สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปทดสอบสมรรถนะของ Chevrolet Cruze ใหม่ ขุมพลัง 1.8 ตัวท็อป รุ่น LTZ โมเดลปี 2013 ที่ดูๆไปแล้ว Cruze ใหม่ ก็เหมือนภาคต่อของหนังฟอร์มยักษ์ ซึ่งถ้าภาคแรกสร้างไว้ดีแค่ไหน การที่จะทำให้ภาค 2 นั้นดูดีกว่านั้นถือเป็นงานยาก และนั่นคือการบ้านที่ผู้สร้างอย่าง GM พร้อมพิสูจน์ใน Chevrolet Cruze ภาค 2 ว่ามีดีกว่าที่เห็นแค่ไหน
Cruze's Start
Chevrolet Cruze เปิดตัวครั้งแรกในปี 2008 ภายใต้รหัสตัวถัง J300 ก่อนจะพัฒนาเป็นโมเดลปัจจุบันบนตัวถังแบบ GM Delta II แฟลทฟอร์ม ที่เปิดตัวไปแล้วกว่า 75 ประเทศใน 5 ทวีป และสามารถโกยยอดขายไปแล้วกว่า 3.5 แสนคันทั่วโลก ซึ่งนอกจากทั้ง 3 รุ่น ที่มีจำหน่ายในบ้านเราแล้วในตลาดโลกยังมีตัวที่ใช้ขุมพลัง 1.4 Turbo กับรุ่น 5 ประตูแฮทแบ็คซ์ให้เลือกอีกด้วย
Chevrolet Cruze เปิดตัวครั้งแรกในบ้านเราไปเมื่อปลายปี 2010 พร้อมกันทีเดียว 3 รุ่น ตั้งแต่ รุ่นเล็กเครื่อง 1.6 ลิตร ราคาเริ่มต้นที่ 7.35 แสนบาท ตามด้วย รุ่นกลางขุมพลัง 1.8 ลิตร ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อยที่มีค่าตัวตั้งแต่เจ็ดแสนกลางไปจนเฉียดล้าน สุดท้ายคือตัวท็อปที่ถือว่าปลุกกระแสรถคอมแพ็คซีดานด้วยการหันมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เป็นตัวขับเคลื่อนรถไซด์นี้เป็นเจ้าแรกในบ้านเรา
ก่อนจะทำการ Facelift และเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาอีกครั้ง พร้อมการปรับโฉมและเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกเล็กน้อยแบบไม่มีการอัพราคาเพิ่ม โดยเฉพาะในรุ่น 1.8 ลิตร ที่เป็นดาวเด่นซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังที่รองรับน้ำมัน E85 ได้ และถูกวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ให้เป็นคู่ชกแบบตรงรุ่นกับ Honda Civic ,Toyota Altis และ Lancer EX ในรุ่น 1.8 ซึ่งทุกคันล้วนเติมน้ำมัน E85 ได้ไปก่อนหน้าแล้ว ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า Cruze 1.8 ใหม่ จะงัดไม้เด็ดอะไรออกมาสู้รบกับคู่แข่งอีกบ้าง..เดี๋ยวเราไปดูกัน
Design&Interior
รูปลักษณ์ภายนอกของ Chevrolet Cruze ใหม่ นั้นมีการปรับโฉมเพิ่มเติมเล็กน้อยจากโมเดลก่อนในแบบ Facelift ที่ทำให้มันหล่อหรูดูดีมีรสนิยมมากขึ้น ตั้งแต่ด้านหน้าที่มีการเปลี่ยนกันชนใหม่ ที่เพิ่มความโค้งมนของเส้นสายพร้อมชายล่างแบบมีสปอยเลอร์ในตัว รับกับไฟหน้าใหม่ดีไซน์เข้ารูปพร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยขอบโครเมี่ยม ซึ่งมีระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ และระบบไฟนำทาง (Auto Headlamp) มาให้ แต่ยังคงส่องสว่างด้วยหลอดไฟแบบฮาโลเจนไม่ใช่ HID ส่วนไฟตัดหมอกได้เปลี่ยนจากกรอบแนวนอนมาเป็นทรงตั้งดีไซน์ใหม่ รับกับกระจังหน้า "Dual-Port" ดีไซน์ใหม่แบบลายเส้นแทนรังผึ้งสีดำพร้อมกรอบโครเมี่ยมที่ทำให้โลโก้โบว์ไทด์ดูเด่นขึ้น ส่วนด้านข้างที่เห็นชัดเจนคือล้ออัลลอยใหม่ จากลาย 5 ก้านตรงๆเรียบๆมาเป็นก้านคู่ที่โค้งมนดูพริ้วไหว ขนาด 17 นิ้วเท่าเดิมในรุ่น LTZ พร้อมยาง Kumho Solus KH17 ไซด์ 215/50R17 นอกจากในเรื่องของความสวยงามแล้ว Cruze ใหม่ ยังเพิ่มปุ่มปลดล็อคที่มือจับประตูทุกบาน แต่ไม่ใช่แบบสัมผัสเหมือนรุ่นแรก ที่ทำงานคู่กับกุญแจ Keylees Entry ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า/ออกห้องโดยสาร ก่อนจะปิดท้ายด้วยกันชนหลังที่เพิ่มความเหลี่ยมสันที่เข้ากับภาพลักษณ์โดยรวมพร้อมชายด้านล่างดีไซน์เล่นระดับสไตล์สปอร์ตให้กับ Cruze ใหม่ได้อย่างลงตัว
