เอ.พี.ฮอนด้า เจ้าพ่อตลาดรถสองล้อเมืองไทยประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ในช่วงที่เหลือหดตัว 10% ต่อเดือนอย่างต่อเนื่อง ทำภาพรวมปีนี้หดตัว 4-5% แต่มีข่าวดีที่จะรักษาระดับยอดขายเกิน 2 ล้านคันต่อปีเอาไว้ได้
สุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร ฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์รวมในประเทศไทยมียอดขายหดตัวลงไปประมาณ 3% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แม้ยอดจำหน่ายในช่วง 3-4 เดือนหลังสุดจะหดตัวเดือนละ 10% ก็ตาม เป็นผลมาจากยอดขายในช่วงต้นปีที่ยังสูงอยู่
ทั้งนี้ ประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปีนับตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม ตลาดจะหดตัวอย่างต่อเนื่องประมาณเดือนละ 10% และทำให้ตลาดรวมในประเทศหดตัวที่ระดับ 4-5% แต่ก็จะยังรักษาระดับการขายที่มากกว่า 2 ล้านคันต่อปีเอาไว้ได้ โดยฮอนด้ามองว่าตลาดน่าจะปิดที่ 2.03 ล้านคัน เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดจำหน่าย 2.13 ล้านคัน
“ตลาดหดตัวเป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายมากหากทำได้มากกว่า 2 ล้านคัน ถ้าตามเป้าหมายที่วางไว้ก็จะเป็นสถิติยอดขายสูงสุดปีที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งการที่มองว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยจะมียอดจำหน่ายถึง 2 ล้านคันได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี”
ในส่วนของฮอนด้านั้น ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วง 9 เดือนสามารถทำได้ที่ 1.179 ล้านคัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 74.2% ขณะที่ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายไว้ที่ 1.58 ล้านคัน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็อาจจะไม่ถึงเป้า แต่ก็ยังถือว่าสถานการณ์ดีกว่าตลาดในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคไม่มีความเชื่อมั่น ทั้งในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรอย่างยางพาราและข้าว รวมไปถึงความหวาดหวั่นเรื่องสถานการณ์อุทกภัยที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเองต้องชะลอการซื้อรถจักรยานยนต์ลงไป นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน โดยเฉพาะการทำงานล่วงเวลา ก็ทำให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการจับจ่ายที่ลดลง
สุชาติกล่าวถึงภาพรวมของการเติบโตของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ว่าแนวโน้มของการขยายตัวจะช้าลง เนื่องจากอัตราถือครองรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ที่อยู่ที่ระดับ 3 คนต่อ 1 คันถือว่าสูงมาก แต่หากเศรษฐกิจขยายตัวมาก ๆ ก็อาจจะมีโอกาสชยับเพิ่มได้ โดยประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่งมีอัตราการถือครองที่สูงกว่านี้
LINE
ความคิดเห็น