โตโยต้าเล็งทวงบัลลังค์แชมป์รถยนต์นั่งในปีนี้

โตโยต้า ประกาศลั่นขอทวงบัลลังค์แชมป์รถยนต์นั่งคืนจากฮอนด้าในปีนี้ หลังเปิดตัวโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วอนการเมืองยุติปัญหาความรุนแรง หวั่นกระทบการตัดสินใจลงทุนในอนาคต

เคียวอิจิ ทานาดะ ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะกลับขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งของประเทศไทยอีกครั้งในปีนี้ หลังการเปิดตัวโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส รุ่นใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ อัลติสใหม่เปิดตัวใน 8 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่าย 7.69 แสน - 1.069 ล้านบาท โดยโตโยต้าตั้งเป้าหมายยอดจำหน่ายของรถยนต์รุ่นนี้ที่ 4,000 คันต่อเดือน นอกจากนี้ ก็มีแผนที่จะส่งออกไปในตลาดเอเชีย-แปซิฟิก เอเชียใต้ และตะวันออกกลางในอนาคต

"โคโรลล่า อัลติสเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมของโตโยต้า โดยในปี 2555 ที่ตลาดรวมรถยนต์ขึ้นไปถึง 1.4 ล้านคัน ก็เคยมียอดจำหน่ายมากกว่า 5 หมื่นคัน สำหรับในปี 2557 ที่คาดว่าตลาดรวมน่าจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน ยอดจำหน่าย 4,000 คันต่อเดือนถือว่าเหมาะสม"

ทานาดะกล่าวแสดงความมั่นใจว่ายอดจำหน่ายในปีนี้จะชนะฮอนด้าอย่างแน่นอน หลังจากที่ยอดจำหน่ายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่่ผ่านมา สามารถเอาชนะไปได้ 1.5 หมื่นคัน แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวอัลติสใหม่ และจะไม่เพียงพอสำหรับการรักษาแชมป์ เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกมียอดจำหน่ายน้อยกว่า 1.8 หมื่นคันก็ตาม

ทั้งนี้ โตโยต้าเตรียมการผลิตรถยนต์โคโรล่า อัลติส ที่โรงงานเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยคาดว่าจะมีการผลิตเพื่อการส่งออกราว 4 หมื่นคัน คิดเป็น 42% ของกำลังการผลิตที่เตรียมไว้สำหรับโมเดลนี้ และอีก 58% เป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศไทย

สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยนั้น ทานาดะกล่าวว่าด้วยความเคารพไม่สามารถให้ความเร็วเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้ แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ของโตโยต้าในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ในฐานะรองประธานหอการค้าไทย-ญี่ปุ่น ก็ยอมรับว่าผู้ประกอบการมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และมีความเห็นว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองเป็นแบบนี้นาน ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของบริษัทฯ จากญี่ปุ่นในอนาคต

"ตอนนี้เรามองว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยมีปัญหา หลังจากที่ผ่านสถานการณ์น้ำท่วมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งในฐานะบริษัทฯ ที่มีการลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก นักธุรกิจก็เกรงว่าอาจจะมีผลกระทบหากสถานการณ์ยังคงอยู่นาน ดังนั้น จึงอยากให้จบในระยะสั้น"

ทั้งนี้ โตโยต้าได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการย้ายหน่วยงานที่สำคัญหลายหน่วยงานออกจากย่านกลางเมืองมาอยู่ที่สำนักงานใหญ่สำโรงใต้แทน ขณะที่การขนส่งรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด