พาพี่กลางของค่ายรถยนต์ตราดาวลูกไก่อย่างซูบารุ ไปทำการทดลองขับแบบเต็มรูปแบบกับฟอเรสเตอร์ใหม่ ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ของค่ายยุคใหม่ ออพชั่นใหม่ ๆ เสริมมาให้เต็มพิกัด พร้อมด้วยความสนุกในการขับขี่อย่างเต็มที่เหมือนเดิม
หลังการเปิดตัวน้องเล็กอย่างเอ็กซ์วี ซึ่งทำการผลิตในมาเลเซียมาได้ร่วมปี ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของซูบารุในภูมิภาคอาเซียนจะเริ่มดูดีและมีรัศมีเปล่งประกายมากขึ้น และเริ่มมีรถยนต์รุ่นเล็กวิ่งไปมาบนท้องถนนมากขึ้นเช่นเดียวกัน
การที่มีรถยนต์รุ่นใหม่วิ่งไปมาบนท้องถนน แน่นอนว่าส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ และทำให้ค่ายทีซี ซูบารุเองก็มีความพร้อมในการขยายธุรกิจอย่างจริงจัง ทำให้เราได้เห็นโชว์รูมใหม่ ๆ ผุดขึ้นมากมาย รวมไปถึงตัวสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ก็เข้ามาทำตลาดกันรวดเร็วขึ้นด้วย
รวมไปถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของซูบารุ ฟอเรสเตอร์ รถเอสยูวีซึ่งถือเป็นพี่กลางของค่าย ก็เข้ามาเปิดตัวอย่างรวดเร็วในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และได้ฤกษ์ปล่อยรถทดสอบกันในช่วงไม่นานมานี้เอง และแน่นอนว่าคำถามที่ต้องโดนถามก็คือรถคันนี้มีดีขนาดที่จะทำให้ลูกค้าจ่ายเพิ่มจากเอ็กซ์วีหรือไม่
เพราะราคาของฟอเรสเตอร์แม้จะเป็นรุ่น IL ซึ่งเป็นรุ่นเล็่กก็ปาเข้าไป 1.89 ล้านบาท และหากต้องการรุ่นแรงอย่าง XT ก็ต้องขยับอัตราการฉีกของกระเป๋าเพิ่มเป็น 2.42 ล้านบาท เทียบกับเอ็กซ์วีที่ควักแค่ราว ๆ 1.35 ล้านก็เป็นเจ้าของได้แล้ว
เอาเข้าจริง ๆ โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการไม่แฟร์เหมือนกันกับการเปรียบเทียบรถ 2 รุ่นนี้ เพราะด้วยแนวทางในการพัฒนาที่แตกต่างกันอยู่แล้ว และต้นทุนของราคาที่แตกต่างกันไปตามฐานภาษี ก็อยากแนะนำให้เลือกซื้อตามความชอบและการใช้งานที่แท้จริงมากกว่า
ฟอเรสเตอร์คือรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นรถเอสยูวีแท้ ๆ แตกต่างจากรถยนต์ที่แปลงร่างมาจากรถยนต์นั่งแบบเอ็กซ์วี ทำให้ขนาดของตัวถังของฟอเรสเตอร์ดูใหญ่กว่า บึกบึนกว่า ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการโดยสาร
รูปร่างหน้าตาของรถได้รับการพัฒนาจากเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา โดยเพิ่มลายเส้นและมัดกล้ามให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้รูปร่างหน้าตาดูแข็งแรงในรูปแบบของเอสยูวีแท้ ๆ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับขาลุยที่ต้องการรถยนต์หน้าตาโหด ๆ ไปบุกป่าตะลุยพง
กระจังหน้าขนาดใหญ่มาพร้อมโลหะคาดใต้โลโก้ โคมไฟหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด และไฟตัดหมอกที่ติดอยู่ด้านใต้กันชน ทำให้รถดูหน้าตามีมิติที่ชัดเจน ขณะที่ด้านหลัง แม้จะพยายามออกแบบโคมไฟหลังใหม่ แต่ก็ยังดูเชยเชยไม่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา
เปิดประตูที่อ้าได้กว้างขวางเข้ามาในตัวรถ ปราดสายตาผ่านคอนโซลหน้าแบบไวไว จะพบว่าซูบารุรุ่นใหม่ ๆ มีการพัฒนาในเรื่องของอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาในตัวรถมากพอสมควร ไม่ได้เป็นรถที่มีดีแค่เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเหมือนที่โดนนินทาลับหลังก่อนหน้านี้
เอาแค่ระบบกล้องถอยจอดที่แสดงผลผ่านจอสีสวยสดใสตรงกลางคอนโซล ระบบควบคุมเครื่องเสียงและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนพวงมาลัย แถมยังมีระบบการขับขี่ที่มีมาให้เลือกแบบธรรมดาหรือสปอร์ต ได้เพียงแค่กดปุ่มเลือกบนก้านพวงมาลัย
