ขับทดสอบ Mitsubishi Attrage เกียร์ธรรมดา Eco Run วัดอัตราสิ้นเปลือง กับการเดินทางไกล Share this

ขับทดสอบ Mitsubishi Attrage เกียร์ธรรมดา Eco Run วัดอัตราสิ้นเปลือง กับการเดินทางไกล

Pon Piantanongkit
โดย Pon Piantanongkit
โพสต์เมื่อ 13 December 2556

เมื่อช่วงต้นเดือน กค. Mitsubishi Motors ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ Eco Car Sedan ของค่าย โดยใช้ชื่อ Mitsubishi Attrage และหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ทางเราได้ มีโอกาสเข้าร่วม Group Test ทดสอบ Eco Car ตัวล่าสุดในบ้านเรากันมาเรียบร้อย และสำหรับวันนี้ เราได้มีโอกาส ยืมรถทดสอบ Mitsubishi Attrage มาขับ ในระยะทางยาว กับเส้นทาง กทม.-เชียงใหม่ เพื่อทดสอบวัดสอบวัดอัตราสิ้นเปลืองกัน ตัวเลขจะออกมาเป็นเช่นไร และสำหรับการเดินทางด้วยรถ Eco Car แบบทางไกล ที่มีระยะกว่า 1,467 กม. นั้นจะเหมาะสมหรือไม่ ลองมาดูกันดีกว่าครับ

การทดสอบในครั้งนี้ ขอขอบคุณ Mitsubishi Motors ประเทศไทย ที่ได้ให้รถยนต์ Mitsubishi Attrage รุ่น GLX MT คันสีเทาดำ Eisen Gray Mica

Attrage_01

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มต้นการวัดอัตราสิ้นเปลืองช่วงแรก โดยเติมน้ำมันเต็มถังเอาแค่หัวจ่ายตัด รีเซ็ต Trip 0 ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณก่อนเข้าอยุธยา และวิ่งลากยาว รวดเดียวไปจนถึงช่วงจังหวัดลำปาง โดยเติมน้ำมันกลับเข้าไปเอาแค่หัวจ่ายตัดเช่นกัน (น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91)

โดยเงื่อนไขในการขับ และสภาพการจราจร ดังนี้

ในช่วง 100 กม. แรกหลังเซ็ต 0 ใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-105 กม./ชม. เปลี่ยนเกียร์ ที่รอบเครื่องราว 3,000rpm ช่วงนี้โชคดีมาก แทบจะไม่ต้องแตะเบรก เพราะถนนโล่ง และติดไฟแดง เพียงแยกเดียว

ต่อจากนั้น ใช้ความเร็วเฉลี่ย 110-115 กม./ชม. โดยในช่วง 100 กม. ต่อมานี้ รถเริ่มเยอะมากขึ้น การรักษาความเร็วให้คงที่ตลอดไม่ง่ายเหมือนช่วงแรก และติดไฟแดง 3 แยก ซึ่งเรายังคงเปลี่ยนเกียร์ ในช่วงออกตัวที่รอบเครื่องไม่เกิน 3,000rpm เช่นเดิม

หลังจาก ช่วง 200 กม. ถัดไป ช่วงที่เป็นถนน 2 เลน มุ่งหน้าเข้าจังหวัดกำแพงเพชร จะมีการทำทางซึ่งปิดข่องทางเดิน ไป และ ต้องเบี่ยงมาเลนขวา ตามก้นรถ พ่วง ใช้ความเร็วได้เพียง 50 กม./ชม. เป็นระยะทางราว 5 กม. หลังจากนั้น ความเร็วที่ใช้จะอยู่ที่ราว 80-90 กม./ชม. เนื่องจาก รถที่ค่อนข้างหนาตัว แต่หลังจากนั้น ที่รถเริ่มโล่งสามารถกลับไปยืนพื้นที่ 110 กม./ชม.

และเมื่อเข้าจังหวัดตาก-ลำปาง เส้นทางเริ่มเป็นภูเขา ทางจะเริ่มมีความลาดชัน และเป็นทางโค้ง ทำให้รอบเครื่องที่ใช้ไม่นิ่ง เหมือนในช่วงที่ขับขี่ทางตรง อาจมีกินกำลังรอบเครื่องไปบ้าง แต่ยังคงพยายามรักษาน้ำหนักเท้าไว้ เพื่อให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะสามารถได้ ก่อนที่จะหลุดจากบริเวณเขา กลับมาเป็นทางตรง และได้แวะเติมน้ำมันก่อนที่จะเข้าจังหวัดลำพูน

280km_resize

ระยะทางทั้งหมด 535.4 กม. ใช้น้ำมันไป 27.05 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลือง = 19.79 กม./ลิตร