ซึ่งถ้าคุณมอง Chevrolet Cruze ใหม่ แค่ภายนอกแน่นอนว่ามันดูหล่อและเฉียบขึ้นกว่าเดิมสำหรับผู้ที่รู้จัก Cruze เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนทั่วๆไปมันอาจดูน่าสนใจไม่มากนักกับดีไซน์ที่ต่างจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเรื่องออพชั่นภายนอกถือว่าคันนี้คุ้มค่าขึ้นจากรุ่นเดิมอีกนิดในราคาเท่าเดิม ด้วยสวิทซ์เปิด/ปิดประตูที่เพิ่มให้เป็น 4 บาน แต่ถ้าเทียบกับค่าตัวเหยียบล้านมันยังดูน้อยไปอยู่ดี ถ้าจะให้ดูคุ้มควรใส่ของเล่นมาให้อีกหน่อย อย่างไฟหน้า HID หรือ LED แบบปรับสูง/ต่ำอัตโนมัติ ไม่ต้องถึงขั้นปรับตามองศาการเลี้ยวก็ได้ ไม่ก็ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างสักคู่ หรือสปอยเลอร์สักชุดน่าจะดูสมน้ำสมเนื้อขึ้น เรียกคะแนนแซงหน้าคู่แข่งได้สบาย
ห้องโดยสารของ Cruze ใหม่ ยังคงโดดเด่นด้วยดีไซน์และบรรยากาศของแสงไฟ ที่บ่งบอกถึงความล้ำสมัยแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนมาตั้งแต่รุ่นแรก ด้วยการจัดวางองประกอบต่างๆแบบ Dual Cockpit เข้ากับคอนโซลกลางแบบ V-Shape เพื่อให้ผู้โดยสารตอนหลังได้สัมผัสบรรยากาศในเบื้องหน้าได้เต็มที่ ซึ่งในรุ่นนี้ได้เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุหุ้มคอนโซลหน้าและเบาะสีน้ำตาล (Brown Stone) สไตล์เดียวกับรถหรูจากฝั่งยุโรปแบบทูโทน เมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งโทนดำตัดสลับกับสีเงินเมทัลลิก และแสงไฟ LED สีฟ้าเข้มจากมาตรวัดเรืองแสงแบบ (Crisp Ice Blue Illumination) ทรงกลม 3 วงซ้อนและตามจุดต่างๆ ยิ่งทำให้มันดูดีขึ้นชัดเจน นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์จากทรงเหลี่ยมมาเป็นทรงกลมสไตล์คลาสิค ส่วนที่เหลือยังคงเป็นฟังชั่นที่ติดมาให้แบบเดียวกับโฉมก่อน ซึ่งมีให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยสามก้านดีไซน์ล้ำอนาคตแบบ Multi-Function ที่มีสวิทซ์ควบคุมเครื่องเล่น วิทยุ-ซีดี 1 แผ่น พร้อมระบบนำทางแบบ Music Navigator กับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และหน้าจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ (Infortainment Graphic Information Display) ขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน และปิดท้ายด้วยระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เอนเทอเทนเมนท์ได้แต่กลับใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารแทนโทรศัพท์ไม่ได้ซะอย่างนั้น
ส่วนเรื่องความกว้างขวางนัั้น ถือว่ามีช่วงหลังคาด้านหน้า (Head Room) สูงพอสำหรับไซซ์ฝรั่ง กับพื้นที่ช่องวางขาด้านหลัง หรือ Leg Room ที่กว้างพอสมควร ระดับ 35-66 ซม.นั่งไกลๆไม่เมื่อยบนเบาะหลัง เช่นเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่กว้างถึง 400 ลิตร พร้อมเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ด้วยการพับเบาะแบบ 60:40 ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาแสดงให้เห็นว่าภายในห้องโดยสาร Cruze แม้จะไม่กว้างขวางกว่าคู่แข่งมากนัก แต่มันก็สามารถรองรับผู้โดยสาร 4 - 5 คน ได้สบายๆ ตามมาตรฐานของรถคอมแพ็คซีดาน บนงานดีไซน์ที่โดดเด่นบวกกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันและแสงสีทั้งหมดที่เป็นตัวกระตุ้นให้รู้สึกตื่นเต้นได้เมื่อขึ้นไปนั่งอยู่ในห้องโดยสารของ Chevrolet Cruze
Engine&Performance
จากนั้นมาต่อที่ขุมพลังที่ถือเป็นไฮไลท์ใน Chevrolet Cruze ใหม่ ที่หันมาตามกระแส ด้วยการนำเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว บล็อก 1.8 ECOTEC ใหม่ รหัส F18D4 มาพัฒนาให้กลายเป็น Flex Fuel เพื่อรองรับน้ำมัน E85 ได้ ด้วยการปรับจูน Map ECU ใหม่ รวมถึงการติดตั้งเซ็นเซอร์เพิ่มอีกหลายจุด พร้อมเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรับมือกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงที่มีการไหลเวียนสูงกว่าเดิม รวมถึงการปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ที่ต้องสัมผัสกับเชื้อเพลิง อาทิเช่น วาล์ว บ่าวาล์ว และวัสดุจำพวกท่อยางและสายเชื้อเพลิงต่างๆที่ทนการกัดกร่อนได้มากขึ้น
