สำหรับช่วง Maxx Drive ในวันนี้เราจะพาคุณไปพบกับการทดสอบ เจ้าตั๊กแตนยักษ์ โมเดลใหม่ล่าสุด กับเจ้า Triumph Speed Triple 1050 ที่มากับขุมพลัง 3 สูบ 1,050 ซีซี ซึ่งมันจะหล่อเหลาสักแค่ไหนและสมรรถนะจะเป็นอย่างไร..ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย
ซึ่งเมื่อพูดถึงรถ 2 ล้อ แบรนด์ Triumph นั้นถือเป็นแบรนด์ดัง ราคาแพง จาก เกาะอังกฤษ ซึ่ง Britbike เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และหนึ่งในรถที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ นั่นคือเจ้า Speed Triple รถสไตล์ Naked Bike ที่มากับ ไฟกลมคู่หน้าอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่สาวก Bigbike ต่างรู้จักดี แถมยังเคยยานพาหนะของพระเอกในภาพยนตร์ Action สุดระห่ำ อย่าง MI2 (Mission Impossible 2) ที่นำแสดงโดย Tom Cruise เมื่อช่วงปี 2000 อีกด้วย
Design&Exterior
สำหรับดีไซน์ของเจ้า Speed Triple นั้นมีจุดเด่นอย่างไฟหน้าแบบทรงกลม 2 ดวง ที่เป็นเอกลักษณ์ให้หลายคนจดจำมากว่า 10 ปี ก่อนจะถูกปรับเปลี่ยนไฟหน้าให้กลายเป็นรูปทรงเหลี่ยมดูแปลกตา จนใครๆหลายคนเรียกมันว่า หน้าตั๊กแตน ที่ดูแล้วเหมือนรถยังประกอบไม่เสร็จ และเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาวัยรุ่น กับดีไซน์ที่ดู กวนโอ๊ย และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ชนิดที่ว่าขี่ไปไหนมาไหน ผู้คนพบเห็นก็หันมามอง ว่ามันคือรถอะไร
นอกจากนี้ถ้ามองจากด้านท้ายแล้ว จะรู้สึกได้ว่า Speed Triple นี้มันไม่ใช่รถที่ธรรมดาเอาซะเลย โดยเฉพาะความดุดันและทรงพลัง จากท่อคู่ออกท้ายขนาดใหญ่ ร่วมกับยางบิ๊กไซด์ ขนาด 190 ที่หุ้มล้อ อัลลอยลาย 5 ก้านคู่ ซึ่งเห็นได้ชัดเมื่อมองจากด้านท้าย จากการใช้สวิงอาร์มเดี่ยว ราวกับสาวสะโพกดินระเบิด และทำให้มันเป็นรถที่ผู้ทดสอบเองชื่นชอบมากคันหนึ่ง ในแบรนด์ Triumph
เมื่อเริ่มบิดกุญแจพร้อมสตาร์ท ซึ่งสามารถบิดได้ 4 ระดับ ที่ตอนแรกเล่นเอางงไปนิด คือ บิดสตาร์ท บิดดับเครื่อง บิดล๊อคคอ และล๊อคคอพร้อมไฟหน้าติด หลังจากบิดกุญแจแล้วไฟมาตรวัด ก็ติดขึ้น ซึ่งมีทั้งระบบดิจิตอล และแบบ Analog ทำให้รู้สึกถึงความ Classic ในยุคเก่า จากมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่เป็นแบบเข็ม ผสมปนเปกับความ Modern ในยุคใหม่ จากหน้าจอแสดงผล LCD Multi-Function ที่มีลูกเล่นมากมาย โดยสามารถตั้งค่าหน่วยในระบบเมตริก หรือไมล์ก็ได้ แถมยังสามารถเซ็ตค่าเตือนรอบเครื่อง ด้วยไฟ Shift Light สีฟ้่าว่าจะติดที่รอบเท่าไหร่และให้ไฟโชว์กี่ดวง พร้อมนาฬิกาจับ Lap Timer , เซ็ตทริป ,บอกอัตราสิ้นเปลืองรวมระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้ รวมถึงการแจ้งเตือนการนำรถเข้าเช็ค เรียกว่ามีให้ไม่น้อยหน้ารถ 4 ล้อเลยทีเดียว
