกว่ารุ่นอื่นที่มีอายุเกิน 20 ปีขึ้นไป
จากนั้นในปี 1996 - 2000 เป็นคิวของ Civic ตาโตรหัส EK ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่มีทั้งหมด 5 รุ่น บนตัวถัง 5 แบบ ตั้งแต่ 2 ประตู คูเป้, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู โดยในบ้านเราจะมีจำหน่ายแค่ 4 ประตูกับรุ่นคูเป้เท่านั้น ซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังความจุ 1.6 ลิตร และระบบเกียร์ 2 แบบคือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
ต่อมาในเจนเนอเรชั่นที่ 7 รหัส ES หรือที่เรียกว่ารุ่น Dimension ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีของขุมพลังแบบ i-VTEC เป็นรุ่นแรก พร้อมกับความหลากหลายของขุมพลังที่มีให้เลือกตั้งแต่ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลัง 3 แบบคือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด บนตัวถังที่มีทั้งแบบ 2 ประตู คูเป้, hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 และยังเป็นโมเดลแรกที่ทาง Honda มีการนำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิคในรุ่นพิเศษ
จากนั้นถึงเป็นคิวของเจเนอเรชั่นที่ 8 รหัส FD ที่ได้รับคำชมว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุดของ Civic ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 กับเครื่องยนต์ใหม่ที่มีทั้ง 1.5 ,1.8 และ 2.0 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 บนตัวถังที่มีให้เลือกทั้งแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตูในตลาดโลก ส่วนในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้ามีจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตูเท่านั้น โดยตัดรุ่น 1.5 และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีดออกไป ก่อนจะทำการ Minor change อีกหนึ่งครั้งก่อนจะปิดท้ายด้วยรุ่นพิเศษเวอร์ชั่น Civic Sport Pearl เป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนโรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะถูกน้ำท่วมไม่กี่สัปดาห์ และทำตลาดต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2011
ก่อนที่ทาง Honda จะได้ฤกษ์เปิดตัว Civic ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 9 ในรหัส FB ซึ่งเป็นรุ่นที่ต้องฝ่าวิกฤษหลายด่าน ซึ่งเดิมทีนั้นทางฮอนด้าได้วางแผนจะเปิดตัวตามประเทศต่างๆ ในช่วงปลายปี 2011 แต่ด้วยวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนได้รับความเสียหาย จึงทำให้ต้องเลื่อนกำหนดเปิดตัวไปก่อน เช่นเดียวกับในบ้านเราที่เลื่อนการเปิดตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่วางแผนจะเปิดตัวต่อสาธารณชนใน งาน Motor Expo 2011 แต่ต้องประสบกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้ต้องเลื่อนมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 10 พฤษภาคม ปีที่ผ่านมา ที่ Royal Paragon Halls
โดย Civic ใหม่โมเดลล่าสุดนี้จะมีตัวถังให้เลือก 2 แบบคือแบบ 2 ประตูคูเป้ และ 4 ประตูซีดาน ซึ่งในบ้านเราจะมีขายแค่รุ่น 4 ประตูที่มาพร้อมกับขุมพลังใหม่ 2 บล็อกทั้งรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Flex Fuel ที่สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ พร้อมระบบ Econ Mode เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดรักโลกมาขึ้นในโมเดลล่าสุดนี้
เป็นไงบ้างสำหรับตำนานความสำเร็จของ Honda Civic ที่ยาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งเราขอยกให้เป็นรถยนต์ซีดานขนาดเล็กอีกรุ่นหนึ่งที่เป็น Signature คู่กับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วโลกที่ยาวนานที่สุดอีกคันหนึ่งที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ความคิดเห็น