หลังจากเสียสิทธิ์การจำหน่ายจากัวร์ในประเทศไทยไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ตัวแทนจำหน่ายของ ปอร์เช่ และ เบนท์ลีย์ ในประเทศไทย ก็พร้อมที่จะขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อรองรับการทำตลาดรถยนต์ที่เหลือทั้ง 2 ยี่ห้อ
ในอดีตที่ผ่านมา ภาพของเอเอเอส คือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราและรถสปอร์ตในประเทศไทย ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายจากัวร์ ปอร์เช่และเบนท์ลีย์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าที่ย่านดอนเมือง รวมถึงยังมีข่าวลือเกี่ยวกับรถยนต์หรูหราหลายยี่ห้อในอีกหลายครั้ง
การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์หรูหราและรถสปอร์ตเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และทำให้จากัวร์ ซึ่งผูกอยู่กับแลนด์โรเวอร์ในตลาดโลก ถูกเปลี่ยนมือและสิทธิ์ในการทำตลาดในประเทศไทยไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือของซิตี้ ออโตโมบิล
ขณะเดียวกัน แบรนด์รถยนต์หรูหราอย่างปอร์เช่เอง ก็ถือว่าได้รับความท้าทายเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมีข่าวลือออกมาเป็นระยะว่าจะเกิดศึกการแย่งชิงสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยไปจากอ้อมอกของเอเอเอสอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุด วินธร บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ออกมาประกาศเดินหน้าแผนลงทุนมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมและเพิ่มโชว์รูมเพื่อพร้อมรับการให้บริการลูกค้าของทั้งปอร์เช่และเบนท์ลีย์
แม้จะไม่ใช่ข่าวคราวใหม่อะไร แต่ในคราวนี้วินธยืนยันว่าจะเดินหน้าอย่างจริงจัง และน่าจะเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ของบริษัทฯ หากนับย้อนหลังไปถึงการลงทุนเปิดโชว์รูมดอนเมืองในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมา
งบประมาณ 400 ล้านบาท จะแบ่งออกเป็นการปรับโฉมและการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการที่โชว์รูมดอนเมือง จากเดิมที่ชั้น 2 เป็นโชว์รูมจำหน่ายจากัวร์มาก่อน ก็จะทำการปรับโฉมให้เป็นโชว์รูมของปอร์เช่ทั้งหมด รวมถึงการพัฒนาศูนย์บริการที่พื้นที่ด้านหลัง
อีก 300 ล้านจะเป็นการสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ที่ซอยพัฒนาการ 30 โดยคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2558 โดยจะเปิดเป็น 2 เฟสการลงทุน เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในพื้นที่
นอกจากนี้ จะมีการกันเม็ดเงินลงทุนส่วนหนึ่งสำหรับการปรับปรุงโชว์รูมสำหรับรถยนต์เบนท์ลีย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารซีทีไอ ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งอยู่ระหว่างรอแบบแปลนโชว์รูมมาตรฐานใหม่จากทางเบนท์ลียร์ ทำให้ยังไม่สามารถระบุเม็ดเงินลงทุนได้
"ตลาดรถยนต์สปอร์ตและรถยนต์หรูหราเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในอดีตที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายที่ 2,000-3,000 คันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับในอดีต เอเอเอสจึงต้องการลงทุนเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น"
ในด้านตัวสินค้า หลังจากเปิดตัวพานาเมร่า ไฮบริดรุ่นล่าสุดไปเมื่อวานนี้แล้ว ในปีหน้า ก็จะเปิดตัวปอร์เช่ มาคาน ซึ่งมีขนาดเล็กลงมาและน่าจะทำตลาดได้มากขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้โควต้านำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยสักกี่คัน
วินธรระบุว่าการทำตลาดของปอร์เช่จะเน้นไปที่การทำตลาดรถยนต์ดีเซลและไฮบริดมากขึ้น โดยคำนึงไปที่เรื่องของสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อทำราคาจำหน่ายให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเกรย์มาร์เก็ตที่ยังมองปอร์เช่เป็นชิ้นปลามันอยู่
แต่เชื่อว่าด้วยการให้บริการที่แตกต่างของเอเอเอส จะทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้สินค้าที่เหมาะสมและการบริการที่เหนือชั้น เหมาะกับเจ้าของรถยนต์สปอร์ตหรูทุกประการ!!!
ความคิดเห็น