ลองขับ มินิ เพซแมน คูเปอร์ ที่แม้จะยืดตัวถังออกมาเป็นครอสโอเวอร์ 2 ประตู แต่ในรุ่นน้องเล็กก็ยังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรแบบไร้ตัวช่วยในการเร่งพลัง แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาขวัญใจเด็กแนวขึ้นไปอีก ทำให้คนที่คิดจะเป็นเจ้าของอาจจะมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปได้
แม้จะติติงเรื่องของพละกำลังของเครื่องยนต์ไปก็จริงอยู่ เพราะการเอาเครื่องที่พัฒนาสำหรับเจ้ามินิ แฮชท์แบ็คคันจิ๋ว มาทำการปรับปรุงเพื่อใช้กับรถที่ใหญ่กว่า และหนักเกือบจะที่สุดในสายพันธุ์ของมินิ เป็นรองก็แค่คันทรีแมนเท่านั้น ถือเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการสำหรับเครื่องยนต์ 122 แรงม้ารุ่นนี้
แต่นั่นก็แค่ในโหมดการขับขี่ธรรมดานะครับ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ในโหมดการขับขี่แบบสปอร์ตของมินินั้น พละกำลังที่รีดออกมาได้ถือว่ามากมาย สนุกสนานและคุ้มค่าในการนั่งอยู่หลังพวงมาลัย แม้ว่าจะต้องแลกกับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ผู้ซื้อมินิก็คงหาแคร์ไม่
เพซแมนถือเป็นตัวถังลำดับที่ 7 และเป็นลำดับล่าสุดของครอบครัวมินิ แน่นอนว่าการเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมารุ่นสุดท้าย ก็ย่อมเป็นรุ่นที่ได้รับการพิจารณามาเป็นอย่างดี แถมยังมีเวลาในการลบจุดที่สร้างความกังขาที่เกิดขึ้นจากรถรุ่นอืน ๆ ในอดีต
ด้วยแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้ได้รถยนต์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ที่ต้องการรถยนต์ที่มีสไตล์ และได้ออกมาเป็นรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีกึ่งครอสโอเวอร์แบบ 3 ประตู มองผ่าน ๆ ไม่ต้องบอกก็คงพอจะทราบได้ว่าคู่หูที่พัฒนามาใกล้เคียงกันก็น่าจะเป็นเอสยูวีอย่างคันทรีแมนนั่นเอง
เพซแมนกลายเป็นรถยนต์มินิที่มีความยาวมากที่สุดในท้องตลาด คือยาวกว่าคันทรีแมนอยู่เล้กน้อย แต่มีความสูงที่น้อยกว่า เมื่อตัวรถมีขนาดยาวกว่า แต่มีประตูแค่ 2 ประตู (ไม่นับประตูท้าย) แน่นอนว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือประตูมีความยาวมากขึ้น
ความยาวของประตูมีผลในเรื่องของการเข้า-ออกจากตัวรถ ทั้งผู้โดยสารตอนหน้าที่สามารถเดินขึ้นลงได้อย่างสบายใจเฉิบ หรือหากจะเป็นผู้โดยสารตอนหลังที่ต้องพับเบาะหน้าลงแล้วสอดตัวเข้าไปด้านหลังก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
การพับเบาะทำได้อย่างง่ายดายด้วยแป้นพับเบาะที่ติดตั้งที่ตำแหน่งทีถนัดมือที่สุดของเบาะที่นั่งคู่หน้า และแม้ว่าเบาะที่นั่งตอนหลังจะแบ่งเป็น 2 ที่นั่งชัดเจน และถูกกั้นด้วยรางเอนกประสงค์ แต่ตัวรางก็ถูกตัดไว้พอดีที่นั่ง ทำให้สามารถขึ้นรถจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้เลย แตกต่างจากในคันทรีแมนที่รางพาดยาวทั้งคัน
รางเอนกประสงค์ดังกล่าวยังพบได้ในพื้นที่ห้องโดยสารส่วนหน้า ในส่วนที่ปกติแล้วจะเป็นกล่องเก็บของหรือคอนโซลกลางในรถยนต์ทั่วไป ตรงนี้จะเอาไว้วางของธรรมดา หรือจะเสียเงินซื้อกล่องเก็บของมาติดตั้งเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ตามกำลังทรัพย์
เรื่องของรูปร่างหน้าตาทั้งภายนอกและภายในให้คะแนนสอบผ่านแบบฉลุยตามประสาผู้ใหญ่แนว ๆ ตัวรถโดยรวมออกแบบโดยใช้เส้นโค้งและวงกลม โดยมีส่วนที่เป็นเส้นตรงและสีเหลี่ยมน้อยมาก ใครที่ชอบรถที่ดูภูมิฐานหน่อยให้มองข้ามไปได้เลย
อุปกรณ์ติดตั้งมาอย่างครบครันไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่ม การใช้งานเป็นไปได้อย่างสะดวกโยธิน แต่อาจจะขัดใจคนชอบจอใหญ่-จอสัมผัส เพราะมินิยังแสดงผลผ่านจะดิจิตอลเล็ก ๆ ทั้งที่ด้านบนพวงมาลัยและตรงกลางคอนโซลหน้า ไม่เหมือนในรุ่นคูเปอร์ เอส ที่มาพร้อมจอไซส์ใหญ่แล้ว