และเมื่อได้ลองคร่อมดู พบว่าความสูงเบาะ 825 มม. กับส่วนสูงของพลขับประมาณ 174 มม. เมื่อใส่รองเท้าผ้าใบปกติ นั้นต้องเขย่งนิดๆเนื่องจากเหยียบไม่เต็มเท้า แต่หากใส่รองเท้าบูท จะสามารถเหยียบได้อย่างเต็มพื้นมากขึ้น ถึงแม้มิติรถจะดูใหญ่มาก ทั้งจากถังน้ำมัน และแชสซีส์ ที่ดูใหญ่โต แต่น้ำหนัก กลับไม่หนักเหมือนที่ตาเห็น เพราะการได้เฟรม, สวิงอาร์ม และล้อที่ทำจาก อลูมีเนียมทำให้มีน้ำหนักตัวอยู่เพียงแค่ 214 กก. เท่านั้น แต่กับท่าทางในการขับขี่ ด้วยแฮนด์บาร์ที่ดูกว้างและต่ำ พร้อมกับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ทำให้ท่าทางการขี่ของคนที่ตัวไม่ใหญ่มาก อาจไม่ค่อยสบายนัก เมื่อขี่ที่ความเร็วสูงต้องก้มหนีลม ด้วยการยื่นศรีษะออกมาให้กระชับกับด้านหน้าของถังน้ำมัน พร้อมกับการวางแขนให้แนบชิดตัวถัง ซึ่งยังดีที่ด้านข้างตัวถังมีร่องให้วางแขนแนบชิดเข้ามาได้
หลังจากที่ได้อยู่กับมันมา 3 วัน มีจุดที่ต้องติอยู่บ้างเล็กน้อย อย่างแรกคือกระจก ที่ก้านมันดูยื่นออกมาเกะกะแขนไปหน่อย เวลาที่เข็นรถ เพราะดูขนาดกระจกจะเกินเลยความกว้างช่วงแฮนด์บาร์ออกมาอยู่นิดนึง อีกอย่างคือ ไฟ Shift Light ที่ยอมรับว่าสวย แต่พอขี่ตอนกลางคืน มันกลับสว่างจ้า ยิ่งลากรอบไปถึงจุดที่ไฟกระพริบเตือนด้วยแล้ว มันรบกวนสายตาในการขับขี่กลางคืนมาก จนต้องปิดระบบนี้
Engine&Performance
ส่วนขุมพลังของเจ้า Triumph Speed Triple คันนี้นั้นใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 12 วาล์ว พิกัด 1,050 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลังเต็มที่ให้พร้อมเหนี่ยว ถึง 135 แรงม้า ที่ 9,400 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดอีก 111 นิวตันเมตร ที่ 7,750 รอบ/นาที
ซึ่งเมื่อเริ่มต้นขับขี่ ตอนกำคลัชรู้สึกได้ทันทีว่าหนักเอาเรื่องเลย พอเตะเกียร์ลง รู้สึกได้ว่าคันเกียร์ไม่แข็ง การเข้าเกียร์ทำได้ง่าย และมีระยะฟรีก่อนที่เกียร์จะเข้าล๊อค ตอนการหาเกียร์ว่างจึงทำได้ไม่ยากเย็น หลังจากปล่อยคลัชเพียง นิดเดียว รถก็พร้อมพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ และสามารถออกตัว แบบกระโจนได้ ไม่แพ้รถ 2 สูบ ด้วย Torque ที่มีมาให้ใช้แบบหนักๆ ตั้งแต่ทันทีที่เปิดคันเร่ง พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ หวานหูในสไตล์รถ 3 สูบ ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จะไม่ดุดันเหมือน 2 สูบ แล้วก็ไม่ทุ้มนุ่มแบบ 4 สูบ เมื่อขับลากรอบไปเรื่อยๆ ไฟ Shift Light จะเริ่มแจ้งเตือน ทีละดวง เมื่อถึงรอบที่กำหนดจะกระพริบถี่เพื่อเตือนว่าถึงรอบสูงที่ควรจะเปลี่ยนเกียร์ได้แล้ว เมื่อลากไปถึงกว่า 6,000 รอบ/นาที จะรู้สึกถึงแรงดึงที่พร้อมฉุดให้ปลิวออกจากตัวรถ เจ้าตั๊กแตน 3 สูบนี่มีแรงบิดมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต้น ทำให้มันกระโชกโฮกฮาก ไม่แพ้เครื่องยนต์ 2 สูบ แต่เมื่อย่านความเร็วกลาง ขึ้นไป กำลังก็จะมาให้แบบยาวๆ สม่ำเสมอ
การเร่งแซงที่ความเร็ว ระดับ 80 กม./ชม. ขึ้นไป แค่ เกียร์ 6 ก็สามารถแซงได้อย่างไม่ยากลำบาก เพียงเปิดคันเร่งออกไป รถก็จะทะยานผ่านทุกสิ่ง รอบตัวคุณได้อย่างสบาย และหรือหากลดลงมาเกียร์ 5 และเปิดคันเร่งจนสุด เพียงชั่วอึดใจเดียว ความเร็วก็ดีดขึ้นเกิน 130 กม./ชม. ได้อย่ารวดเร็ว เรียกได้ว่าพละกำลังมีมาให้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ต้น จน ปลาย แต่อาจต้องทำใจกับอัตราสิ้นเปลืองที่ ซดเก่งตามที่เคลมคือในเมืองจะอยู่ที่ 14.5 กม./ลิตร ถ้าวิ่งที่ความเร็ว 90 กม./ชม. ก็จะกินน้อยลงที่ 21.28 กม./ลิตร และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. จะซดเพิ่มเป็น 18.7 กม./ลิตร ส่วนสำหรับตัวเลขที่เราทำได้จากการวิ่งในตัวเมือง หน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 13 กม./ลิตร และวิ่งรอบนอกตัวเมือง จะได้อยู่ที่ 15 กม./ลิตร
