ฝึกทักษะการขับขี่ไปกับ “Porsche” ในสนามเซปัง เซอร์กิต Share this

ฝึกทักษะการขับขี่ไปกับ “Porsche” ในสนามเซปัง เซอร์กิต

Satapana
โดย Satapana
โพสต์เมื่อ 10 August 2556

คอรถสปอร์ตหลายคนอาจเคยสงสัยว่าการขับรถสมรรถนะสูงอย่าง Porsche ในสนามแข่งระดับโลกจะมีความน่าตื่นเต้นเร้าใจเพียงใด ผมเองเพิ่งได้สัมผัสประสบการณ์นั้นเมื่อได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรม Porsche Driving Experience ซึ่งจัดโดย Sime Darby Auto Performance (SDAP) ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถ Porsche อย่างเป็นทางการของมาเลเซีย มีสื่อมวลชนเข้าร่วมงานมากมาย รวมถึง EVO Malaysia ด้วยเช่นกัน

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต การฝึกอบรมขับขี่ในแบบ Driving Experience เริ่มจากการฝึกทักษะในหลายสถานี อย่างการเบรก การขับสลาลอมและการขับบนแผ่นยางลื่นหรือ skid pad โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่คอยให้คำแนะนำถึงวิธีการขับที่เหมาะสม ทั้งการกระแทกเบรกและการเลี้ยวตามไลน์ที่จะให้ตัวรถเคลื่อนไปข้างหน้าได้เร็วที่สุด

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/Porsche-Driving-Experience_03_610.jpg

ความท้าทายของสถานีแรกคือการฝึกเปลี่ยนเลน อาจเรียกอีกชื่อว่า “moose test” ซึ่งฝรั่งใช้ชื่อนี้เพราะมาจากการหักหลบกวางบนถนนนั่นเอง สถานีนี้เราได้ขับ Porsche Cayenne GTS เริ่มจากการกดคันเร่งมาเต็มเหนี่ยวจนถึงความเร็ว 80 กม./ชม.ก่อนที่จะหักพวงมาลัยอย่างฉับพลันโดยไม่ต้องเหยียบเบรก การขับขี่เช่นนี้ทำให้เราได้สัมผัสถึงระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) และ Porsche Stability Management (PSM) อย่างเต็มที่

ระบบต่างๆเหล่านี้มีหน้าที่ควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ให้มีความมั่นคงและช่วยให้การควบคุมตัวรถมีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเข้าโค้งและการขับขี่ด้วยความเร็ว

มาถึงสถานีต่อไปคือการเบรกแบบฉุกเฉิน หลายคนคงเคยเหยียบเบรกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้กระทืบเบรกให้หยุดแบบชนิดฉุกเฉินที่สุด

ในสถานีนี้เรามีโอกาสได้เบรกกันแบบตัวโก่งหลายต่อหลายครั้ง โดย Porsche จัดให้เราได้ขับ Cayenne S Diesel พร้อมกับได้สัมผัสระบบ Porsche Traction Management (PTM) ซึ่งช่วยควบคุมแรงบิดให้กระจายไปยังล้อทั้งสี่อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ตัวรถเกาะถนนอย่างเหนียวแน่นในทุกสภาวะถนน นอกจากนี้เรายังได้รับรู้ถึงการทำงานของระบบ ABS อย่างเต็มที่อีกด้วย ถึงแม้ Cayenne S Diesel จะมีตัวถังที่ใหญ่โต แต่ก็ระบบเบรกก็สามารถหยุดรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/Porsche-Driving-Experience_22_610.jpg

เรายังมีโอกาสได้ลองขับ Boxster S รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำบนแผ่นลื่น skid pad ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการควบคุมรถบนพื้นผิวถนนที่ลื่นมาก โดยเฉพาะการคุมพวงมาลัยเพื่อควบคุมอาการท้ายไถลหรือ oversteer และหน้าดื้ออย่าง understeer สถานีนี้ให้ความมันในอารมณ์มากเป็นพิเศษแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะตัวรถพร้อมจะหมุนเป็นลูกข่างทุกเมื่อ