บวกกับเทคโนโลยีต่างๆที่มีอยู่เดิม อย่างระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ซึ่งเชฟฯจดลิขสิทธิ์ไว้ในชื่อ Double CVC (Double Continuous Variable Cam Phasing) และทำให้มันมีพละกำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แต่แรงบิดสูงสุดเท่าเดิม 177 นิวตันเมตร ตั้งแต่ในรอบต่ำ ที่ 3,800 รอบ/นาที และส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed Gen II ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่มีการพัฒนาเพิ่มเติมจากเกียร์ลูกเดิม พร้อมระบบ Driver Shift Control (DSC) เอาไว้เปลี่ยนเกียร์เองเมื่อต้องการเปลี่ยนอารมณ์มาขับให้สนุกสนานมากขึ้น
ซึ่งจากที่ได้ลองขับจะรู้สึกได้ว่ามันแม่นยำและนุ่มนวลเพิ่มมากกว่าขึ้นในจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ขับสบายพร้อมจังหวะการเร่งแซงที่ทำได้ดีกว่าเกียร์ลูกเดิมชัดเจน ทั้งตอบสนองไวขึ้นแถยังเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและ Smooth ขึ้น อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่นที่ 100 กม./ชม. รอบจะอยู่ที่ 2,200 รอบ/นาที ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 2,400 และ 2,600 รอบ/นาที ที่ความเร็ว 110 และ120 กม./ชม. ตามลำดับ และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ดีที่สุด 12.78 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่พอรับได้และดีกว่ารุ่นเดิมอีกเล็กน้อย
ส่วนในด้านอัตรานั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แรงขึ้นด้วยตัวแรกบอกพิกัดก็ตาม แต่การที่ Cruze ใหม่ มีเกียร์ที่ฉลาดขึ้นกว่าเดิม เท่านี้ก็ทำให้มันแสดงพลังได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่องมากขึ้นด้วย จนทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 12.27 วินาที ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับกลางๆ และไม่หวือหวานักสำหรับรถในระดับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แต่ถือเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นในการแข่งกับตัวเอง และพร้อมแก้ตัวอีกครั้งด้วย Top Speed ที่ค่อยๆไต่ความเร็วไปเลื่อยๆจนเข็มไมล์ไปหยุดที่ 185 กม./ชม. ได้ไม่ยากเย็นนัก
Handling&Ride&Break
สำหรับระบบช่วล่างใน Chevrolet Cruze ใหม่ ยังคงยกชุดมาจากรุ่นแรก ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการยึดเกาะถนนอยู่เป็นทุนเดิม และถือว่าเจ๋งกว่ารถคลาสเดียวกันชัดเจน ด้วยระบบกันสะเทือนแบบ Euro Ride Tunig Suspension ที่หนึบแน่นขับแล้วมั่นใจได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ เหมือนกับคู่แข่งอย่าง Civic และ Altis ด้วยพื้นฐานโครงสร้างของระบบกันสะเทือนแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า และด้านหลังเป็นแบบคานบิดทอร์ชั่นบีม ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง Magnatic Arc ซึ่งมีความหนากว่ารถทั่วไป นอกจากนี้วิศวกรยังออกแบบและจัดวางตำแหน่งยึดของระบบช่วงล่างด้านหลังในแบบ Z-Link เพื่อให้ล้อหลังสามารถตั้งฉากอยู่กับพื้นถนนมากที่สุด โดยเฉพาะตอนเข้าโค้งเพื่อสมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่เพิ่มขึ้นผนวกกับการปรับเซ็ทค่าของช็อกอัพและสปริงค์ที่ลงตัวพร้อมเหล็กกันโคลงที่ออกแบบและใช้วัสดุที่สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่มั่นใจได้มากกว่าคู่แข่งที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อด้วยซ้ำ