หลังออกจากปั๊มแล้ว ทำการเซ็ตทริป 0 อีกครั้ง ก่อนขับมุ่งหน้าเข้าไปยังเชียงใหม่ ซึ่งใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 120 กม./ชม. และมีการเร่งแซงแบบการขับขี่ใช้งานทั่วไป หลังจากที่มาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ก็พบการจราจรทุกรูปแบบ ไม่ว่ารถติด หรือ เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ จนถนนโล่ง แถมท้ายด้วย การขับรถขึ้นเขา อย่างอำเภอแม่ริม และม่อนแจ่มอีก

หลังจากเดินทางท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ นาน 2 วันก็ถึงเวลา เดินทางกลับ เราได้เติมน้ำมันอีกครั้งหนึ่งเพื่อวัดอัตราสิ้นเปลืองกับการใช้งานจริง ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง บนเส้น Super Highway จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะขับรถเดินทางยาว กลับไปยัง Mitsubishi Motors ที่ จังหวัดปทุมธานี

535km_resize

โดยมีระยะทางทั้งหมด 280.1 กม. ใช้น้ำมันไป 16.499 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลือง = 16.98 กม./ลิตร

Attrage_08

สรุป การขับขี่วัดอัตราสิ้นเปลือง ในช่วงแรก กับการเดินทางไกล ที่รักษาความเร็วคงที่ ถือว่าทำอัตราสิ้นเปลืองออกมาได้ ในเกณฑ์ พอใช้ ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ ว่าน่าจะอยู่ในช่วง 20 กม./ลิตร โดยที่จริงการเดินทางในช่วงแรก ตั้งใจจะรักษาความเร็วเฉลี่ย ให้ได้ 100 กม./ชม. เพื่อจะเปรียบเทียบดูว่าสามารถทำได้ตามจริงอย่างที่เคลมไว้ 22 กม./ลิตร หรือไม่ แต่ หลังจากขับไปช่วงหนึ่ง ทางผู้เขียนเห็นว่าความเร็วที่ใช้ช้าเกินไป กลัวจะไปถึงดึก ในช่วงภูเขาอาจเกิดอันตรายได้ จึงปรับความเร็วเพิ่มเป็น 110 กม./ชม.

สำหรับการวัดอัตราสิ้นเปลือง ในช่วงที่ 2 ซึ่ง ตรงนี้ไม่ได้เป็นการวัดที่ซีเรียส แต่อย่างใด เพราะผู้เขียน ได้ขับขี่ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ เน้นรักษารอบเครื่องยนต์ มีเร่งแซง รวมถึงการใช้รอบเครื่องที่สูงในทางขึ้นเขา เนื่องจากจะต้องใช้เกียร์ต่ำ และ เพราะมีความชันมาก ซึ่งบางช่วงจะต้องเปลี่ยนเกียร์ลงไปลึกถึงเกียร์ 1 เพราะ กำลังเครื่องในเกียร์ 2 นั้นไม่พอ กับตัวเลขที่ได้ประมาณ 17 กม./ลิตร ถือว่าเยอะกว่าที่คาด เพราะผู้เขียนคาดว่า ตัวเลขน่าจะออกมาที่ราว 15 กม./ลิตร

Attrage_11

ในด้านการขับขี่ระยะทางไกล ด้วยรถ Eco Car มักเกิดคำถามจากใครหลายคนว่า รถจะไหวหรือไม่ ซึ่งผมต้องขอตอบเลยว่า สบายมาก ยิ่งกับการขับด้วยเกียร์ธรรมดาด้วยแล้ว อัตราเร่งถือว่า ทำได้ดีกว่ารถยนต์ พิกัด 1.8 บางรุ่นอีกด้วยซ้ำ และการเดินทางที่ความเร็ว แบบคนทั่วไป ในระดับ 100-120 กม./ชม. นั้นรอบเครื่องยังตกอยู่ในช่วงที่ แรงบิดยังมีให้ใช้อยู่ ในการขับขี่ที่ความเร็วระดับเท่านี้ และเผื่อระยะสำหรับแซงขึ้นเล็กน้อยยังพอทำได้ไม่น่าเกลียด แต่ถ้าขับแช่ยาว ในระดับความเร็วที่ 140 กม./ชม. ขึ้นไปนั้น อาจจะดูว่ากินกำลังเครื่องมากไปแล้ว

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราพบอุปสรรค อย่างหนึ่ง กับเจ้ารถยนต์ Eco Car คันนี้ นั่นคือ ดูจะไม่เหมาะแก่การนำไปขึ้นดอย ที่มีความลาดชันสูง เพราะเห็นได้ชัดว่ากำลังเครื่องมีไม่พอแก่การไต่ ถึงแม้จะใช้เกียร์ 1 ลากฉุดตัวรถขึ้นแล้วก็ตามที ในหลายจังหวะที่ทางชันขึ้นเรื่อยๆ และกำลังในเกียร์ 2 นั่น ไม่พอต้องสับเกียร์ลงไป ถึง เกียร์ 1 ซึ่งในจังหวะสับเกียร์บนทางชันนั้น อาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง ให้ดีด้วย

ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