ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมทดสอบเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่จากทางจีเอ็ม ประเทศไทย ซึ่งพากันบินไปขับไกลถึงเมียนมาร์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อพม่า อย่างไรก็ตาม ทางจีเอ็มบอกว่าไม่ให้พูดถึงเรื่องของตัวรถก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ด้วยเหตุผลทางด้านการสื่อสารผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นานา
โอเคครับ ไม่ให้พูดถึงก็ไม่ให้พูดถึง เอาไว้ถึงเวลาที่กำหนดแล้วเราค่อยมาว่ากันอีกรอบด้วยเรื่องของตัวรถแบบเต็ม ๆ ว่าดีตรงไหน แย่ประการใด อดใจรออีก 2-3 วันนะครับ รอให้ผ่านช่วงเวลาที่เขาห้ามผ่านพ้นไปก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
แต่จริง ๆ ในทริปที่เดินทางไปมาก็มีเรื่องน่าสนใจเล่าสู่กันฟังเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดรถยนต์ในพม่าเอง ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะด้วยศักยภาพของประชากรก็ถือว่าไม่ธรรมดา และแรงสนับสนุนจากทางภาครัฐเองก็ไม่เลวร้าย น่าจะเป็นที่สนใจของค่ายรถได้ไม่ยาก
ก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์ในพม่าเองนั้นมักจะเป็นรถยนต์มือสองนำเข้าเป็นหลัก ทำให้มีรถยนต์เก่าวิ่งอยู่เต็มท้องถนนไปหมด ประกอบกับราคาจำหน่ายรถยนต์ในช่วงก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้าวแพง และกฎระเบียบในการทำธุรกิจที่ถือว่าไม่ง่าย ทำให้ยังไม่มีใครเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง
การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์มือสองจากญี่ปุ่นได้ แต่ต้องเป็นรถยนต์ในรุ่นไม่เก่ากว่าปี 2007 ทำให้รถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนของพม่าเริ่มใหม่มากขึ้น และรัฐบาลเองก็มีการสนับสนุนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ด้วยการออกกฎจำกัดโควต้าการนำเข้าสำหรับรถยนต์เก่าในอนาคตอันใกล้
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยม Chevrolet Brand Experience Center ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่างกุ้ง ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะกลายเป็นโชว์รูมอีกแห่งหนึ่งของเชฟโรเลตในอนาคตอันใกล้ และได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารซึ่งเป็นบริษัทจากสิงคโปร์มาร่วมทุนกับกลุ่มทุนในพม่า เพื่อเปิดกิจการดังกล่าว
ซึ่งแน่นอนว่าแม้การเปิดตลาดรถยนต์ใหม่ในประเทศพม่าจะไม่ง่าย ด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเรื่องของถนนหนทางหรือระบบเช่าซื้อและระบบประกันภัยที่ยังไม่เกิดขึ้นในพม่าก็ตาม แต่จากแนวโน้มการสนับสนุนของรัฐบาลแล้ว เชื่อว่าตลาดรถยนต์ในเมียนมาร์น่าจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ไม่ยาก
ทั้งนี้ พม่าจะนำเข้าโคโรลาโดและเทรลเบลเซอร์จากประเทศไทยเข้าไปจำหน่าย รวมถึงจะมีการนำเข้ารถรุ่นอื่น ๆ จากอินโดนีเซีย เกาหลีและสหรัฐอเมริกาเข้ามาเพิ่ม โดยจะมีการขยายตัวแทนจำหน่ายตามหัวเมืองใหญ่ในอนาคตอันใกล้ และคาดว่าจะมียอดจำหน่าย 1,000 คันในปี 2557
ออกเดินทางจากย่างกุ้ง พวกเราขับรถผ่านเมืองอันหนาแน่นของอดีตเมืองหลวงแห่งนี้ และเข้าสู่ถนนซูเปอร์ไฮเวย์ซึ่งทอดยาวจากย่างกุ้งถึงพุกาม ซึ่งกว่าจะมาถึงพุกาม พระอาทิตย์ก็ลับลาของฟ้าไปแล้ว ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอน ก่อนที่จะตื่นตี 4 ครึ่ง เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเจดีย์แห่งหนึ่งในพุกาม
พระอาทิตย์ขึ้นที่พุกาม โดยมีฉากด้านหน้าเป็นเจดีย์แห่งศรัทธาแห่งพุทธศาสนิกชนที่เหลือรอดผ่านกาลเวลามาได้เพียง 1 ใน 4 จากยุครุ่งเรือง ทำให้ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าที่ต้องตื่นเช้าและปีนกำแพงขึ้นมานั้นหายไปทันที มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่แดดเริ่มแรงและต้องปีนกลับลงไปนั่นแหละ
ออกจากพุกามแล้วก็นั่งรถกันต่อไปจนถึงมัณฑะเลย์ เมืองที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในยุคอดีตกาลของพม่า เป็นเมืองที่มีพระราชวังอันลือชื่อ และแน่นอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา เนื่องจากมีการสังฆายนาพระไตรปิฎกครั้งหนึ่งที่นี่ และปรากฎแผ่นหินอ่อนสลักที่วัดกุโสดอไว้เป็นหลักฐานความรุ่งเรืองในอดีต
มีโอกาสได้แวะไปวัดชะเวนันดอ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการย้ายหอธรรม ซึ่งเป็นอาคารไม้แกะสลักหนึ่งเดียวที่หลงเหลือมาจากการโจมตีพระราชวังมัณฑะเลย์ในยุคสงครามโลกมาได้ และเหลือทิ้งไว้ซึ่งตำนานแห่งความยิ่งใหญ่ที่แม้จะมีการจำลองตัวพระราชวังขึ้นมาใหม่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเทียบเทียม
เป็นอันจบทริปแบบรวบรัดของผมกับเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ที่นั่งประจำการกัน 2 วัน 2 คืน แต่ก่อนกลับก็มีเรื่องให้ประทับใจกับรถที่มาส่งจากประตูสนามบินถึงเครื่องบิน มีสภาพไม่แตกต่างจากรถเมล์ร้อนในบ้านเราสักเท่าไรนัก แถมสภาพแย่เกินกว่าจะยอมรับได้เสียด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่าเล่าเรื่องตลาดรถพม่าไปบ้าง แฉลบไปพาทัวร์บ้าง เหลือเรื่องรถนี่แหละ อยากเล่าจริง ๆ แต่ยังเล่าไม่ได้ อดใจรอกันอีกนิดนะครับ...
ความคิดเห็น