หลังจากที่นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย สั่งนำเข้านิสสัน จู๊ค จากประเทศอินโดนีเซียเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทาง ก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับบรรดาแฟนคลับรุ่นน้อยใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะจู๊คเองเป็นรถที่มีหน้าตาแปลกประหลาดที่เคยมีการนำเข้ามาทำตลาดโดยผู้นำเข้าอิสระอยู่ก่อนแล้ว
แต่เพราะราคาจำหน่ายในขณะนั้นที่แพงเกินไปมาก ประกอบกับการเป็นรถยนต์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ต ทำให้ไม่มีลูกค้ามากมายนักที่กล้าซื้อรถคันนี้ไปครอบครอง แตกต่างจากการเข้ามาทำตลาดของนิสสันในครั้งนี้ ที่เปิดตัวมาไม่นานก็คว้ายอดจองไปแล้วเกือบ 5,000 คัน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนี่คือการทำตลาดอย่างเป็นทางการของนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ที่มีโครงข่ายการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเองเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ทำการผลิตในประเทศ แต่มาจากโรงงานของประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย
ต้องขอบคุณความพยายามของผู้ประกอบการรายใหญ่หลาย ๆ รายในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับนโยบายการเปิดประชาคมเสรีอาเซียน ที่ค่อย ๆ ผลักดันและเปิดที่ยืนให้กับสินค้าที่ผลิตในภูมิภาคนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากสามารถทำตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่มีการตกลงร่วมกันเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผลิตในโรงงานของนิสสัน อินโดนีเซีย แต่จู๊คที่จำหน่ายในประเทศไทยก็มีข้อแตกต่างบางประการ อย่างแรกก็คือ เครื่องยนต์ที่นำมาใช้จะแตกต่างกัน โดยเวอร์ชั่นประเทศไทยจะเป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่ใช้ในรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ขณะที่อินโดนีเซียจะมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร
นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับทีมผู้บริหารของนิสสัน ก็ระบุว่ามีการปรับปรุงในเรื่องของการผลิตเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยนั้น อยากได้รถยนต์ที่เนี๊ยบและมีมาตรฐานในการผลิตที่เหนือกว่า จึงต้องเข้าไปดูแลในทุกรายละเอียด
เรื่องของมาตรฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยกับโรงงานของอินโดนีเซียจริง ๆ เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคชาวไทยเองมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีนักอยู่แล้ว เห็นได้จากรถยนต์ที่นำเข้าจากอินโดนีเซียหลาย ๆ รุ่นก็ถูกพิจารณาในเรื่องนี้มากในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หากดูงานประกอบของจู๊คแล้วต้องยอมรับว่าดีกว่าในหลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะงานประกอบภายในห้องโดยสารที่ต้องเรียกว่าเกือบจะเนี๊ยบ 100% จะหาจุดติจากในห้องโดยสารก็ไม่ได้ทำกันได้ง่ายดายนัก