จะมาตกม้าตายก็ตรงไฟเลี้ยวแบบหน่วงเวลาที่ไม่ได้ติดตั้งมาให้ ทั้งที่ในรถญี่ปุ่นแทบจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ตั้งแต่อีโคคาร์ขึ้นมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีมาให้ในฟอเรสเตอร์คันนี้
เครื่องยนต์ที่เลือกใช้แน่นอนว่าต้องเป็นเครื่องสูบนอนบอกเซอร์รุ่นใหม่ โดยในรุ่น IL มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุ 198 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบ AWD อันลือชื่อของซูบารุ
เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ดีบนท้องถนนหรือการขับขี่ทางเรียบ แต่ดูแล้วเครื่องยนต์ดูจะเรี่ยวแรงน้อยไปสักนิดหากนำไปบุกผ่าฝ่าดงจริง ๆ โหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกให้การตอบสนองที่แตกต่างกันไม่มาก ถ้าขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้วุ่นวาย
เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งที่ดีและสนุกสนาน เมื่อเทียบกับเอสยูวีเบนซินของหลาย ๆ ค่าย แม้จะยังไม่ทิ้งกลุ่มเอสยูวีดีเซลที่มีอยู่ในท้องตลาด แต่ก็แลกกลับมาด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา ที่น่าจะเป็นพระเอกของรถคันนี้เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ
การควบคุมรถให้ลัดเลาะไปบนการจราจรอันติดขัดของกรุงเทพมหานครทำได้อย่างสะดวกและคล่องตัว แม้รถจะมีความสูงมากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป กำลังเครื่องยนต์ที่ทำงานสอดคล้องกับระบบขับเคลื่อน ทำให้รถวิ่งซอกแซกไปมาได้แบบไม่เหนื่อยอะไร
การทำความเร็วขึ้นไปที่ระดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่ตัวรถยังไม่แสดงอาการวอกแวก เป็นเรื่องที่ทำได้แบบไม่ต้องใช้การควบคุมตัวรถที่มากมาย ขณะเดียวกัน เบรกก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ในยามที่ต้องการแรงเบรกอย่างกะทันหัน
อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ในรถอย่างที่บอกแล้วว่าเกินพอ เรียกว่าใครที่คิดภาพของซูบารุยุคโบราณที่ตัดออพชั่นออกไปเพื่อทำราคาจำหน่ายให้ได้ถูกที่สุดนั้น ขอให้ลืมภาพแบบนั้นไปได้เลย และลองนึกถึงรถที่มาพร้อมอุปกรณ์เพียบ ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคัน และมาพร้อมเครื่องยนต์บอกเซอร์รวมทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
เอาจริง ๆ โดยส่วนตัวแล้วก็ยังแอบลุ้นให้กลุ่มตันจง ซึ่งถือสิทธิ์ของซูบารุในอาเซียน และเป็นคนคิดที่จะผลิตเอ็กซ์วีจนยอดขายระเบิดเถิดเทิงอยู่ตอนนี้ สามารถเจรจากับฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสตรี ในการขอขึ้นไลน์ผลิตรถรุ่นนี้ที่มาเลเซียได้ เพื่อทำราคาจำหน่ายลงมาให้ได้สูสีกับคู่แข่งสักเล็กน้อยก็ยังดี
เพราะเอาเข้าจริง ๆ ต้องบอกว่าในระดับราคาเท่านี้ ยังมีคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะยังไม่ดีเทียบเทียม แต่ราคาค่าตัวน่าคบหากว่ามาเป็นทางเลือกที่ดี หรือหากต้องการแบรนด์ซูบารุ เอ็กซ์วีที่ราคาถูกกว่ากันครึ่งล้านก็ดูไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก
ยกเว้นแต่ว่า ถ้าต้องการรถยนต์เอสยูวีแท้ ๆ หน้าตาไม่เหมือนใคร ขับไปไหนก็โดดเด่น ฟอเรสเตอร์ก็ดูเหมือนว่าจะหาตัวเปรียบได้ยากเหมือนกันในยุคนี้ แถมถ้ารุ่นนี้ยังไม่สะใจพอ แถมมีเงินเหลือมาก ๆ จะข้ามไปเล่นรุ่นใหญ่กว่าอย่าง XS ที่ราคากระโดดขึ้นไปอีกครึ่งล้านก็ตามสบาย
ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าล้วน ๆ พร้อมจะเล่นรุ่นไหนก็จัดไปเลย!!!
ขอขอบคุณ บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถยนต์ทดสอบ
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพเพิ่มเติมได้ http://photos.autospinn.com/2013_Subaru_Forester/
พบกับรถยนต์ซูบารุมือสองคุณภาพเยี่ยม ได้ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น