FIRST IMPRESSION : โตโยต้า ยาริส อีโคคาร์ It's not all 'THAT'S RIGHT!', but it's some 'OKAY!!!'

มาลองขับกันแบบขำขำสำหรับโตโยต้า ยาริส โฉมใหม่ล่าสุด รถยนต์ในโครงการอีโคคาร์จากค่ายพี่เบิ้ม ที่แน่นอนว่าเมื่อออกมาช้าที่สุดก็จะต้องเสริมจุดเด่น กลบจุดด้อยกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้เป้าหมายการจำหน่ายที่วางเอาไว้เดือนละ 4,000 คัน

ลองขับกันไปเป็นที่เรียบร้อย ขอจั่วหัวไว้เป็น First Impression เพราะระยะทางจากภูเก็ตถึงกระบี่ที่ไม่เต็ม 200 กิโลเมตรดี บวกกับการมีรถขับดักหน้าดักหลัง ทำให้ไม่ได้ทดลองตัวรถทั้งหมดในภาพรวม จะเขียนรีวิวแบบเต็มพิกัดก็คงไม่ได้ เอาเป็นว่าหลังมอเตอร์ เอ็กซ์โปค่อยยืมมาลองกันใหม่อีกสักรอบ

ข้อกำหนดต่าง ๆ ในการทดลองขับแบบน้ำจิ้มวันนี้ ทำให้ตลอดเส้นทางการขับขี่ทำความเร็วได้แตะ ๆ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น มีออกลูกดื้อหน่อยก็ขึ้นไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบแวบแวบ แต่บนสภาพถนนคดโค้งไปมาก็ทำให้ได้เรียนรู้ด้านอื่น ๆ ของตัวรถ

สเปกและรายละเอียด รวมถึงสนนราคาของแต่ละรุ่นตามไปอ่านกันได้อีกครั้ง ที่นี่ แต่สำหรับรถทดสอบที่โตโยต้าจัดไว้ให้ทั้ง 16 คันจะเป็นรุ่น G ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปสุด อุปกรณ์เยอะสุด และแน่นอนว่าราคาค่าตัวก็แพงที่สุดถึง 5.99 แสนบาท

ตัวรถด้านนอกแตกต่างจากทุกโมเดลด้วยโคมไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ที่มีมาให้เพียงรุ่นเดียว ถ้าเป็นรุ่นอื่นโคมไฟจะดูธรรมดาแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กระจังหน้าแบบเมทัลลิก คิ้วฝากระโปรงท้ายแบบโครเมียม กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถังพร้อมไฟเลี้ยว มือจับแบบโครเมียม รวมถึงกระจกบังลมหน้าแบบกันเสียง

ห้องโดยสารก็แตกต่างด้วยความหรูหรา จากวัสดุตกแต่งแบบเมทัลลิก พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม มีระบบ Smart Entry และ Push Start ติดตั้งมาพร้อม แถมเพิ่มจอแสดงข้อมูลผลการขับขี่และระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาอีก สวิตช์คุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย และอื่น ๆ อีกมากมาย

ดูจากอุปกรณ์ที่ให้มานี่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วนะครับ เพราะอัดมาแน่นเกินความเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามเรื่องของระบบเครื่องเสียงที่ให้มาเพียง USB และ AUX แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เหมือนบางค่าย ทางทีมงานก็เลยตอบว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาสำหรับโมเดลในอนาคต

ด้านอุปกรณ์ของตัวท๊อปนั้น ผมให้ผ่านนะครับ แม้ว่าจะไม่ชอบเบาะผ้าลายแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยจะรองรับน้ำหนักการนั่ง แถมดูไม่โอบอุ้มผู้ขับขี่และผู้โดยสารเสียเท่าไรนัก คาดว่าในอนาคตไกล ๆ เบาะหนังน่าจะตามออกมาเป็นออพชั่นให้เลือกได้ หรือไม่ก็รอรุ่นปรับปรุงโฉมไปเลย

มาที่เรื่องสำคัญที่ทุกคนอยากรู้ ก็คือเรื่องของการขับขี่ แต่อย่างที่บอกนะครับว่า ด้วยข้อจำกัดสารพัดทำให้ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้ เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟังดีกว่าว่าเมื่อตัวถังใหญ่ขึ้น น้ำหนักมากขึ้น แล้วเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่พัฒนามาพร้อมเกียร์ซูเปอร์ซีวีที จะเอาอยู่หรือไม่

ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมากก็คือ สอบผ่านสำหรับการใช้งานในเมืองครับ ถ้าคุณคิดเรื่องการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เครื่องยนต์ก็ยังมีกำลังเหลือมากพอในยามที่ต้องแซงแบบฉุกเฉิน ก็ต้องถือว่ายาริสทำได้ไม่เลวนัก