แต่ก็ยังพอเห็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตำแหน่งต่าง ๆ ของงานประกอบที่ด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นขอบรอบต่อที่ดูไม่ค่อยต่อเนื่องกันอย่างสนิทนัก หรือขอบกระจกของประตูบานหลัง ซึ่งเท่าที่เดินดูหลาย ๆ คัน งานประกอบด้านขวามือจะเหลือที่ว่างมากกว่าเล็กน้อย
หากมองในภาพรวมของรถทั้งคันแล้ว ต้องยอมรับว่าทีมงานของนิสสันเองก็ค่อนข้างเนี๊ยบและละเอียดเหมือนกันในการไปคุมเรื่องของการประกอบรถยนต์รุ่นนี้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดแบบที่เราเคยเจอในรถรุ่นอื่นที่มาจากอินโดนีเซียเหมือนกันแทบจะไม่มีมาให้รำคาญใจ
จู๊คเองเป็นรถยนต์ที่แน่นอนว่าโดดเด่นที่สุดในเรื่องของหน้าตาและการออกแบบที่โดดเด่นกว่ารถเกือบทุกคันบนท้องถนน ด้วยหน้าตาแบบเอาใจเด็กแนวแบบเต็มพิกัด โดยมาในรูปแบบของรถยนต์เอนกประสงค์ขนาดเล็ก ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป
ด้านหน้าของรถมาพร้อมรูปทรงสุดล้ำ โคมไฟหน้าขนาดใหญ่ ไฟหรี่และไฟถอยติดตั้งในตำแหน่งคิ้วเหนือขอบฝากระโปรงและมีไฟตัดหมอกแปะซ่อนอยู่ที่กันชน ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างยื่นและตีโป่งออกมา แต่ก็ไม่ได้รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่แต่อย่างใด
การออกแบบด้านข้างเน้นเส้นสายของมัดกล้ามที่ค่อนข้างเด่น ไล่ไปที่ด้านท้ายของตัวรถที่เส้นทั้งหมดจะถูกลากไปต่อเนื่องที่ตำแหน่งไฟท้ายและกันชนด้านหลัง ดูรวม ๆ ในเรื่องของการออกแบบแล้วคิดว่าน่าจะต้านลมในระดับหนึ่ง
ภายในของรถออกแบบมาแนวล้ำสมัยเพื่อเอาใจวัยรุ่นอย่างเต็มพิกัด โดยเวอร์ชั่นที่นำมาใช้เป็นหลักในการทำตลาดมาพร้อมการตกแต่งภายในสีแดง โดยมีห้องโดยสารสีเงินให้เลือกได้ในบางรุ่น สำหรับตัวถังภายนอกบางสีเท่านั้น ซึ่งโดยรวม ๆ แล้วต้องบอกว่าเป็นห้องโดยสารภายในที่จัดได้ว่าสวย
พวงมาลัยขนาดกระชับมือมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง แผงคอนโซลหน้ามาแบบจัดเต็มอย่างลงตัว ตำแหน่งกลางสุดของแผงคอนโซลเป็นชุดอุปกรณ์บันเทิงไอ-คอนเนคต์ ที่มีจุดเด่นที่หน้าจอขนาด 7 นิ้วนั้นสามารถถอดออกมาเป็นแท็บเลตถือไปไหนมาไหนได้ โดยมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่
ขณะที่แผงควบคุมด้านใต้ไอ-คอนเนคต์นั้นเป็นระบบดับเบิลเลเยอร์ คือมีการใส่ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศและระบบควบคุมระบบขับเคลื่อนไว้ในตำแหน่งเดียวกัน สามารถเลือกใช้งานได้ด้วยการกดปุ่มด้านบน หน้าจอก็จะปรับไปตามการใช้งานในขณะนั้น ๆ
ห้องโดยสารตอนหน้ามีขนาดกว้างขวางพอสมควร แม้ว่าห้องเครื่องและแผงคอนโซลหน้าจะถูกจัดวางตำแหน่งให้ลุกล้ำพื้นที่ของการขับขี่และการโดยสารมากพอสมควร แต่เมื่อนั่งเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เกะกะอะไร ทัศนวิสัยในการขับขี่ตอนหน้าผ่านฉลุย แต่ตอนหลังอาจจะต้องพิจารณาดีดีเนื่องจากบานกระจกหลังเล็กกว่าปกติ
