สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้ ทีมงานมีโอกาสได้เข้าร่วมการทดสอบยานยนต์หรู ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าแบบ Plug-in อย่าง Porsche Panamera S E-Hybrid ที่เปิดไปเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา แบบ Soft Test เพื่อให้ได้ลองสมรรถนะในการขับขี่ด้วยไฟฟ้ากันแบบเต็มๆ
ซึ่งต้องขอขอบคุณ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส มา ณ ที่นี้ด้วย..ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย
Design&Interior
โดยเริ่มจากดีไซน์ภายนอก ซึ่ง Panamera ในเวอร์ชั่นเสียบปลั๊ก หรือ ปลั๊ก-อิน คันนี้ นอกจากช่องชาร์ตพลังงานไฟฟ้าทางฝั่งซ้ายสไตล์เดียวกับช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงทางด้านขวาแล้ว Panamera S E-Hybrid คันนี้ยังทำการปรับลุคใหม่ให้ดูสวยล้ำและสอดคล้องกับการขับขี่ด้วยไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ที่เสริมชุดไฟ LED อีก 4 ดวงล้อมตัวโคม Projector ไว้ ฝากระโปรงเพิ่มเส้นสายให้ดูมีมัดกล้ามมากขึ้น พร้อมติดโลโก้ e-Hybrid สีเงินพื้นเขียวที่บังโคลนหน้าทั้ง 2 ฝั่งรับกับคาลิบเปอร์เบรกสีเขียวเอกสิทธิ์เฉพาะเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid ส่วนล้ออัลลอยนั้นจัดไซด์ 18 นิ้ว ดีไซน์เรียบๆพร้อมยางหนานุ่มแรงเสียทานต่ำ ขนาด 245/50ZR18 ที่คู่หน้าและ 275/45R18 ที่ด้านหลัง ก่อนจะจบด้วยไฟท้ายใหม่ที่สวยขึ้นด้วยไฟเบรก LED แบบลายเส้น สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ขึ้น และโลโก้ Panamera S ที่ล้อมด้วยเส้นสีเขียวอ่อนแบบเดียวกับสัญลักษณ์ E-Hybrid ที่ด้านข้าง
จากนั้นมาต่อกันที่ห้องโดยสารที่ยังคงให้บรรยากาศในแบบ Luxury ด้วยเส้นสายและฟังชั่นต่างๆที่เต็มพรึบเหมือนกับตัว Panamera S และมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของมาตรวัตรทรงกลม 5 วงซ้อนดีไซน์คลาสสิค ด้วยเข็มไมล์สีเขียวอ่่อนพร้อมประทับตรง e-Hybrid ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่ Power Meter แบบดิจิตอล อันที่ 2 ทางฝั่งขวาที่ใช้บอกสถานะการทำงานของเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า พร้อมมาตรวัดแบบ Analog ที่ฝั่งซ้าย บนบรรยายที่หรูหราแบบเคร่งครึมด้วยโทนสีดำสลับกับสีเงิน
สรุปแล้ว Panamera S E-Hybrid ถึงแม้จะดูแตกต่างจาก รุ่น S Hybrid เดิมไม่มากนักก็ตาม แต่โดยรวมแล้วถือว่าหน้าตาดีและดูทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะไฟหน้าและไฟท้าย เสียอย่างเดียวที่ล้อและยางดูไม่เท่เท่ากับรุ่นปกติ แต่เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและประหยัดขึ้นก็ถือว่ารับได้
Engine&Performance
ส่วนทางด้านขุมพลังที่ใช้ขับเคลื่อนนั้นเป็นแบบ Pararel หรือ ระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน ที่มีต้นกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร ที่จ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จ ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดที่ 333 แรงม้า ที่ 5,500 -6,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 3,000 - 5,200 รอบ กับมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส ที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ใหม่ ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 9.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้มีกำลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวถึง 95 แรงม้า ที่ 2,200 - 2,600 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 310 นิวตันเมตร ซึ่งมีให้ใช้งานตั้งแต่ออกตัวไปจนถึง 1,700 รอบ/นาที มากกว่ารุ่นเดิมกว่าเท่าตัว และสามารถวิ่งไปได้ไกลสุดถึง 36 กิโลเมตร ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในโหมด E-Power และที่สำคัญคันนี้สามารถชาร์จไฟผ่านเครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) ที่ได้มาตรฐานในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยใช้ไฟบ้านปกติ จากชุดชาร์จไฟที่แถมมาให้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทั้ง 2 ต้นกำเนิดพลังรวมตัวกันก็จะทำให้ยานยนต์หรูระดับ Luxury Saloon คันนี้มีพลังน้องๆรถ Super Cars ที่ 416 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 590 นิวตันเมตร ในช่วงกว้างตั้งแต่ 1,250 - 4,000 รอบ/นาที โดยส่งถ่ายกำลังทั้งหมดสู่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ PDK 8 สปีด Triptronic ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชั่น สตาร์ท/ สต็อป โดยระบบจะทำการปิดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นเมื่อกำลังจะหยุดการทำงานของระบบ Coasting ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า 32 กม./ลิตร