Handling&Ride&Brake
จากนั้นมาดูที่ระบบกันสะเทือนกันบ้างด้าน ซึ่ง Speed Triple ใช้โช้คอัพคู่หน้าแบบ Upside Down แกนโช้คขนาด 43 มม. และด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว Monoshock จากแบรนด์ Showa แบบปรับ Rebound Compression ได้ทั้งหน้าและหลัง พร้อมสวิงอาร์มหลังเดี่ยว แบบ อลูมีเนียม ในส่วนของล้อเป็นแบบอัลลอยลาย 5 ก้านคู่ Multi-spoke สวมด้วยยาง Metzeler ขนาด 120/190 หน้า/หลัง ให้การเข้าโค้งที่แน่น และมั่นใจได้ดี แต่อาจจะรู้สึกแข็งไปบ้าง จากยางขนาด 190 ที่ดูจะไม่ค่อยซับแรงมากนัก และเนื้อยางที่ดูค่อนข้างจะแข็งไปสักนิด
สุดท้ายคือระบบเบรก ที่ด้านหน้าใช้จาน ดิสก์คู่ ขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Radial จาก Brembo 4 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS และด้านหลังใช้จานดิสก์เดี่ยว ขนาด 255 มม. คาลิปเปอร์เบรก จาก Nissin 2 ลูกสูบ ซึ่งให้ระยะเบรกที่ถือว่าเบรกอยู่ดี ในระดับหนึ่ง แต่หากขับมาด้วยความเร็ว การกำเบรกอย่างเดียว อาจคงไม่พอ คงต้องใช้ Engine-Brake เข้าช่วย เนื่องจากไซส์ตัวรถที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้มีแรงฉุดหน่วงให้รถยังเคลื่อนที่อยู่พอสมควร
Tester Verdict
สรุปแล้ว "เจ้าตั๊กแตนยักษ์" Triumph Speed Triple 1050 ที่มากับค่าตัว 8.7 แสนบาท ถือว่าราคามาตามเนื้อแบรนด์ จึงทำให้มันมีราคาค่าตัวโดดสูงไปสักหน่อย เมื่อเทียบกับรถพิกัด 1,000 ซีซี ของฝั่งยุ่น ที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบเทคโนโลยีใดมากมายให้ใช้ แต่มันก็คงไว้ซึ่ง ความดิบ ดุดัน และรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Speed Triple ที่สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ตัวไฟกลม ซึ่งข้อดีก็คือ ไม่ต้องมานั่งจุกจิกระบบไฟที่ซับซ้อน ให้รำคาญใจ อีกด้วย
ซึ่งต้นเหตุของค่าตัวที่ดูโดดนั้นมาจาก Triumph เป็นรถที่ประกอบไทย แต่เน้นเพื่อการส่งออก จึงติด BOI ทำให้ตีเป็นราคารถนำเข้า และทำให้แบรนด์ Triumph เป็นเฉพาะกลุ่มที่เล่นรถจริงๆ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาของแบรนด์ Triumph จากการเปิด Free Zone ซึ่งอาจส่งผลให้ คนไทยอาจมีโอกาสได้ใช้ของดี แบรนด์ดี ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีใจรักในแบรนด์ Triumph กับเจ้า Naked ตัวแรงคันนี้ คงไม่มีปัญหากับค่าตัวของมัน ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นรถในแบรนด์ ระดับ Premium อยู่ เพราะเมื่อคุณขี่ไปที่ไหน คุณยังมั่นใจได้ว่า มีแต่คนมองด้วยรูปลักษณ์และรูปทรงอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น