เบาะที่โดยสารในตำแหน่งของผู้ข้บขี่สามารถปรับขึ้น-ลงได้มากพอสมควร แต่ดูเหมือนคันโยกปรับตำแหน่งจะทำงานขาด ๆ เกิน ๆ ทำให้ต้องใช้เวลาในการปรับตำแหน่งการนั่งบ้าง ขณะที่เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับได้แค่ 4 ทิศทาง พวงมาลัยปรับได้แค่ระดับความสูงเท่านั้น ไม่สามารถปรับตำแหน่งใกล้-ไกลได้
เบาะผู้โดยสารตอนหลังแม้จะมีตำแหน่งการเอียงที่เหมาะสมกับการโดยสาร แต่ด้วยความยาวของเบาะที่สามารถรองรับได้ประมาณครึ่งน่องเท่านั้น ทำให้การเดินทางระยะไกลอาจจะเมื่อยกว่าปกติ แถมเฮดรูมเองก็ไม่ได้มีพื้นที่ให้มากมายสำหรับผู้โดยสารที่มีความสูงโดดเด่น
เครื่องยนต์เอชอาร์16 ขนาด 1.6 ลิตรแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว หัวฉีดคู่กับระบบวาล์วแปรผันคู่ เป็นเครื่องยนต์ที่คนไทยชินดีอยู่แล้วกับซิลฟี่และพัลซาร์ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดที่ 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ติดตั้งโหมดการขับขี่มาให้ 3 แบบ ในโหมดการขับขี่ธรรมดา โหมดขับขี่แบบประหยัด และโหมดขับขี่แบบสปอร์ตที่คอมพิวเตอร์จะคำนวนการทำงานของลิ้นปีกผีเสื้อ เกียร์และช่วงล่างเสียใหม่ เพื่อให้รถยนต์สามารถแสดงสมรรถนะออกมาได้อย่างเต็มที่
จุดบอดของรถนั้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ก็คือเรื่องของการเก็บเสียงที่ยังไม่ค่อยดีนัก ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากลมปะทะหรือเสียงจากพื้นถนนที่ค่อนข้างดังตั้งแต่ความเร็วระดับกลางขึ้นไป ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ในโหมดธรรมดาดูโหยหวนและทำให้รู้สึกว่าเป็นการกดดันเครื่องยนต์มากเกินไปเมื่อกดคันเร่ง
ขณะที่ในโหมดสปอร์ต เสียงของเครื่องยนต์กลับดูเพราะพริ้งกว่าอย่างเห็นได้ชัด และความรู้สึกว่ากำลังเค้นการทำงานของเครื่องยนต์ก็ค่อย ๆ หายไป แต่ก็แลกมากับรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น และน่าจะเป็นตัวแปรไปสู่การสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นเช่นกันในโหมดนี้
เอาจริง ๆ ความรู้สึกในการควบคุมรถในโหมดธรรมดาและโหมดสปอร์ตแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน เพียงแค่ความรู้สึกที่ได้มันแตกต่างกันเกินไปเท่านั้น ในการใช้งานจริงหากขับไปไหนมาไหนในเมือง โหมดธรรมดาก็เพียงพอแล้วในการเดินทางไปมาในที่ต่าง ๆ
สิ่งที่ดีอย่างเหลือเชื่อสำหรับจู๊คก็คือระบบช่วงล่างที่แม้ในตอนต้นอาจจะคิดว่ามันดูแข็งกระด้างไปสักเล็กน้อย แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะรู้สึกว่านี่คือช่วงล่างที่เหมาะกับสภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นลูกคลื่นอย่างเมืองไทยดีอยู่แล้ว แถมยังให้ความมั่นคงไม่ว่าจะขับที่ย่านความเร็วไหนอีกต่างหาก
พวงมาลัยที่เหมือนจะเบาหวิวไปในตอนแรกที่คิดว่าไม่เหมาะกับรถยนต์กลุ่มนี้เลย กลับให้ความแม่นยำในการควบคุมรถมากกว่าที่คิด ระยะฟรีของพวงมาลัยก็ไม่มากนัก ขับไปขับมาแล้วจะชอบน้ำหนักของพวงมาลัยที่เซตมาเพื่อไม่ให้เหนื่อยกับการควบคุมรถเกินไป
