สำหรับรถทดสอบในช่วง Motor Drive สัปดาห์นี้เราได้นำยนตกรรมสัญชาติเกาหลี ที่ทั้งหล่อ เท่ แปลก และแหวกแนวจากรถยนต์ทั่วๆไปที่วิ่งกันอยู่แน่นนถนน และนี่ก็เป็นอีกครั้งกับการทดสอบ Hyundai Veloster แต่เป็น รุ่น Turbo ซึ่งเดี๋ยวไปดูกันว่าจะหล่อและแรงขึ้นกว่า รุ่น NA สักแค่ไหน
Veloster's Time
Veloster 1.6 T-GDI หรือ รุ่น Sport Turbo นับเป็นหนึ่งในไลน์ผลิตของ Veloster ที่มีจำหน่ายอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น ทั่วโลก โดยจะแบ่งเป็นรุ่นพื้นฐานขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ 2 รุ่น ซึ่งจะต่างกันที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีทั้งแบบ Multi-Point เวอร์ชั่นบ้านเรา รุ่น 1.6 MPI กับแบบฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือ Gasoline Direc-Injection ใน รุ่น GDi ซึ่งมีจำหน่ายในต่างประเทศ และปิดท้ายด้วยตัวแรง รุ่น 1.6 GDI Turbo ที่เราได้นำมาทดสอบในวันนี้ ซึ่งมีค่าตัว 1,739,000 บาท แพงกว่า รุ่น Standard ถึง 440,000 บาท
Design & Interior
อย่างที่เคยบอกไว้ตอนทดสอบ Veloster ตัว NA ว่าเป็นเรื่องยากที่จะหารถสักคันบนท้องถนนบ้านเรา มาเทียบชั้นความหล่อของเจ้า Veloster ที่เท่สะดุดตาที่สุดใน ชม. นี้ได้ ซึ่งเมื่อหล่อขั้นเทพขนาดนี้คงต้องหันกลับมาเทียบกันเองกับน้องในไส้น่าจะง่ายกว่า ดูซิว่านอกจากความแรงแล้ว Veloster Turbo คันนี้จะมีอะไรแตกต่างจากรุ่นพื้นฐานที่ค่าตัวถูกกว่าอยู่หลายแสนบ้าง
เริ่มจากด้านหน้า ซึ่งตัว Turbo ดีไซน์ออกมาได้ดุดันมากขึ้นโดยเฉพาะกันชนหน้าที่ขยายช่องดักลมขนาดใหญ่ แบบชิ้นเดียวตั้งแต่ฝากระโปรงถึงชายกันชนล่าง โดยไม่มีแถบโครเมี่ยมมาขั้นกลาง พร้อมเพิ่มเส้นโค้งและไฟตัดหมอกที่เปลี่ยนเป็นทรงกลม เช่นเดียวกับไฟหน้าที่ทั้งสวยและสว่างมากขึ้นกว่า แบบ Halogen ด้วยโคมแบบ Projector Lens พร้อมไฟวงแหวนและไฟ LED Day Time ดีไซน์เก๋ไว้เหมือนเดิม
ด้านบนหลังคาถูกเสริมอารมณ์สปอร์ตด้วยหลังคาแบบ Panoramic Glass Roof บานใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ตลอดทั้งแนวหลังคา ส่วนด้านข้างตัวถังนอกจากประตูบานหลังที่มีฝั่งเดียวแบบ 2+1 แล้ว รุ่น Turbo ยังเติมเต็มด้วยล้ออัลลอยลาย 5 ก้านปัดเงาไซด์ 18 นิ้ว ที่หล่อโหดแบบพอดีกับโป่งล้อ ที่ดูมีมัดกล้ามมากขึ้นรับกับเส้นสายตลอดทั้งคัน ก่อนจะจบด้วยบั้นท้ายอวบๆ ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยปลายท่อไอเสียคู่ตรงกลางกันชนจากแบบเหลี่ยมมาเป็นทรงกลม เช่นเดียวกับ Reflector ที่มุมกันชนทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้เข้ากับดีไซน์โดยรวมได้ดีลงตัวและดุดันมากขึ้น
ห้องโดยสารในรุ่น Turbo ยังคงให้บรรยากาศในแนวสปอร์ต คล้ายกับตัว NA ซึ่งใช้โทนสีดำตัดกับสีเงินด้านแบบ Silver Accent และแสงไฟสีฟ้าจากมาตรวัดเรืองแสง Super Vision ที่สว่างชัดและทำให้ห้องโดยสารของ Veloster ดูหรูหราและทันสมัย พร้อมเพิ่มฟังชั่นต่างๆเข้าไปอีกนิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหนังแท้แบบปรับไฟฟ้าพร้อมออฟชั่นนวดหลังที่ฝั่งคนขับ ซึ่งปักตัวอักษรคำว่า "Turbo" แทน คำว่า "Veloster" ในรุ่นธรรมดา ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่พวงมาลัยมัลติฟังชั่น 3 ก้านสีดำด้านดูดุดัน