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้าที่ 6,000 รอบ พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตรที่ 4,250 รอบต่อนาที ถือเป็นเครื่องยนต์ขนาดนี้ที่ให้พละกำลังไม่ธรรมดา เพียงแต่การแบกน้ำหนักตัวที่มากพอสมควรทำให้รถดูจะหนืด ๆ ไปบ้างเวลาขับขี่แบบชิลล์ชิลล์
ถังน้ำมันมีขนาดเล็กมากครับ จุแค้ 47 ลิตร บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 95 ได้ถึงอี10 โดยตามสเปกบอกว่าเครื่องยนต์นี้สามารถพารถไปได้ถึงความเร็วสูงสุดที่ 184 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีอัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร โดยวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 11.5 วินาที
ในเรื่องของการขับขี่นั้น หากคุณซื้อเพซแมน คูเปอร์มาเพื่อใช้งานในเมืองในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าเครื่องยนต์นี้อาจจะให้การตอบสนองไปได้เรื่อย ๆ กินน้ำมันแบบจิบจิบ ไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดหลังติดเพราะ เหมือนพี่ใหญ่อย่างคูเปอร์ เอสหรือคูเปอร์ ดี เขาทำได้กัน
แต่หากต้องการเปลี่ยนรถให้มีการตอบสนองดีขึ้น เพียงแค่ปรับสวิชท์ไปที่โหมดสปอร์ต คุณก็จะได้รถที่ให้การตอบสนองในการขับขี่แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย สามารถพาซอกแซกไปตามท้องถนนได้อย่างที่ไม่ต้องห่วงว่ารถคันไหนจะมาตามหรือจี้ให้เสียอารมณ์
แม้จะไม่ใช่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนรุ่นพี่ แต่ช่วงล่างของเพซแมนก็มั่นคงในระดับที่ไว้ใจได้ อาจจะมีอาการแข็งและรับแรงสะเทือนมากหน่อย แต่นั่นก็เป็นบรรยากาศการขับขี่แบบมินิแท้ ๆ จะให้อ่อนนิ่มเป็นรถญี่ปุ่นก็คงจะไม่ได้อารมณ์การขับขี่แบบนี้
การวิ่งที่ระดับความเร็วที่เหมาะสมในความรู้สึกของผมก็คือที่ 100-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันนี้เครื่องยนต์ก็ไม่เหนื่อย แถมคนขับเองก็ไม่ได้กดดันอะไรมากมาย สามารถใช้ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติได้อีกต่างหาก แต่ความเร็วที่สูงกว่านั้นก็ต้องใช้สมาธิมากขึ้นไปด้วย แต่เชื่อเถอะว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เหนื่อยแล้ว
2.49 ล้านบาท คือค่าตัวของรถที่มาพร้อมเบาะผ้าและล้ออัลลอย 17 นิ้ว โดยมีการตัดอุปกรณ์ไปจากรุ่นพี่ที่ราคาสูงกว่ากันอีก 5 แสนบาทไปเยอะพอสมควร ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าก็ไม่ได้จำเป็นอะไร ถ้าอยากได้แค่รถหน้าตาแบบนี้ เครื่องยนต์ขับแล้วใช่ เก็บตังค์ไว้เติมน้ำมันจะดีกว่า
หรือถ้าอยากลองเพซแมน คูเปอร์ เอส ที่ราคา 2.95 ล้านบาท หรือหนักกว่านั้นก็ไปรุ่นดีเซลที่สนนราคา 3.19 ล้านบาท ก็เลือกได้เลยตามความสามารถในกระเป๋าของตัวเอง!!!
ขอขอบคุณ มิลเลนเนียม ออโต้ มินิ ในเครือเอ็มจีซี-เอเชีย สำหรับรถยนต์ทดสอบ
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพเพิ่มเติมได้ http://photos.autospinn.com/2013_MINI_Paceman_Cooper/
Diwa Tharan, Group Content Manager ของ iCar Asia ได้เขียนเกี่ยวกับเพซแมน คูเปอร์ เอส ไว้ในเวบไซต์ LiveLifeDrive.com โดยได้ระบุว่านี่คือรถยนต์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของที่สุดคันหนึ่ง โดยมีทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมพรั้่งที่สุดคันหนึ่ง หากเรื่องของค่าใช้จ่ายไม่ใช่ประเด็นในการนำมาตัดสินใจ อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ ที่นี่
พบกับรถยนต์มินิมือสองคุณภาพเยี่ยม ได้ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น