แต่หากเป็นการขับขี่ไปบนทางไกล ที่ต้องใช้ความเฉียบคมในการเร่งแซงมากขึ้นกว่าการขับขี่ในเมือง เครื่องยนต์ก็จะส่งเสียงครวญครางทันทีที่คุณกระทืบคันเร่งลงไปอย่างหนัก และจะใช้เวลาสักชั่วอึดใจกว่าจะยอมพุ่งออกแซง แต่ก็จะส่งเสียงครวญครางอย่างไม่หยุดหย่อน

การเปลี่ยนเกียร์ไปที่โหมด S ช่วยได้ครับ ดูเหมือนว่าถ้าเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เพื่อช่วยในการเร่งแซง รอบเครื่องยนต์จะวิ่งไปเร็วกว่า และทำให้แรงบิด 108 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานที่ 4,000 รอบต่อนาที ออกมาช่วยกันลากรถอย่างกระฉับกระเฉงมากขึ้น แต่มันก็แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ให้พอเร่งแซงได้เท่านั้น

แต่เอาจริง ๆ การขับขี่แบบคาราวานวันนี้มันค่อนข้างจะผิดกับนิสัยการขับขี่ของผมครับ เรื่องของเครื่องยนต์ 86 แรงม้าตัวนี้ คงต้องขอยกยอดไปวันที่เอามาทดสอบเดี่ยวกันอีกครั้ง ว่าถ้าลองขับในแบบที่คุ้นชินแล้ว การตอบสนองจะสนุกสนานกว่านี้หรือไม่

ทีมงานของโตโยต้าคุยว่ารถคันนี้มีการขยายฐานล้อออกจากรุ่นเดิม ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น อันนั้นไม่ทราบได้ครับ เพราะว่าไม่ได้มีโอกาสไปนั่งที่เบาะหลังเลย แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากขยายฐานล้อออกไปก็คือความรู้สึกในการควบคุมรถที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ไม่รู้ว่าเป็นการบังเอิญหรือจงใจ ทีมงานของโตโยต้าพาเจ้ายาริสคันน้อยออกจากถนนใหญ่ ไปวิ่งทางลัดเพื่อที่จะวิ่งผ่านถนนแบบคลุกฝุ่น มีหลุมมีบ่อให้วิ่งหลบหลีกกันพอสมควร ทำให้รู้สึกว่าช่วงล่างของยาริสเองไว้ใจได้และให้ความสะดวกสบายกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เยอะ

การควบคุมรถทำได้อย่างไม่ต้องไปติอะไรสำหรับคนที่ใช้ชีวิตขับขี่แบบธรรมดา แต่สำหรับผมแล้ว พวงมาลัยที่แม้จะไว้ใจได้แต่ก็ขาดซึ่งความเฉียบคมในการควบคุมรถให้ไปในทิศทางและตำแหน่งที่เหมาะสม อยากให้คมกว่านี้อีกสักนิดครับ จะเข้ากับช่วงล่างมากกว่านี้

มาที่เรื่องสุดท้าย เรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่แม้จะเป็นอีโคคาร์ที่ต้องเคลมตัวเลข 20 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ในการใช้งานจริงคงจะยาก ยิ่งขับไปตามถนนคดโค้ง ป่าเขามากมายอย่างที่ทีมงานจัดมา เดี๋ยวชะลอ เดี๋ยวกระชาก ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าตัวเลขจะไหลลงไปขนาดไหน

แม้ตัวรถจะลองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 ได้ แต่ในการทดสอบนี้มาพร้อมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ของ ปตท นะครับ ตามที่ทีมงานว่าไว้ โดยอัตราเฉลี่ยของกรุ๊ปที่ทำได้อยู่ที่ระดับประมาณ 15 กิโลเมตรต่อลิตร โดยคันที่ทำสถิติขับสนุกสนานที่สุดอยู่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตร และคันเบอร์ 4 ที่ผมและน้องอีกคนช่วยกันขับ ทำตัวเลขได้ดีสุดที่ 16.9 กิโลเมตรต่อลิตร

สรุปแบบทดลองกันคร่าว ๆ เลยว่า ถ้าอยากได้รถคันใหญ่โต ที่นั่งมากพอสำหรับคน 5 คนที่ไม่ได้ตัวใหญ่โตมากมาย ไว้ใช้งานในเมืองเป็นหลัก เครื่องยนต์ไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่เดือดร้อน ช่วงล่างไว้ใจได้ออกแนวสบาย และมีความสามารถที่จะจ่ายถึง 6 แสนบาท ยาริสคันนี้คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ส่วนใครที่จะเอาไปใช้งานมากกว่านั้น ขับรถออกต่างจังหวัดเป็นกิจวัตร เอาไว้ซิ่งเป็นหลัก หรือทำอะไรที่มากกว่าการขับขี่แบบธรรมดา กรุณารอไปสักพักให้ได้รถมาทำฟูลรีวิวอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีว่าเหมาะหรือไม่เหมาะประการใด

ส่วนรุ่นอื่น ๆ อีก 3 รุ่นย่อย บอกตรง ๆ ว่าถึงตอนนี้คงให้คอมเมนต์อะไรไม่ได้ เพราะว่ายังไม่เห็นแม้แต่ตัวรถเหมือนกัน!!!