พร้อมด้วยออฟชั่นที่เดิมที่ยกชุดมาจาก รุ่น NA อีกเพียบ เช่น วิทยุ / CD / MP3 1 แผ่น พร้อมหน้าจอ Touch-Screen ขนาด 7 นิ้ว กับพอร์ท AUX , USB และฟังชั่น Bluetooth ซึ่งเพิ่มระบบสั่งงานด้วยเสียง หรือ Voice Commnad มาให้ในตัวเทอร์โบ และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้ Veloster Turbo ดูครบเครื่องมากด้วยออฟชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งบางทีอาจไม่ได้ใช้ แต่มีไว้แค่ประดับบารมีเท่านั้น
Engine & Performance
สำหรับความแตกต่างของขุมพลังเทอร์โบ ในเครื่องยนต์เบนซินบล็อก 1.6 นั้น แน่นอนว่ามันช่วยสร้างความประทับใจได้ดีโดยเฉพาะอัตราเร่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มี Proton Preve , Mini Cooper S ที่ขับได้สนุกกว่า เครื่องยนต์ 1.6 เพียวๆมาก เช่นเดียวกับ Veloster Turbo คันนี้ ที่เพิ่มความแรงด้วยระบบอักอากาศแบบ Twin Scrooll Turbocharger ให้กับขุมพลังเบนซิน Gamma 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-CVVT GDI รหัส G4FJ จาก 130 มาเป็น 186 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดที่เพิ่มจาก 157 นิวตันเมตร ขึ้นมาแบบก้าวกระโดดที่ระดับ 265 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับรถสปอร์ตแฮทแบคซ์ซึ่งหนักเพียง 1 ตันนิดๆ แถมมีช่วง Flate-Torque ที่กว้างสามารถเรียกกำลังแบบฉุดกระชากได้ตั้งแต่ 1,500 - 5,500 รอบ/นาที และพร้อมส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential Shift ซึ่งมีการปรับอัตราทดในช่วง 3 เกียร์แรกให้จัดจ้านและกระชับขึ้น เพื่อให้ขับสนุกตั้งแต่ออกตัว ก่อนจะยืดอัตราทดออกตั้งแต่ช่วงเกียร์ 4 เพื่อให้ได้สปีดปลายที่ไหลลื่น ต่อเนื่องและขับสบายมากขึ้นด้วย
ซึ่งถ้าเทียบเทคโนโลยีกับ รุ่น NA แล้ว คันนี้ถือว่าได้เปรียบอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Gasoline Direct-Injection ที่ให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้ และให้มลพิษที่ต่ำลงจนได้มาตรฐาน Euro5 ที่สำคัญคือมีเทอร์โบเป็นตัวช่วยให้ขับสนุกและเร้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการทดสอบที่ป็นไปตามคาด ความรู้สึกอืดจาก รุ่น NA ถูกสลัดทิ้งไปจนหมดจากฤทธิ์เดชของหอยพิษ และทำให้ Veloster Turbo พร้อมจะกระโจนออกตัวตั้งแต่กดคันเร่ง และทำความเร็วจาก 0 -100 กม./ชม. ได้ด้วยเวลา 8.5 วินาที ก่อนจะทะยานสูง Top Speed ที่ 210 กม./ชม. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สู้รพกับคู่แข่งในคลาส 1.6 Turbo อีกหลายๆค่ายที่วิ่งได้ทะลุ 200 ซะส่วนใหญ่
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองนั้น จากการขับทดสอบที่ความเร็วเฉลี่ยราว 70 กม./ชม. บนระยะทางที่มีทั้งรถเคลื่อนตัวช้าช่วงในเมืองและในจังหวะที่ใช้ความเร็วต่อเนื่องได้เป็นระยะทางรวมกว่า 120 กม. ได้ผลอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ประมาณ 10.1 กม./ลิตร
Handling & Ride & Brake
ส่วนระบบกันสะเทือนของ Veloster Turbo ยังคงเป็นพื้นฐานเดียวกับ รุ่น NA ด้านหน้านั้นใช้แบบมาตรฐานคืออิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ Coupled Torsion Beam หรือ คานบิด ที่ให้ความรู้สึกที่กระด้างขึ้นอีกนิดจากยางแก้มเตี้ย คล้ายๆรถสปอร์ตโหลดเตี้ยที่อาจจะดูแข็งแต่ขับสนุกและหนึบหนับมากยิ่งขึ้น รวมถึงพวงมาลัยที่หนักขึ้นอีกหน่อยและให้ความรู้สึกที่มั่นใจได้จากการแปรผันน้ำหนักด้วยระบบไฟฟ้า MDPS ได้ลงตัวมากขึ้นโดยเฉพาะที่ความเร็วสูงๆ พร้อมให้การบังคับควบคุมผ่านโค้งต่างๆได้อย่างแม่นยำและเฉียบคมเข้ากับหน้าตาสไตล์สปอร์ต
