เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส250ซีดีไอ รุ่นใหม่ที่นำเข้าโดยบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไย) จำกัด สนนราคาค่าตัว 5.29 ล้านบาท แลกมากับแพคเกจชุดแต่งเอเอ็มจี พรีเมียม เพิ่มความสปอร์ตเมื่อยามวิ่งบนท้องถนน
ซีแอลเอสถือเป็นหนึ่งในรถยนต์นำเข้ารุ่นยอดนิยมในประเทศไทย ซึ่งถือว่ามีการแข่งขันกันมากพอสมควร สำหรับโมเดลใหม่ล่าสุดนี้ ค่ายรถยนต์ตราดาวแห่งเมืองไทยไม่รีรอที่จะนำเข้ามาทำตลาดแต่ไก่โห่ดักทางผู้นำเข้ารายย่อย และก็มีการเสริมทัพมาเป็นระยะ
รุ่นที่ทำตลาดอย่างจริงจังในปัจจุบันได้แก่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ผสานกับความประหยัดที่เป็นเลิศ ผมเองเคยได้ทดลองขับซีดีไอรุ่นอื่น ๆ ของค่ายนี้มาแล้ว และเคยประกาศเอาไว้ว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการขับรถทดสอบเครื่องยนต์ซีดีไอก็คือ การทำให้เข็มน้ำมันของรถลดลงไปให้ใกล้ขีดแดงที่สุด ในช่วงเวลาที่นำรถมาทำการทดสอบ
เมอร์เซเดส-เบนซ์เรียกรถยนต์คันนี้ว่าเป็นคูเป้สไตล์สปอร์ต 4 ประตู ย้อนกลับไปในช่วงของการเปิดตัว ซีแอลเอสได้รับการวางตำแหน่งสินค้าไว้ในกลุ่มสินค้าเฉพาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างไม่ซ้ำซากจำเจ ตัวถังแบบคูเป้แต่มาพร้อมประตูบานหลัง เพื่อให้เหมาะสมกับการบรรทุกผู้โดยสาร
หลังคาที่ลาดเอียงตั้งแต่เสาเอไปจรดเสาซี แน่นอนว่าไม่ได้ทำมาเอาใจผู้สูงวัยอย่างแน่นอน เพราะความลาดเอียงที่ว่า ส่งผลต่อความสะดวกในการเข้าออกห้องโดยสาร หากไม่ระมัดระวังในการเข้าห้องโดยสาร ศีรษะก็อาจจะชนเข้ากับขอบประตูได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
เบาะที่นั่งตอนหน้าปรับมาแบบค่อนข้างกระชับกับร่างกาย ขณะที่เบาะหลังที่แยกออกจากกันเป็น 2 ที่นั่งชัดเจนดูจะให้อารมณ์ผ่อนคลายมากกว่า แผงคอนโซลที่เน้นลายไม้สลับพลาสติกและหุ้มด้วยขอบสีเมทัลลิก ให้ความรู้สึกโอ่อ่าแบบไม่เอียนเกินไป แต่ก็ไม่สปอร์ตอย่างที่ควรจะเป็น
สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจที่คุ้นเคย เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มขึ้นมาเบา ๆ แต่เมื่อปิดประตูหน้าต่างก็ไม่มีเสียงเครื่องยนต์แทรกเข้ามามากมาย ปรับตำแหน่งที่นั่งให้เหมาะสม ใช้มือขวาเลื่อนเกียร์มาที่ตำแหน่ง D ไม่ผิดครับ มือขวา เพราะรถคันนี้นำคันเกียร์ไปติดตั้งที่ตำแหน่งขวามือ ใครที่สับสนคิดว่าเปลี่ยนไฟเลี้ยวต้องระวัง เพราะเกียร์จะกลับไปอยู่ตำแหน่ง N เอาง่าย ๆ แม้แต่ในยามขับขี่
ตัวรถขนาดกว้าง 1,881 มม. ยาว 4,940 มม. และสูงเพียง 1,416 มม. แต่มีระยะฐานล้อยาว 2,874 มม. ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารไม่อึดอัด แม้จะเป็นผู้โดยสารที่มีความสูงมาก ก็ไม่ได้รู้สึกอีดอัดแต่อย่างใด เพียงแต่อาจะต้องระวังมากหน่อยในยามก้าวเข้าไปในตัวรถ
คันที่ทำการทดสอบนี้มาพร้อมรองเท้ายี่ห้อเอเอ็มจี ขนาด 19 นิ้ว ดูหล่อขึ้นจากรุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัดเจน หล่อขึ้นด้วยไฟเดย์ไลท์แบบแอลอีดีที่กันชนหน้าและชุดแต่งเอเอ็มจี 3 ชิ้นที่ติดตั้งเพิ่มมา พร้อมด้วยกระจังหน้าโครเมียม 1 แถบพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่