ส่วนพวงมาลัยก็เช่นกัน Cruze เปลี่ยนจากเทคโนโลยีแบบเฟืองตัวหนอนพร้อมตัวผ่อนแรงไฮดรอลิก มาเป็นแบบไฟฟ้าแบบเดียวกับคู่แข่งแล้วในเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งให้ Handling โดยรวมที่ตอบสนองไวขึ้นแต่ยังไม่คมเท่าที่ควร ยังมีช่วงฟรีของพวงมาลัยให้รู้สึกอยู่เล็กน้อย พร้อมน้ำหนักหน่วงที่ค่อนข้างดีขึ้นไม่เบาจนเสียอาการที่ความเร็วสูง ส่วนการขับทั่วไปที่ความเร็วต่ำ ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ให้รู้สึกตึงมือเหมือนเดิม และต้องออกแรงสาวมากกว่าเมื่อเทรยบคู่แข่งในคลาสที่เบากว่าชัดเจน
ก่อนจะปิดท้ายด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC และตบท้ายด้วยระบบป้องล้อหมุนฟรีขณะขับขี่บนถนนลื่น TCS (Traction Control System) และถุงลมนิรภัยแบบ Dual SRS ซึ่งทั้งหมดนี้ Chevrolet ได้ติดตั้งมาให้เป็นมาตรเดียวกับ รุ่นท็อป 2.0 ทั้งในตัว LS, LT และ LTZ รุ่น 1.8 เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น
Tester Verdict
สรุปแล้ว Chevrolet Cruze ใหม่ อาจไม่ประสบความสำเร็จจากการกระชับหน้าในคอร์ส Facelift ในครั้งนี้ก็ตาม แต่สำหรับภายในห้องโดยสารนั้นถือว่า Chevrolet เลือกโทนสีได้ลงตัว และดูดีแมทซ์กับภาพรวมจนทำให้มันดูหล่อหรูเพิ่มขึ้นได้ง่ายโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก ซึ่งส่วนที่ถือว่าคุ้มค่าที่สุดนั้นคือเทคโนโลยีต่างๆที่เพิ่มเข้ามา ทั้งในส่วนของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ที่ทำให้มันขับสนุกมากขึ้นและประหยัดมากขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือสามารถเติมน้ำมันได้แบบสบายกระเป๋าด้วยแก๊สโซฮอล์ E85 ซึ่งถูกว่าเห็นๆ พร้อมราคาค่าตัวที่เซฟโรเลตใจดีจัดโปรโมชั่นทั้งหมดนี้มาให้ในราคาเดิมแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด..
Specification : Chevrolet Cruze 1.8LTZ
รุ่นปี: 2013
ประเทศผู้ผลิต: ประเทศไทย
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ แอนด์ (ประเทศไทย) จํากัด
ประเภทรถยนต์: Compact Sedan
ราคา (ล้านบาท) 0.998
Dimension
Length: 4,600
Width: 1,790
Height: 1,475
Wheelbase: 2,685
Front/Rear track 1,545 /1,560
Engine
รหัส F18D4
แบบ เบนซิน ECOTEC 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว แบบ FFV พร้อม Double CVC
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,796
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง Multi-Point Injection
กำลังสูงสุด 141@6,200
แรงบิดสูงสุด 177@3,800
เชื้อเพลิง รองรับแก๊สโซฮสล์ E85
ความจุถังน้ำมัน 60
Drivertrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 6 Speed GEN II + DSC
คลัทซ์ TorqueConvertor
Gear Ratio
1 4.449
2 2.908
3 1.893
4 1.446
5 1.000
6 0.742
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 2.871
อัตราทดเฟืองท้าย 3.722
Steering Wheel
แบบ แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า
Suspension
หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันตรัท คอยล์สปริงค์ ช็อคอัพแก็สพร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง กึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ช็อคอัพแก็ส
Break
หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
Wheel+Tire
ล้ออัลลอย ขนาด 17"x7J
ยาง Kumho 215/50R17
Test Result
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์
km./h rpm.
90 2,000
100 2,200
110 2,400
120 2,600
Acceleration (km./h) sec./m.
0-100 12.27
0-120 17.41
0-140 23.76
Quarter Mile 0-402m. (sec.) 17.24
Top Speed (km./h) 185
Consumption (km./l.)
AVR. 12.78
ขอขอบคุณ
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่อง : อาณัติ สุทธิบุตร
ความคิดเห็น