และปิดท้ายด้วยออฟชั่นด้านความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นใน Veloster Turbo โดยเฉพาะการเพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP , ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และระบบจัดการเสถียรภาพรวม หรือ VSM รวมถึงระบบ HAC ซึ่งถือว่าสำคัญมาก พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยจานดิสก์เบรกหน้าที่เพิ่มขนาดเป็น 300 มม. พร้อมดิสก์หลังขนาดเท่าเดิมคือ 262 มม. และเมื่อรวมกับความปลอดภัยใน Step ต้นที่มีให้แบบเดียวกับ รุ่นไม่มีเทอร์โบแล้ว Veloster Turbo จึงถือเป็นรถที่ขับสนุกและปลอดภัย ตอบโจทย์บรรดาขาซิ่งได้อย่างลงตัวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Tester Verdict
ถึงตอนนี้หลายคนคงหายข้องใจแล้วว่าทำไม Veloster 1.6 GDI Turbo คันนี้ถึงได้แพงกว่าตัว NA ในระดับที่สามารถซื้อ Eco Car ได้อีกคัน จากความเหมือนที่แตกต่างอย่างชัดเจน ตั้งแต่ภายนอกที่ทุ่มทุนสร้างความแตกต่างไม่มีกั๊ก ดูแล้วแตกต่างกว่าตัว Minor Change บางยี่ห้อซะอีก รวมถึงออฟชั่นที่มีมาให้ครบแบบ Full Option และที่คุ้มค่าที่สุดคือความแรงเทอร์โบชาร์จ กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย จนทำให้มันขับสนุกมากขึ้นชัดเจน ทั้งหมดนี้คือคำตอบของส่วนต่างของค่าตัว Veloster Turbo ซึ่งถ้าใครเงินถึงคันนี้น่าคบมากๆ แต่ถ้างบจำกัด รุ่น NA ก็เป็นทางเลือกที่ขับหล่อแบบไม่เน้นแรง ได้เช่นกัน..
Specification : Hyundai Veloster Turbo
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2012
ประเทศผู้ผลิต: Korea
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ประเภทรถยนต์: Sport 2+1
ราคา (ล้านบาท) 1.739
Dimension: (มม.)
Length: 4,220
Width: 1,790
Height: 1,399
Wheelbase: 2,650
Front/Rear track: 1,561/1,574
Engine
รุ่น Gamma 1.6 GDI
รหัส
แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว D-CVT พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์
ความจุ (ซีซี) 1,591
อัตราส่วนกำลังอัด
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก (มม.) 11.0 :1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง GDI
กำลังสูงสุด(ps.@rpm.) 186 @ 5,500
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 256 @ 1,500 - 4,500
เชื้อเพลิง เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 50
Drivertrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติ 6 Speed Step-Gate พร้อมโหมด Sequential Shift
คลัทซ์ Torque Convertor
Steering
แบบ แร็คแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (MDPS : Motor Driven Power Steering System)
วงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 5.2
Suspension
หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสปริงตรัท
หลัง ทอร์ชั่นบีม CTBA (Couple Torsion Beam Axle)
Brake
หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน/จานเบรกขนาด '''มม.
หลัง ดิสก์เบรก /จานเบรกขนาด '''มม.
พร้อมระบบ ABS/BA/EBD/ESP/TSC
Wheel+Tire
ล้ออัลลอย 18x7.5J
ยาง 215/40R18
Test Result : Hyundai Veloster 1.6 T-GDI
Acceleration (km./h) sec.
0-100 8.5
Top Speed 210
Consumption (km./l.)
AVR. 10.1
ขอบคุณ
บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่องโดย : อาณัติ สุทธิบุตร
ความคิดเห็น