ขณะที่ด้านในก็เสริมหล่อมาอย่างเต็มที่ กับพวกมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ด้านล่างตัดตรง ที่จับกระชับมือ แป้นเบรกและคันเร่งแบบสปอร์ต ปลายท่อไอเสียทรงคางหมูซ้าย-ขวา พร้อมพรมสีดำแปะสัญลักษณ์เอเอ็มจี
เครื่องยนต์ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2,143 ซีซี. เรียกกำลังสูงสุดที่ 204 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตรนั้นมาที่รอบต่ำ 1,600-1,800 รอบต่อนาทีเท่านั้น ตามสเปกระบุว่าสามารถวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลา 7.5 วินาทีเท่านั้น
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 7G-TRONIC PLUS พร้อมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ด้านหลังพวงมาลัย สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ระดับ 5.1-5.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น โดยน้ำมันเต็มถังจุที่ 59 ลิตร
เครื่องยนต์ 250CDI รุ่นนี้ ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความกระตือรือร้นในการขับขี่มากรุ่นหนึ่ง เพราะเพียงแค่กดคันเร่งเบา ๆ เครื่องยนต์ก็ดูเหมือนจะตอบสนองต่อการขับขี่เป็นอย่างดี การทำความเร็ว การแซงบนท้องถนนไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา แตะแป้นคันเร่งเพียงไม่นาน เข็มวัดความเร็วจะพุ่งทะยานไปแตะ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และค่อย ๆ ไหลเอื่อยไปได้เรื่อย ๆ
ช่วงล่างที่เซตอัพมาค่อนข้างนุ่มนั้น อาจจะทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการทำความเร็วสูง ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ ต้องบอกว่าซีแอลเอสเอาอยู่อย่างแน่นอน และอาการโยนตัวที่ความเร็วสูงก็มีไม่มากนัก เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ๆ อย่างแน่นอน
ตัวรถแองมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอำนวยความปลอดภัยอย่างมากมายครบครัน เรียกว่าจะถามหาระบบอะไรที่ควรมีเพื่อใช้บนท้องถนนประเทศไทยก็มีให้หมด แถมในรุ่นนี้ยังมีระบบการตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถจอด ที่จะใช้ได้เมื่อวิ่งในโหมด ECO เท่านั้นเพิ่มมาอีกด้วย
ผมขับซีแอลเอสคันนี้ทั้งในเมืองและนอกเมือง พบว่าอัตราการสิ้นเปลืองในช่วงที่ผมขับนั้นถือว่าไม่แตกต่างอะไรจากสเปกที่กำหนดมามากนัก ในเมืองผมก็วิ่งอยู่ประมาณ 6.7-6.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร นอกเมืองก็ประมาณ 4.8-4.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร มีในช่วงทำความเร็วสูง ๆ ตัวเลขก็จะวิ่งขึ้นไปประมาณ 8-10 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรแล้วแต่ช่วงความเร็ว ซึ่งถือว่าประหยัดมากเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้มา
5.29 ล้านบาทคือสนนราคาค่าตัวสำหรับผู้ที่สนใจจะไปสู่ขอซีแอลเอส เอเอ็มจี พรีเมียม แพคเกจมาประดับที่โรงรถสักคัน แต่หากต้องการประหยัดกว่านี้ ก็ควัก 4.99 ล้านบาทไปสู่ขอรุ่นเอเอ็มจี ไดนามิกมาไว้แทนที่ก็ไม่ผิดกติกา
แล้วจะรู้ว่าความสนุกที่มาพร้อมความประหยัดนั้น มีอยู่จริง!!!
ขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
Test Driver : GolF AutoSpinn
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/2013-Mercedes-Benz-CLS250CDI-TestDrive/
ความคิดเห็น