มาต่อกันที่สถานีสลาลอม เราได้ลองฝึกทักษะการหักพวงมาลัย การเบรกและเร่งส่งออกไป ก่อนที่จะได้ขับในสนามแข่งของจริง โดยสถานีนี้ทาง Porsche เลือกซีดานสุดหรู Panamera มาให้เราได้ลองขับกัน ถึงแม้จะมีน้ำหนักตัวมากและมีขนาดอันใหญ่โต แต่ผมกลับประทับใจในการควบคุมที่ง่ายดายถึงแม้จะเหยียบคันเร่งอย่างดุดันก็ตาม ซึ่งระบบ PSM ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับทิศทาง ความเร็ว และอัตราเร่งช่วยให้ตัวรถมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง หากตัวรถมีอาการเหมือนกับจะหมุนหรือแหกโค้ง PSM ก็จะช่วยควบคุมแรงบิดของล้อเพื่อรักษาความมั่นคงอยู่ได้ ทำให้การขับสลาลอมมีความเร้าใจอย่างมาก

ไฮไลท์ของกิจกรรม Driving Experience คือการได้ขับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Boxster S, 911 Carrera 4S, 911 Carrera 2S รวมถึงรถรุ่นล่าสุดอย่าง Cayman S ในสนามแข่ง โดยเราได้ใช้ทักษะที่ฝึกอบรมจากทุกสถานีมาจัดเต็มกันในสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตเป็นจำนวนสองรอบ ซึ่งตลอดการขับขี่จะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ racing line การเข้าโค้ง การมองหา apex จุดไหนควรจะเร่งออกจากโค้งหรือการคำนวณระยะเบรก

ผมพยายามทดสอบรถของ Porsche ให้ครบทุกรุ่น แต่เวลาก็ไม่เพียงพอที่จะทำได้ตามนั้น ผมจึงเลือก Cayman S และ Porsche 911 Carrera 4S โดยรถคันแรกที่ขับคือ Cayman S ที่ใช้ขุมพลัง 6 สูบนอน วางกลางลำ ความจุกระบอกสูบ 3.4 ลิตร ผลิตพละกำลัง 325 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 281 กม./ชม. ขณะที่ Porsche 911 Carrera 4S ใช้ขุมพลัง 3.8 ลิตร รถทั้งสองรุ่นส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ PDK และใช้ระบบเบรกเซรามิกคอมโพสิท

https://img.icarcdn.com/autospinn/body/Porsche-Driving-Experience_12_610.jpg

ผมประทับใจในสมรรถนะของรถทั้งสองรุ่นอย่างมาก มันเป็นรถสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบในการขับขี่ด้วยคามเร็วสูง แม้กระทั่งในโค้งที่แคบมาก ตัวรถก็พร้อมจะยัดเข้าไปและไหลออกโค้งได้อย่างไม่ยากเย็น

พวงมาลัยของ Porsche มีความเฉียบคม เรียกว่าเลี้ยวได้ตามมือสั่งเลยทีเดียว ขณะที่ระบบเกียร์ PDK แบบ 7 สปีดก็สับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง ทำให้อัตราเร่งไหลลื่นต่อเนื่องอย่างมาก สำหรับระบบเบรกเซรามิกคอมโพสิทก็ทำให้ระยะเบรกสั้นลง เอื้อต่อการจิกเข้าโค้งอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอาการ fade หรือเบรกลื่นให้เห็นแม้แต่น้อย

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม Porsche ถึงเป็นรถสปอร์ตที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย เพราะมันให้ความมั่นใจในการขับขี่สูง ไม่ว่าคุณจะเบรกหนักหรือขับด้วยความเร็วแต่ก็ยังรู้สึกถึงความปลอดภัย ขณะเดียวกัน มันยังสะดวกสบายและขับง่ายมากๆอีกด้วย

กิจกรรม Porsche Driving Experience Malaysia จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อฝึกทักษะผู้ขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นเรื่องดีที่แบรนด์รถสปอร์ตชั้นนำของโลกได้จัดกิจกรรมเช่นนี้ เพราะไม่เพียงทำให้เราได้รู้จักกับ Porsche มากยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้เราได้รู้ถึงวิธีการ “เค้น” สมรรถนะได้สูงสุดอีกด้วย

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากนิตยสาร EVO Malaysia


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