ซึ่งจากที่ได้ขับทดสอบแบบซอฟท์เทส 2 รอบสั้นๆบนสนามทดสอบ Porsche ราบ 11 ที่เน้นให้ผู้ขับขี่ได้ลองสมรรถนะของระบบไฟฟ้าในโหมด E-Power เป็นหลัก ซึ่งเมื่อกดคันเร่งจะรู้สึกได้ถึงแรงต้านในโหมดนี้เพื่อล็อคให้ขับด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องเลี้ยงคันเร่งให้เมื่อยถึงจะเป็นโหมด EV และถ้าต้องการกำลังเพิ่มก็แค่กระแทกคันเร่งต่อระบบจะรู้ทันที่ว่าคุณต้องการพละกำลังจากเครื่องยนต์มาเป็นตัวช่วยเพิ่มอัตราให้จัดจ้านตามต้องการ หรือไม่ก็เลือกโหมด Hybrid หรือ Sport ที่มีให้เลือกปรับเปลี่ยนตรงปุ่มที่คอนโซลกลางคุณก็สามารถขับรถหรูคันนี้ในสมรรถนะที่ไม่แพ้รถสปอร์ตเลยทีเดียว
โดย Panamera S E-Hybrid คันนี้มีตัวเลขที่ทางโรงงานเคลมไว้ คือสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 5.5 วินาที พร้อมตัวเลข Top Speed ที่ระดับ 270 กม./ชม. จากการเค้นพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ารวมกับเครื่องยนต์พร้อมกัน นอกจากนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดด้วยการใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ถึง 135 กม./ชม. เลยทีเดียว
Handling&Ride&Brake
สำหรับระบบกันสะเทือนนั้นด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ พร้อมโช็คอัพแก็สและคอยซ์สปริงค์ ด้านหลังแบบ Multi-link พร้อมระบบปรับแรงดันการสั่นสะเทือนแบบแปรผัน Porsche Active Suspension Management (PASM) ซึ่งจาการทดสอบสั้นๆในช่วงทางตรงที่ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. รวมถึงโค้งกว้างๆ จึงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสมรรถนะของระบบช่วงล่างได้อย่างครบถ้วน และรู้สึกได้เพียงแค่ว่ามันขับง่ายและนุ่มนวลสไตล์รถผู้บริหาร โดยไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนมากนักในช่วงรอยต่อของพื้นแทรกเท่านั้น ไว้ถ้ามีโอกาสได้ขับเต็มๆอีกเมื่อไหร่น่าจะได้คำตอบว่ารถ Hybrid จาก Porsche นั้นจะขับมันได้เท่ากับ Panamera รุ่นปกติทั่วไปที่เคยได้ลองมากน้อยแค่ไหน
ส่วนระบบเบรกนั้นเป็นแบบ แบบ 2 วงจร แยกกันอิสระหน้า/หลัง พร้อมคาลิปเปอร์สีเขียวเด่น แบบอะลูมิเนียมโมโนบล็อค ด้านหน้า 6 Pot หลัง 4 Pot จับคู่กับจานเบรกขนาดใหญ่ถึง 360 มม. ด้านหน้า และด้านหลังขนาด 330 มม. เพื่อสยบฝูงม้ามากกว่า 400 ตัว ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยระดับ Premium จากปอร์เช่ที่มีมาให้ครบ
Tester Verdict
สรุปแล้ว Panamera S E-Hybrid คันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยานยนต์ที่เหมาะสำหรับยุคน้ำมันแพงตัวจริง ลองนึกภาพดูถ้าวันๆนึึงคุณต้องขับรถไปทำงานในระยะทางไม่เกิน 35 กม. คุณก็แค่ชาร์จไฟให้เต็มขับไปแล้วกลับมาชาร์จที่บ้านตอนเย็น เท่านี้ปั๊มน้ำมันก็ไม่มีทางได้เงินจากคุณแม้แต่บาทเดียว ซึ่งกรณีนี้อาจทำได้ 100% สำหรับประเทศที่มีการจราจรที่คล่องตัว ส่วนบ้านเรานั้นเครื่องยนต์อาจจะต้องมีส่วนช่วยบ้างบางจังหวะ แต่ก็ถือว่ายังไงก็ประหยัดอยู่ดี แถมยังช่วยลดมลพิษรักษ์โลก ในราคาที่เป็นมิตรกับผู้มีอันจะกินเพียง 9.6 ล้านบาท
Specification : Porsche Panamera S E-Hybrid
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2013
ประเทศผู้ผลิต: Porsche AG
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: AAS Auto Service
ประเภทรถยนต์:
ราคา (ล้านบาท) 9.6
Dimension: ( mm.)
Length: 5,015
Width: 2.114
Height: 1,418
Wheelbase: 2,920
Front/Rear track: 1,658/1,662
Weight : (kg.) 2,095
Engine
แบบ เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Supercharge
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 2,995
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก(มม.) 84.5x89.0
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง Direct Petrol Injection
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 333 @ 5,500 - 6,500
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 440 @ 3,000 - 5,200
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 80
Electronic-Power
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently excited synchronos motor
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 95 @ 2,200 - 2,600
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 310 @ 0 - 1,700
แบตเตอรี่ lithium-ion
เครื่องชาร์จ Porsche Universal Charger (AC)
Hybrid-Power
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 416 @ 5,500
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 590 @ 1,250 - 4,000
Drivertrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
เกียร์อัตโนมัติ PDK 8 Speed Triptronic
Suspension
หน้า ปีกนกคู่ โช็คอัพ คอยส์สปริงค์
หลัง อิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
Wheel+Tire (F/R)
ล้ออัลลอย 18x8J/ 18x9J
ยาง 245/50ZR18 / 275/45ZR18
Break
แบบ Dual Circuit Brake System
หน้า ดิสก์เบรกขนาด 360x36mm. พร้อมคาลิปเปอร์ 6 Pot
หลัง ดิสก์เบรก ขนาด 330x28mm. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 Pot
Test Result
Acceleration (km./h) sec.
0-100 5.5
Top Speed (km./h.) 270 & 135 (E-Power)
Consumption
AVR. 32.2 (km./l.)
Electronic 162 (kw./h./km.)
ขอบคุณ
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
Text : อาณัติ สุทธิบุตร
ความคิดเห็น