สิ่งที่ต้องเรียนรู้ในการใช้รถคันนี้ก็คือการควบคุมให้เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานกันอย่างสัมพันธ์กัน เพราะเกียร์ซีวีทีก็มีบุคลิกที่แตกต่าง จำได้ว่านิสสันเองถึงขั้นเคยเปิดคอร์สสอนการใช้งานเกียร์ซีวีทีอย่างเป็นทางการเพื่อบอกว่าเกียร์เอ็กซ์ทรอนิก ซีวีทีนั้นมีดีที่ตรงไหนอย่างไร
ด้วยบุคลิกของเกียร์นั้น หากจะใช้งานแบบกระโชกโฮกฮากลากไปไหนมาไหนก็คงจะไม่เหมาะนัก เพราะจำเป็นที่จะต้องรู้จังหวะการทำงานที่สอดคล้องกับเครื่องยนต์ ทำให้บางจังหวะของการขับขี่อาจจะรู้ว่าเกียร์ทำงานไม่ค่อยเหมาะสมกับเครื่องยนต์เท่าใดนักในจู๊คคันนี้
การตอบสนองของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรตัวนี้ไม่จี๊ดจ๊าดระดับกดเป็นมา ตีนต้นอาจจะไม่ได้ดุดัน แต่หากปล่อยไหลไปยาว ๆ การทำความเร็วสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ไม่ใช่เรื่องยาก แถมมีช่วงล่างแน่น ๆ พวงมาลัยคม ๆ มาให้ใช้งานกันอีกต่างหาก
ปุ่มควบคุมและระบบต่าง ๆ ภายในรถถูกติดตั้งให้อยู่ในรัศมีการทำงานของผู้ขับขี่ได้อย่างไม่มีปัญหาและไม่ต้องเอื้อมมากนักในการปรับระบบต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่านิสสันเองมีการปรับปรุงและพัฒนาอินเตอร์เฟซให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นแม้จะทำการขับขี่รถอยู่ก็ตาม
ในระดับราคาจำหน่ายของจู๊คที่วางไว้ที่ 8 แสนกว่าบาท ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่มีคู่แข่งมากมายมหาศาลในหลายพิกัด แต่หากต้องการรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย หน้าตาแปลกประหลาดกว่าใคร ฟังชั่นส์การใช้งานอัดมาให้มากพอตัว จู๊คก็ถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจอยู่พอสมควร
น้อง ๆ ทีมงานวิศวกรของนิสสันเดินมาถามหลังการขับขี่ว่าอยากให้เพิ่มอะไรในรถคันนี้อีก ผมตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลว่า "ครูสคอนโทรล" หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะที่ผู้ขับขี่ร่วมของผมบอกว่าอยากได้ระบบนำทางที่ติดตั้งมาเลยในตัวรถ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 อย่างคงได้เห็นหลังการไมเนอร์เชนจ์เป็นแน่
นิสสัน ประเทศไทย เคาะราคาสำหรับรุ่น 1.6อีที่ 8.19 แสนบาท และรุ่น 1.6วี ที่ราคา 8.58 แสนบาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี คือ สีแดงเบิร์นนิ่งเรด สีน้ำเงินแปซิฟิคบลู สีดำแบล็คโซลิด สีขาวไวท์โซลิด สีเทาทไวไลท์เกรย์ และสีเงินบริลเลียนท์ซิลเวอร์ ภายในมาพร้อมสีแดงและสีเงินให้เลือกได้
ไปลองขับดูถ้าคุณคิดว่าต้องการรถที่โดดเด่นกว่ารถยนต์นั่งธรรมดาบนท้องถนน แต่หากต้องการไว้ขนผู้โดยสาร แนะนำว่ากลับไปดูรถยนต์นั่งธรรมดาก็พอ เพราะรถแนว ๆ ชิลล์ ๆ แบบนี้ เขาไม่เน้นบรรทุกเยอะกัน...
ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับการทดสอบรถยนต์ครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/2013_Nissan_Juke_Test_TH/
พบนิสสันมือสองและนิสสัน จู๊คมือสองคุณภาพเยี่ยมได้ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น